ริค คาร์ไลส์ หัวหน้าโค้ช ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ แชมป์ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ทีมล่าสุด ออกโรงแสดงความเห็นใจ เอริค สโปเอลสตรา นายใหญ่ ไมอามี ฮีท ที่ต้องแบกรับความกดดันอย่างหนักไว้บนบ่า
ไมอามี ฮีท ถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์ NBA ซีซัน 2010/11 ทันทีที่ เลอบรอน เจมส์ ควงแขน คริส บอช มาผนึกกำลัง ดีเวย์น เหว็ด เป็น "บิ๊กทรี" เมื่อช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายยังคลางแคลงใจในฝีมือ เอริค สโปเอลสตรา เฮดโค้ชชาวอเมริกันเชื้อสายฟิลิปปินส์ ยิ่งต้นสังกัดสตาร์ทชนะ 9 แพ้ 8 เกม ทำให้มีกระแส แพท ไรลีย์ ประธานทีมอาจต้องลงมากุมบังเหียนเองอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี สโปเอลสตรา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยโดน เลอบรอน เดินเอาไหล่กระแทกไหล่ขณะออกมาพักช่วงเวลานอก สามารถนำ ฮีท จบฤดูกาลปกติด้วยสถิติชนะ 58 แพ้ 24 เกม รั้งอันดับ 2 ฝั่งตะวันออก เข้าสู่เพลย์อออฟไปไล่เฆี่ยน ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส, บอสตัน เซลติกส์ และ ชิคาโก บูลส์ เป็นตัวแทนคอนเฟอเรนซ์ เข้าสู่รอบชิงใหญ่ NBA แต่สุดท้ายก็พ่ายให้ ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ 2-4 เกม ฮีท ชวดเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ต่อจากปี 2006 ไปโดยปริยาย
โดย คาร์ไลส์ ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงเข้าใจหัวอกเพื่อนร่วมอาชีพวัย 40 ปี เป็นอย่างดี "สิ่งหนึ่งที่ผมสามารถพูดถึงไมอามีได้ คือ ผมคิดว่า เอริค สโปเอลสตรา มีงานยากที่สุดในอาชีพบาสเกตบอล ด้วยแนวทางของทีมและด้วยการคาดหวังสูงสุดที่เหลือเชื่อ นี่เป็นงานช้าง เขาพยายามอย่างสุดกำลัง เรา (แมฟเวอร์ริกส์) ก็เคยผ่านช่วงเวลายากๆ มาก่อนหน้านี้ ซึ่งผมมองว่าช่วงเวลาของพวกเขาก็จะมาถึงเช่นกัน"
นอกจาก เลอบรอน ที่โดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องฟอร์มที่ตกฮวบในซีรีส์รอบชิง แถมไม่มีทีเด็ดในควอเตอร์สุดท้าย (6 เกมทำใส่แมฟส์แค่ 18 แต้ม) ด้านของ สโปเอลสตรา โดนวิจารณ์เช่นกันเรื่องแท็กติก รวมถึงการดื้อแพ่งกว่าจะถอด ไมค์ บิบบี การ์ดที่แทบไม่มีส่วนร่วมกับซีรีส์ชิงดำ ต้องรอถึงเกม 6 ก่อนปล่อย มาริโอ ชาลเมอร์ส ลงมา ซึ่งก็ไม่ทันการณ์
ไมอามี ฮีท ถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์ NBA ซีซัน 2010/11 ทันทีที่ เลอบรอน เจมส์ ควงแขน คริส บอช มาผนึกกำลัง ดีเวย์น เหว็ด เป็น "บิ๊กทรี" เมื่อช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายยังคลางแคลงใจในฝีมือ เอริค สโปเอลสตรา เฮดโค้ชชาวอเมริกันเชื้อสายฟิลิปปินส์ ยิ่งต้นสังกัดสตาร์ทชนะ 9 แพ้ 8 เกม ทำให้มีกระแส แพท ไรลีย์ ประธานทีมอาจต้องลงมากุมบังเหียนเองอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี สโปเอลสตรา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยโดน เลอบรอน เดินเอาไหล่กระแทกไหล่ขณะออกมาพักช่วงเวลานอก สามารถนำ ฮีท จบฤดูกาลปกติด้วยสถิติชนะ 58 แพ้ 24 เกม รั้งอันดับ 2 ฝั่งตะวันออก เข้าสู่เพลย์อออฟไปไล่เฆี่ยน ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส, บอสตัน เซลติกส์ และ ชิคาโก บูลส์ เป็นตัวแทนคอนเฟอเรนซ์ เข้าสู่รอบชิงใหญ่ NBA แต่สุดท้ายก็พ่ายให้ ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ 2-4 เกม ฮีท ชวดเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ต่อจากปี 2006 ไปโดยปริยาย
โดย คาร์ไลส์ ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงเข้าใจหัวอกเพื่อนร่วมอาชีพวัย 40 ปี เป็นอย่างดี "สิ่งหนึ่งที่ผมสามารถพูดถึงไมอามีได้ คือ ผมคิดว่า เอริค สโปเอลสตรา มีงานยากที่สุดในอาชีพบาสเกตบอล ด้วยแนวทางของทีมและด้วยการคาดหวังสูงสุดที่เหลือเชื่อ นี่เป็นงานช้าง เขาพยายามอย่างสุดกำลัง เรา (แมฟเวอร์ริกส์) ก็เคยผ่านช่วงเวลายากๆ มาก่อนหน้านี้ ซึ่งผมมองว่าช่วงเวลาของพวกเขาก็จะมาถึงเช่นกัน"
นอกจาก เลอบรอน ที่โดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องฟอร์มที่ตกฮวบในซีรีส์รอบชิง แถมไม่มีทีเด็ดในควอเตอร์สุดท้าย (6 เกมทำใส่แมฟส์แค่ 18 แต้ม) ด้านของ สโปเอลสตรา โดนวิจารณ์เช่นกันเรื่องแท็กติก รวมถึงการดื้อแพ่งกว่าจะถอด ไมค์ บิบบี การ์ดที่แทบไม่มีส่วนร่วมกับซีรีส์ชิงดำ ต้องรอถึงเกม 6 ก่อนปล่อย มาริโอ ชาลเมอร์ส ลงมา ซึ่งก็ไม่ทันการณ์