คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
เข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกฤดูกาล บางฤดูกาลไปถึงรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ด้วยระบบการเล่นที่ได้มาตรฐานของอาร์แซน เวนเกอร์ ยอดผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสวางไว้
ผลงานในลีกถ้าไม่เคร่งครัดจนเกินไป ‘ไอ้ปืนใหญ่’ ก็ไม่ได้ตกต่ำอะไร แต่พวกเขาไม่ใช่ฟูแล่ม, ซันเดอร์แลนด์, แอสตัน วิลล่า, โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส หรือแบล็คเบิร์น โรเวอร์ ที่ขออย่าให้ตกชั้นก็พอ
อาร์เซนอลเป็นทีมแชมป์ เป็น ‘บิ๊กโฟร์’ ของลีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แค่เข้าไปเล่นถ้วยใหญ่ของยุโรปทุกปี มันจะมีความหมายอะไร ในเมื่อไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาหลายฤดูกาล จนแฟนๆ เริ่มลืมเลือนกันไปบ้างแล้ว ว่าครั้งสุดท้ายทีมรักของพวกเขาได้ชูถ้วยฤดูกาลไหน
อาร์เซนอลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งสุดท้ายฤดูกาล 2003 - 04 หลังจากนั้นเป็นต้นมาถ้วยใบโตของบาร์เคลส์ พรีเมียร์ชิป ตกไปอยู่ในมือของคู่แข่งสำคัญ
ขอทบทวนความจำอีกครั้ง หลังอาร์เซนอลครองแชมป์ฤดูกาล 2003 – 04 ถัดมาฤดูกาล 2004 – 05 กับ 2005 – 2006 เชลซีจับจองถ้วยติดต่อกัน ฤดูกาล 2006 – 2007, 2007 – 08 และ 2008 – 2009 แมนเชสตอร์ ยูไนเต็ด เหมารวด ฤดูกาล 2009 – 10 คาร์โล อันเชล็อตติ นำพลพรรคเชลซีแย่งกลับไปอีก และ ฤดูกาลล่าสุด 2010 – 11 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉกกลับอีกครองครั้ง 7 ฤดูกาลหลังแชมป์พรีเมียร์ลีกกลายเป็นสมบัติผลัดกันชมระหว่างเชลซีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่อย่างอาร์เซนอลกับลิเวอร์พูล ถูกกาชื่อทิ้งไป
อาร์เซนอลหลุดวงโคจรไป 7 ฤดูกาลจนแฟนบอลบางส่วนเริ่มตั้งคำถามกับอาร์แซน เวนเกอร์ ทำไมทีมรักของพวกเขาถึงไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองบ้าง นานเกินไปนอกจากเหงาแล้วยังอับอายไม่กล้าสู้หน้าใครอีกต่อไป
เวนเกอร์เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมเมื่อเดือนกันยายน ปี 1996 ฤดูกาลถัดมาเขาพา ‘ไอ้ปืนใหญ่’ เถลิงแชมป์พรีเมียร์ลีกควบกับถ้วยเอฟเอคัพ นักเตะชุดนั้นประกอบด้วย ‘แบ็คโฟร์’ ที่แข็งแกร่ง ได้แก่ โทนี่ อดัมส์, ไนเจล วินเทอร์เบิร์น, ลี ดิกซัน และ มาร์ติน คีโอว์น และมีเดนนิส เบิร์กแคมป์ ที่กลายเป็นตำนานของสโมสรเป็นศูนย์หน้า
รวมถึงยอดกองกลางอย่าง เอ็มมานูเอล เปอตีต์, ปาทริก วิเอร่า และมาร์ค โอเวอร์มาร์ส นานจนบางคนลืมชื่อปีกร่างเล็กชาวฮอลแลนด์ไปแล้ว
