xs
xsm
sm
md
lg

เข้ายุค NBA ผลัดใบ / ลุงแซม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม

"คลื่นลูกเก่าหายไป คลื่นลูกใหม่ย่อมมีมาแทน" เป็นสัจธรรมที่ใช้ได้ในทุกวาระโอกาส รวมถึงศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ซึ่งคงถึงเวลาที่เหล่าผู้เล่นเลือดใหม่ฝีมือดีค่อยๆ เบียดเหล่าสตาร์จอมเก๋าหลุดจากวงโคจร เราจึงได้เห็น ชิคาโก บูลส์, ไมอามี ฮีท, หรือ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ หลุดเข้าถึงรอบชิงคอนเฟอเรนซ์ ประจำฤดูกาล 2010/11

ตั้งแต่รูดม่านเพลย์ออฟ แฟนๆ ต่างช็อกไปตามกันเมื่อ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ซึ่งนำมาโดย "บิ๊กทรี" ทิม ดันแคน, โทนี พาร์เกอร์ และ มานู จิโนบิลี พลิกล็อกโดน "เจ้าหมี" เมมฟิส กริซลีย์ส ทีมอันดับ 8 เขี่ยตกรอบแรกทางฝั่งตะวันตก นักวิเคราะห์วิจารณ์มองว่ามันหมดยุคของ "บิ๊กทรี" แล้วจริงๆ และถึงเวลาที่ สเปอร์ส ต้องเปลี่ยนแปลงทีมขนานใหญ่ เรื่องนี้บอร์ดบริหารทีมดังแห่งเท็กซัสรู้อยู่แก่ใจ จึงผลักดัน จอร์จ ฮิลล์ และ แกรี นีล คอยสลับช่วยงาน พาร์เกอร์ กับ จิโนบิลี ทว่าปัญหาจริงๆ แล้วคือตำแหน่ง "ฟรอนท์คอร์ต" ติอาโก สปริทเลอร์ เซ็นเตอร์บราซิเลียนยังกระดูกอ่อนเกินไป เกร็ก โพโพวิช เฮดโค้ชจึงต้องเข็น อันโตนิโอ แม็คไดรสส์ ในวัย 36 ปี ลงค้ำ ขณะที่ ดันแคน ดูสภาพโรยราเต็มที หากไม่เกรงใจกันว่าเป็นคนเก่าแก่ ดันแคน มีสิทธิโดนโละสูง อย่างไรก็ดี
เชื่อว่า สเปอร์ส น่าจะหาผู้เล่นตัวใหญ่มาช่วยงาน ดันแคน ไปก่อนค่อยๆ ถ่ายเลือดกันไป

มาถึงรอบตัดเชือกเพลย์ออฟ บอสตัน เซลติกส์ อีกหนึ่งทีมเก๋ามีอันต้องจรลี เมื่อโดน "บิ๊กทรี" ไมอามี ฮีท ไล่ถลุง 4-1 เกม โดย เลอบรอน เจมส์, ดีเวย์น เหว็ด และ คริส บอช ส่งสัญญาณให้เห็นว่ายุคของ พอล เพียร์ซ, เรย์ อัลเลน, เควิน การ์เนตต์ หรือแม้แต่ ชาคิล โอนีล กำลังจะหมดลงในไม่ช้า ถ้า แดนนี เอนจ์ ผู้จัดการทั่วไปไม่มีกึ๋นในการดึงผู้เล่นรายใหม่เข้ามาเสริม เซลติกส์ คงต่อกรแย่งความเป็นหนึ่งทางฝั่งตะวันออกกับ ฮีท หรือ "กระทิงเปลี่ยว" บูลส์ ลำบากในซีซันต่อๆ ไป อย่างไรก็ตาม พอมีข่าวดีอยู่บ้างเมื่อ ด็อกซ์ ริเวอร์ส หัวหน้าโค้ชคนเก่งจรดปากกาต่อสัญญายาวไปเป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่เห็นว่า เซลติกส์ น่าจะเร่งทำในลำดับต่อไปคือ การเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับ เจฟฟ์ กรีน ฟอร์เวิร์ดที่ลงทุนไปเทรดมาจาก โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ซึ่งผู้เขียนมองว่ามีการปรับตัวเข้ากับระบบของ ริเวอร์ส ได้ดีขึ้น ส่วนตำแหน่งเซ็นเตอร์ การขาดหายไปของ เคนดริก เพอร์กินส์ ทิ้งรอยโหว่เอาไว้ต้องหาใครมาแทน เนื่องจาก เนนาด คริสติก ยังไม่ใช่คำตอบ เจอร์เมน โอนีล ประเภทสามวันดีสี่วันไข้ ขณะที่ "ซูเปอร์แชค" หมดสภาพแล้วจริงๆ

