ASTVผู้จัดการรายวัน - นับถอยหลังเข้ามาทุกขณะสำหรับการลุ้นแชมป์ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ฤดูกาล 2010/11 โดย ชิคาโก บูลส์ กับ ไมอามี ฮีท ถือเป็น 2 ตัวเต็งแต่คงมองข้าม ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ หรือ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ไม่ได้ ซึ่งบรรทัดต่อจากนี้ "ลุงแซม" คอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการรายวัน จะมาไขให้เห็นถึงปัจจัยในการส่งแต่ละทีมไปสัมผัส "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี"
ซูเปอร์สตาร์ติดเครื่อง
เมื่อเพลย์ออฟเดินทางมาถึง "ไฟนัล โฟร์" อุณหภูมิความมันเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ เมื่อเหล่าซูเปอร์สตาร์ปล่อยของกันออกมาอย่างเต็มที่ โดย ชิคาโก บูลส์ กำลังไปได้สวยจากความกล้าเล่นทะลุทะลวงของ เดอร์ริค โรส ดีกรีผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ซึ่งก็เล่นเอาแม่ทัพ ไมอามี ฮีท ทั้ง เลอบรอน เจมส์ กับ ดีเวย์น เหว็ด กางตำรารับกันไม่ทัน อย่างไรก็ดี หากพูดถึงชื่อชั้นยังต้องยกให้ "เลอบรอน แอนด์ ดี-เหว็ด" คือผู้เล่นฝีมือดีสุดที่ยังยืนหยัดในสนามถึงทุกวันนี้ นอกจากการทำเฉลี่ย 25 แต้มต่อเกมเป็นกิจวัตร ทั้งคู่ยังโดดเด่นในเกมรับ ซึ่งสามารถเป็นปัจจัยเสริมส่ง ฮีท ครองแชมป์สมัยที่ 2 ในรอบ 5 ปี
ด้าน แมฟเวอร์ริกส์ การผ่านด่าน "แชมป์เก่า" แอลเอ เลเกอร์ส มาแบบกวาดซีรีส์ 4-0 เกม ความดีความชอบต้องยกให้ เดิร์ก โนวิตซกี ผลงาน 26.5 แต้ม ยิงสามแต้มลงระดับ 60 เปอร์เซ็นต์ นี่จึงถือเป็นปีทองของฟอร์เวิร์ดเยอรมนีอย่างแท้จริง ส่วน เควิน ดูแรนท์ ได้รับการยกย่องอย่างมากจากสื่อมะกัน ด้วยวัยเพียง 22 ปี แต่สามารถแบก ธันเดอร์ มาได้ไกลถึงรอบชิงคอนเฟอเรนซ์ ทั้งยังเป็นผู้นำลีกเรื่องทำแต้มในฤดูกาลปกติ (27.7 แต้ม) ต่อยอดถึงเพลย์ออฟ (28.9 แต้ม) ความหวังของแฟรนไชส์จึงฝากไว้ในมือซูเปอร์สตาร์ทีมชาติสหรัฐอเมริกา
ทีเด็ดจากตัวช่วย
ด้วยการที่บาสเกตบอลเล่นกันเป็นทีม ดังนั้นความสำเร็จคงก่อเกิดได้ยากหากไม่มี "ตัวช่วย" เข้ามาเสริม เมื่อมองไปที่บูลส์ มีทั้ง คาร์ลอส บูเซอร์ และ ลูออล เดง ช่วยผ่อนภาระ โรส กอปรกับความขยันของ โจอาคิม โนอาห์ ทีเด็ดจากม้านั่งสำรองจาก ทาจ กิบสัน และ ไคล โครเวอร์ ทำให้ "กระทิงเปลี่ยว" ดูดีมีสมดุล คู่แข่งคงต้องเร่งเครื่องเพิ่มเติมในจุดนี้ โดยเฉพาะ ฮีท ซึ่งโดนปรามาสทำนองถ้าไม่มี "บิ๊กทรี" (เลอบรอน, เหว็ด และคริส บอช) ก็ไม่ต่างอะไรจากทีมธรรมดาๆ แต่เมื่อได้ ยูโดนิส ฮาสเลม หายเจ็บกลับมาช่วยแผงฟรอนท์คอร์ต สำรองอย่าง มาริโอ ชาลเมอร์ส มีดีทั้งรุกและรับ คงไม่สามารถกาชื่อ ฮีท จากสารบบการลุ้นแชมป์ไปได้