แม้อาร์แซน เวนเกอร์ บริหารทีมไม่ขาดทุน แม้ไม่ทำกำไรท่วมท้น แต่อาร์เซนอลเป็นทีมที่มั่นคงเรื่องการเงินมากที่สุดทีมหนึ่งในสหราชอาณาจักรและในยุโรป พวกเขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเงิน
ความมั่นคงทางการเงินเกิดจากการซื้อนักเตะดาวรุ่งมาปั้น แล้วขายออกอย่างได้ราคา แถมไม่ทุ่มเงินซื้อนักเตะแพงบ้าเลือด ทั้งวางเพดานค่าจ้างนักเตะไม่สูงจนเกินไป
ตลอด 2 - 3 ปีที่ผ่านมา อาร์เซนอลเผชิญปัญหากัปตันทีม เชส ฟราเบกาส รบกวนจิตใจมาตลอด บาร์เซโลน่ากับรีล มาดริด แสงดวามสนใจนักเตะทีมชาติสเปนคนนี้เหลือเกิน ช่วงกำลังปิดฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน ฟราเบกาสมีข่าวกับบาร์เซโลน่าอีกแล้ว แม้เจ้าตัวเพิ่งจะยืนยันว่ายังมีความสุขดีที่อาร์เซนอลก็ตาม
ผมเชื่อว่าอาร์เซนอลอาจจะขายออกไปภายใน 2 ฤดูกาล ถ้าได้ราคาที่น่าพอใจ ดาวดังอย่างซามีร์ นาสรี่ ก็ไม่แน่ใจว่าจะรั้งตัวไว้ได้ เพราะ ‘ปิศาจแดง’ อยากได้ตัวเต็มกำลัง ส่วน กาแอล กลิชี่ แบ็คซ้ายก็ไม่น่าจะรั้งตัวไว้ได้ เชื่อว่าอาร์เซนอลจะขายนักเตะ 2 คนนี้ทำกำไรได้อีก
ข่าวว่าเวนเกอร์กุมเงินอยู่ในมือ 30 ล้านปอนด์ ลองดูกันว่าเขาจะซื้อใครและขายใคร ถ้าอยากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011 – 12
เข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกฤดูกาล บางฤดูกาลไปถึงรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ด้วยระบบการเล่นที่ได้มาตรฐานของอาร์แซน เวนเกอร์ ยอดผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสวางไว้
ผลงานในลีกถ้าไม่เคร่งครัดจนเกินไป ‘ไอ้ปืนใหญ่’ ก็ไม่ได้ตกต่ำอะไร แต่พวกเขาไม่ใช่ฟูแล่ม, ซันเดอร์แลนด์, แอสตัน วิลล่า, โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส หรือแบล็คเบิร์น โรเวอร์ ที่ขออย่าให้ตกชั้นก็พอ
อาร์เซนอลเป็นทีมแชมป์ เป็น ‘บิ๊กโฟร์’ ของลีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แค่เข้าไปเล่นถ้วยใหญ่ของยุโรปทุกปี มันจะมีความหมายอะไร ในเมื่อไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาหลายฤดูกาล จนแฟนๆ เริ่มลืมเลือนกันไปบ้างแล้ว ว่าครั้งสุดท้ายทีมรักของพวกเขาได้ชูถ้วยฤดูกาลไหน
อาร์เซนอลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งสุดท้ายฤดูกาล 2003 - 04 หลังจากนั้นเป็นต้นมาถ้วยใบโตของบาร์เคลส์ พรีเมียร์ชิป ตกไปอยู่ในมือของคู่แข่งสำคัญ