ด้าน เลเกอร์ส อย่างที่ผู้เขียนเคยแสดงทรรศนะชุดใหญ่ไปในตอนก่อนว่าถึงเวลาต้องผลัดใบเช่นกัน โคบี ไบรอันท์ ยังต้องเป็นแม่ทัพใหญ่ต่อไป เพียงแต่ GM มิทช์ คัพแช็ค ต้องมีทางหนีทีไล่เอาไว้บ้าง ตำแหน่งตัวคุมบอลคงถึงคราวหามือดีมาช่วย โคบี แทนจอมเก๋าอย่าง ดีเร็ค ฟิสเชอร์ ซึ่งถ้าสังเกตให้ดี 3 ทีมที่กล่าวข้างต้นล้วนเป็นมหาอำนาจแห่งทศวรรษที่ผ่านมา แต่ก็ถึงคราวต้องเปลี่ยนแปลงกันไปตามกาลเวลา หากมองในแง่ดีเราจะได้เห็นความสนุกเข้มข้น การแข่งขันที่ไม่ผูกขาด (แชมป์) เกินไป แฟรนไชส์อย่าง บูลส์, ฮีท, ธันเดอร์, ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ หรือ ออร์แลนโด แมจิก จะได้ลืมตาอ้าปากกันบ้าง แต่ถ้าใครเป็นแฟนตัวยง สเปอร์ส, เซลติกส์ หรือ เลเกอร์ส คงไม่อยากให้ทีมชักช้าอยู่ใย เพราะหากทิ้งช่วงนานเกินไป คลื่นลูกใหม่อย่าง เดอร์ริค โรส (บูลส์), เควิน ดูแรนท์ กับ รัสเซลล์ เวสต์บรูก ดูโอธันเดอร์, ราจอน รอนโด (เซลติกส์), ดไวท์ ฮาวเวิร์ด (แมจิก) หรือ ลามาร์คัส อัลดริดจ์ (ปอร์แลนด์ เทรลเบลเซอร์ส) นี่ยังไม่รวมถึงพวก คริส พอล (นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์), สามสหายแห่งฮีท, คาร์เมโล แอนโธนีย์ กับ อมาเร สเตาดาไมร์ ของนิวยอร์ก นิกส์ ซึ่งผลงานสุกงอมเต็มที่จะซัดคลื่นลูกเก่าจนหาทางเข้าฝั่งไม่เจอ

สุดท้ายผลพวงจากการเข้าสู่เจนเนอเรชันใหม่ ยังส่งผลดีไปยัง "ดรีมทีม" (ทีมชาติสหรัฐอเมริกา) ต่อไปด้วย แต่ละซัมเมอร์จากนี้ เจอร์รี โคลันเจโล ผู้อำนวยการบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐฯ คงไม่ต้องเสียเวลาโทรศัพท์ไปงอนง้อซูเปอร์สตาร์ยุคเก่าให้มารับใช้ชาติในการลุยกีฬาโอลิมปิก หรือทัวร์นาเมนต์ระดับชิงแชมป์โลก ก็ในเมื่อยุคสมัยของ NBA มีการผลัดใบไปในทิศทางที่พัฒนาขึ้นแล้วนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น