เช่นเดียวกับ แมฟเวอร์ริกส์ ซึ่งซีรีส์ที่ล้ม เลเกอร์ส แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของผู้เล่นสำรอง เจสัน เทอร์รี กับ เพยา สโตยาโควิช สามแต้มดั่งจับวาง เจ.เจ.บาเรีย เสริมงาน เจสัน คิดด์ การ์ดจอมเก๋าได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทางฝั่ง ธันเดอร์ แม้กลุ่มผู้เล่นอายุเฉลี่ยไม่ถึง 25 ปี แต่ทีมเล่นได้อย่างคึกคะนอง รัสเซลล์ เวสต์บรูก กำลังไต่ระดับขึ้นสู่การเป็นการ์ดจ่ายระดับท็อป 5 NBA เจมส์ ฮาร์เดน กล้าเล่นเมื่อได้โอกาสลุกจากม้านั่ง ขณะเดียวกัน เคนดริก เพอร์กินส์ เกมรับสุดเหนียว ที่สำคัญมีประสบการณ์เป็นแชมป์กับ บอสตัน เซลติกส์ มาช่วยเพื่อนๆ ได้มาก
กึ๋นกุนซือ
ถ้าพูดถึงเรื่องประสบการณ์ ต้องยกให้ ริค คาร์ไลส์ (แมฟเวอร์ริกส์) เหนือกว่าใคร เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมากับหลายทีม แต่ทุกวันนี้เฮดรุ่นใหม่ฝีมือก้าวไกลเกินคาด ทอม ธีโบดัว ขึ้นชื่อเรื่องเกมรับ จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็น บูลส์ เสียเฉลี่ยเพียง 87.25 แต้มต่อเกม ซึ่ง ธีโบดัว เพิ่งเจริญรอยตาม สกอตต์ บรูก (ธันเดอร์) รับตำแหน่งโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีมาครอง ส่วน เอริค สโปเอลสตรา (ฮีท) เทียบฝีมือแล้วอาจดูเป็นรองเพื่อนร่วมอาชีพทั้งสามคน แถมเพิ่งโดนวิจารณ์เรื่องไม่กล้าตัดสินใจถอด ไมค์ บิบบี เพื่อให้ ชาลเมอร์ส ลงไปล็อกกุญแจใส่ โรส ทว่าเฮดโค้ชอเมริกันเชื้อสายฟิลิปปินส์ ยังเกาะเก้าอี้ได้แน่น แม้โดนกระแสกดดันถลาโถมไม่เว้นแต่ละวันจากการคุมทีมใหญ่
แรงขับภายใน
นับตั้งแต่สิ้นยุค ไมเคิล จอร์แดน ไฟแห่งแชมป์ของบูลส์ เริ่มลุกโชติช่วงอีกครั้ง เมื่อทีมดราฟท์ โรส เข้าลีกคนแรกเมื่อปี 2008 แค่สามปีการ์ดมือทองมีลุ้นนำเกียรติยศคืนสู่ชิคาโก การถูกยกให้เป็นทายาท "แอร์ จอร์แดน" ตัวจริง ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นในการลงสนามแต่ละค่ำคืนของ โรส ด้านฮีท การตัดสินใจดึง เลอบรอน กับ บอช มาผนึกกำลังเป็น "บิ๊กทรี" ร่วมกับ เหว็ด แสดงถึงความชัดเจนว่าทีมต้องการแชมป์ในเร็ววัน และนั่นก็คือฝันอันสูงสุดของ เลอบรอน ซูเปอร์สตาร์ที่ยังไร้แหวนประดับนิ้วมือ ส่วน "แมฟส์แมน" ความผิดหวังในรอบชิงเมื่อปี 2006 (นำฮีท 2-0 ก่อนแพ้ 2-4 เกม) ทำให้จะเห็นแรงฮึดสุดกำลังจาก โนวิตซกี นักยัดห่วงต่างชาติฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ NBA ขณะที่ ธันเดอร์ เพิ่งสร้างทีมกันได้ไม่นาน แต่หากขึ้นไปถึงแชมป์ในปีนี้ ชื่อของ ดูแรนท์ และ เวสต์บรูก ต้องถูกจารึกอย่างปฏิเสธไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