ขอทบทวนความจำอีกครั้ง หลังอาร์เซนอลครองแชมป์ฤดูกาล 2003 – 04 ถัดมาฤดูกาล 2004 – 05 กับ 2005 – 2006 เชลซีจับจองถ้วยติดต่อกัน ฤดูกาล 2006 – 2007, 2007 – 08 และ 2008 – 2009 แมนเชสตอร์ ยูไนเต็ด เหมารวด ฤดูกาล 2009 – 10 คาร์โล อันเชล็อตติ นำพลพรรคเชลซีแย่งกลับไปอีก และ ฤดูกาลล่าสุด 2010 – 11 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉกกลับอีกครองครั้ง 7 ฤดูกาลหลังแชมป์พรีเมียร์ลีกกลายเป็นสมบัติผลัดกันชมระหว่างเชลซีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่อย่างอาร์เซนอลกับลิเวอร์พูล ถูกกาชื่อทิ้งไป
อาร์เซนอลหลุดวงโคจรไป 7 ฤดูกาลจนแฟนบอลบางส่วนเริ่มตั้งคำถามกับอาร์แซน เวนเกอร์ ทำไมทีมรักของพวกเขาถึงไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองบ้าง นานเกินไปนอกจากเหงาแล้วยังอับอายไม่กล้าสู้หน้าใครอีกต่อไป
เวนเกอร์เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมเมื่อเดือนกันยายน ปี 1996 ฤดูกาลถัดมาเขาพา ‘ไอ้ปืนใหญ่’ เถลิงแชมป์พรีเมียร์ลีกควบกับถ้วยเอฟเอคัพ นักเตะชุดนั้นประกอบด้วย ‘แบ็คโฟร์’ ที่แข็งแกร่ง ได้แก่ โทนี่ อดัมส์, ไนเจล วินเทอร์เบิร์น, ลี ดิกซัน และ มาร์ติน คีโอว์น และมีเดนนิส เบิร์กแคมป์ ที่กลายเป็นตำนานของสโมสรเป็นศูนย์หน้า
รวมถึงยอดกองกลางอย่าง เอ็มมานูเอล เปอตีต์, ปาทริก วิเอร่า และมาร์ค โอเวอร์มาร์ส นานจนบางคนลืมชื่อปีกร่างเล็กชาวฮอลแลนด์ไปแล้ว
แม้อาร์แซน เวนเกอร์ บริหารทีมไม่ขาดทุน แม้ไม่ทำกำไรท่วมท้น แต่อาร์เซนอลเป็นทีมที่มั่นคงเรื่องการเงินมากที่สุดทีมหนึ่งในสหราชอาณาจักรและในยุโรป พวกเขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเงิน
ความมั่นคงทางการเงินเกิดจากการซื้อนักเตะดาวรุ่งมาปั้น แล้วขายออกอย่างได้ราคา แถมไม่ทุ่มเงินซื้อนักเตะแพงบ้าเลือด ทั้งวางเพดานค่าจ้างนักเตะไม่สูงจนเกินไป
ตลอด 2 - 3 ปีที่ผ่านมา อาร์เซนอลเผชิญปัญหากัปตันทีม เชส ฟราเบกาส รบกวนจิตใจมาตลอด บาร์เซโลน่ากับรีล มาดริด แสงดวามสนใจนักเตะทีมชาติสเปนคนนี้เหลือเกิน ช่วงกำลังปิดฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน ฟราเบกาสมีข่าวกับบาร์เซโลน่าอีกแล้ว แม้เจ้าตัวเพิ่งจะยืนยันว่ายังมีความสุขดีที่อาร์เซนอลก็ตาม
ผมเชื่อว่าอาร์เซนอลอาจจะขายออกไปภายใน 2 ฤดูกาล ถ้าได้ราคาที่น่าพอใจ ดาวดังอย่างซามีร์ นาสรี่ ก็ไม่แน่ใจว่าจะรั้งตัวไว้ได้ เพราะ ‘ปิศาจแดง’ อยากได้ตัวเต็มกำลัง ส่วน กาแอล กลิชี่ แบ็คซ้ายก็ไม่น่าจะรั้งตัวไว้ได้ เชื่อว่าอาร์เซนอลจะขายนักเตะ 2 คนนี้ทำกำไรได้อีก
ข่าวว่าเวนเกอร์กุมเงินอยู่ในมือ 30 ล้านปอนด์ ลองดูกันว่าเขาจะซื้อใครและขายใคร ถ้าอยากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011 – 12