บรรดา 20 สมาคมกีฬา อาทิ ฟุตบอล, มวยสากลสมัครเล่น, แบดมินตัน, ยิงปืน ร่วมตบเท้าลงนามคำรับรองความร่วมมือการดำเนินงานการจัดทำยุทธศาสตร์สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยและการประชาพิจารณ์ข้อบังคับกลางสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อให้ทุกสมาคมมีการปฏิบัติไปในทางเดียวกัน พร้อมยึดหลักข้อบังคับสหพันธ์นานาชาติ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2554 "บิ๊กหนุ่ม" กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย "การลงนามคำรับรองความร่วมมือการดำเนินงานการจัดทำยุทธศาสตร์สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยและการประชาพิจารณ์ข้อบังคับกลางสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย" ร่วมกับผู้แทนสมาคมกีฬาทั้ง 20 ชนิดกีฬา ณ ห้องพาวิลเลียน เอ โรงแรมเดอะแกรนด์โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
โดย "บิ๊กหนุ่ม" กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องมีข้อบังคับฉบับมาตรฐานว่า "สืบเนื่องจากที่ปัจจุบันวงการกีฬาได้เริ่มให้ความสำคัญกับกฏหมาย ข้อบังคับ กฏระเบียบที่มีอยู่มากขึ้นจนก่อให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง ซึ่งทำให้แต่ละสมาคมกีฬามีการดำเนินการต่างๆ และมีแนวปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป"
"ดังนั้นเพื่อให้การบริหารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยตามอำนาจตามข้อบังคับการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ที่ว่าด้วยการควบคุมสมาคมซึ่งมีวตถุประสงค์หลักเกี่ยวกับการกีฬาหรือส่งเสริมการกีฬาโดยตรง ดังนั้นทาง กกท. จึงเ้ห็นสมควรจัดให้มีข้อบังคับฉบับมาตรฐาน เพื่อเป็นแนวทางให้กับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยนำไปใช้ปรับต่อไป"
"แม้จะมีการเปลี่ยนตำแหน่งนายกสมาคมกีฬา แต่ข้อบังคับแม่แบบพื้นฐานที่ กทท.ได้กำหนดให้แก่ทุกสมาคมกีฬานั้นยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ตามสไตล์ของนายกสมาคมฯ แต่ละท่านได้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากที่ พรบ.กีฬา ยังอยู่ในรัฐสภา ในขั้นตอนแปรญัตติ" ผู้ว่า กกท. กล่าว
สำหรับการลงนามคำรับรองฯ ในปีนี้ได้้รับความร่วมมือจาก 20 สมาคมกีฬา ประกอบด้วย กีฬาทางอากาศ, เพาะกาย, เรือใบ, ซอฟบอล, ตะกร้อ, เบสบอล, แบดมินตัน, โบว์ลิ่ง, ปันจักสีลัต, เปตอง, ฟุตบอล, มวยสากลสมัครเล่น, ยกน้ำหนัก, เรือพาย, ลอนเทนนิส, วินด์เซิร์ฟ, วู้ดบอล, ฮอกกี้, แฮนด์บอล และ ลอนโบวล์ส โดยปีที่ผ่านมามี 8 สมาคมกีฬาที่ได้ลงนามคำรับรองฯ แล้วคือ กรีฑา, คาราเต้โด, จักรยาน, มวยปล้ำ, ยูโด, ยิมนาสติก, ยิงเป้าบิน และ ว่ายน้ำ
ภายในงาน "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้กล่าวถึงแผนงานของสมาคมฯ ว่า "สมาคมฯ จะผลักดันฟุตบอลทีมชาติไทยให้เป็นที่ 1 ในอาเซียน, ที่ 5 ในเอเชีย และต้องได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกภายในปี 2018 ให้ได้"
นอกจากนี้ “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศ ได้แนะนำข้อบังคับกลางฉบับนี้ว่า "ควรที่จะมีการกำหนดบุคคลที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งให้ละเอียดมากกว่านี้ อีกทั้งการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมเพียง 2 ปี มันน้อยเกินไป อยากจะให้นำแนวทางเหมือนนานาชาติที่ดำรงตำแหน่งได้คราวละ 4 ปี ที่สำคัญอยากให้ผู้ลงสมัครนายกสมาคมฯ ได้สมัครก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้า 1 เดือน ไม่ใช่เสนอชื่อในที่ประชุมอย่างที่เป็นอยู่ ทั้งนี้เพื่อให้สโมสรสมาชิกได้ทราบประวัติการทำงานและให้ผู้สมัครได้หาเสียง"
ด้าน อธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ นายกสมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทยฯ ได้เสนอการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคมฯ ว่า "เมื่อสมาคมต้องเลิกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่ หลังจากที่ได้ดำเนินการชำระบัญชีตามที่กฏหมายกำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ตกเป็นของ กกท. เสีย"
ท้ายนี้ “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ นายกลูกหวายไทยในฐานะรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ได้แนะนำว่า "อยากให้สมาคมกีฬาที่อยู่ภายใต้โอลิมปิคแห่งประเทศไทยกลับไปศึกษาข้อบังคับต่างๆ ให้ละเอียด ชัดเจน ว่าขัดแย้งกับกับสหพันธ์นานาชาติหรือไม่ เพราะสมาคมกีฬาจะขัดต่อข้อบังคับของนานาชาติไม่ได้เช่นกัน"
ขณะเดียวกัน ผู้ว่า กกท. ได้แจ้งว่า "ขณะนี้ กกท. ได้ส่งหนังสือแจ้งไปแก่ 2 สมาคม คือ ยิงปืน และ มวยสากล เพื่อให้มีการเลือกตั้งนายกสมาคมใหม่ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนสมาคมแบดมินตัน ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการตรวจสอบคุณสมบัติสมาชิก เรื่องกำหนดวันเลือกตั้งก็ขึ้นอยู่ที่นายกสมาคมคนเก่ากำหนด"