เคนนี ดัลกลิช ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 0-2 ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาจนโอกาสคว้าตั๋วยูโรปา ลีก ของเป็นรอง พร้อมแสดงความไม่เห็นด้วยกับจุดโทษที่เสียช่วงต้นครึ่งหลังจากจังหวะที่ จอห์น ฟลานาแกน ฟูลแบ็กดาวรุ่งชน สตีเวน พีนาร์ มิดฟิลด์ทีมเยือนล้มลงในกรอบเขตโทษ
ก่อนเกมที่แอนฟิดล์จะเริ่มขึ้น บรรดากูรูลูกหนังเชื่อว่า ลิเวอร์พูล จะสามารถเก็บสามคะแนนจาก สเปอร์ส หลังทำผลงานดีเยี่ยมตลอด 2 เดือนหลังสุด แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท วอลเลย์สุดสวยเบิกร่องให้ สเปอร์ส ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ 10 นาทีแรก ก่อนที่ ลูกา โมดริซ ซัดจุดโทษปิดกล่องนาที 55 ให้ทีมเยือนเอาชนะไป 2-0
สเปอร์ส เก็บเพิ่ม 59 แต้มแซงขึ้นมารั้งอันดับ 5 ของตารางแทนด้วยคะแนนเหนือกว่า ลิเวอร์พูล อยู่ 1 แต้ม ทั้งสองทีมต้องลุ้นแย่งตั๋วยูโรปา ลีก ในเกมสุดท้ายวันอาทิตย์หน้า (22 พ.ค.) โดย สเปอร์ส จะรับมือ เบอร์มิงแฮม ซึ่งกำลังดิ้นรนหนีการตกชั้น ส่วน ลิเวอร์พุล สบายกว่าบุกเยือน แอสตัน วิลลา ที่ไม่มีลุ้นอะไร
ขณะที่ ดัลกลิช เปิดเผยหลังจบเกมกับ สเปอร์ส โดยยอมรับความพ่ายแพ้ว่า "พวกเขาเล่นได้ดีกว่าเราในวันนี้ ผมไม่คิดว่า เปเป เรนา ต้องเซฟอะไรมาก แต่เราก็ไม่ได้สร้างความกดดันแก่พวกเขา มันเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังสำหรับเกมนัดสุดท้ายที่แอนฟิลด์ในฤดูกาลนี้ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะลบเลือนผลงานอันยอดเยี่ยมที่เราทำนับแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา"
กุนซือชาวสกอตยังกล่าวไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของ ฮาเวิร์ด เว็บบ์ กรรมการที่ให้จุดโทษแก่ สเปอร์ส จากการทำฟาวล์ของ ฟลานาแกน แต่ก็เลือกที่จะไม่วิจารณ์กรรมการเพราะกลัวมีปัญหาเหมือนผู้จัดการทีมคนอื่น
"มันไม่ได้เป็นแม้แต่การฟาวล์ ดังนั้นก็ไม่สำคัญว่าจะเกิดขึ้นในหรือนอกกรอบเขตโทษ แต่สำหรับผมแล้ววิธีที่ดีที่สุดคือทำอย่าง เดวิด มอยส์ ที่เขาไม่มาเจอสื่อหลังจบเกม" ดัลกลิช กล่าวโดยอ้างการที่ มอยส์ ไม่พูดกับสื่อหลังจาก เอฟเวอร์ตัน แพ้ต่อ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา