คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
แอลเอ เลเกอร์ส หมดโอกาสคว้าแชมป์บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังโดน ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ กวาดซีรีส์ 4-0 เกม ในรอบตัดเชือกฝั่งตะวันตก ความพ่ายแพ้แบบย่อยยับ 36 แต้ม (86-122 คะแนน) ถือเป็นการปิดฉากอาชีพการคุมทัพที่ไม่สวยเอาเสียเลยสำหรับ ฟิล แจ็คสัน แต่ถ้า "แมฟส์แมน" เล่นส่องฟิลด์โกลและสามแต้มเกิน 60 เปอร์เซ็นต์ คงไม่มีทีมใดต้านทานไหว ตอนนี้เจ้าของทีม มาร์ค คิวบาน และพลพรรคนั่งรอว่ารอบชิงคอนเฟอเรนซ์จะได้วัดฝีมือกับใครระหว่าง โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ หรือ เมมฟิส กริซลีย์ส ซึ่งซีรีส์มาเสมอกันที่ 2-2 เกม ส่วน เลเกอร์ส คงถึงคราวปฏิรูปทีมเสียทีในช่วงซัมเมอร์นี้
จากที่ได้ติดตาม เลเกอร์ส ในซีซัน 2010/11 กระทั่งถึงเพลย์ออฟ ผู้เขียนค่อนข้างแปลกใจว่าเหตุใดขุนพล "ม่วง-ทอง" จึงเล่นได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอย่างไรบอกไม่ถูก ทั้งที่ขุมกำลังเว้ากันซื่อๆ น่าจะมีความสมดุลมากที่สุดในลีกแล้ว อย่างรอบแรกที่เจอ นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์ ด้วยจุดเด่นวงในที่ข่มใส่จุดด้อย "แตนอาละวาด" ที่มีเพียง อีเมกา โอกาฟอร์ ทว่าซีรีส์กลับต้องยืดเยื้อถึง 6 เกม มาในรอบสอง ด้วยสถิติข่มกันมาหรือด้วยความประมาทมิทราบ เลเกอร์ส กลับทิ้งความได้เปรียบเกมแรกโดน แมฟเวอร์ริกส์ คัมแบ็กใส่อย่างเจ็บแสบ จากนั้น "แมฟส์แมน" แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีมากกว่า ประสานใจกันไปลุ้นแชมป์ ส่วน เลเกอร์ส ผู้เขียนกำลังจะชี้ให้เห็นว่ามันเกิดการ "อิ่มตัว" กับความสำเร็จขึ้นหรือไม่
ตลอด 2 ปีมานี้ เลเกอร์ส ต่อเติมแค่อะไหล่ ดึงสำรองอย่าง แมตต์ บาร์นส กับ สตีฟ เบล็ค เข้ามาเพิ่ม แกนหลักยังเดิมๆ โคบี ไบรอันท์, ดีเร็ค ฟิสเชอร์, แอนดรูว์ บายนัม, เพา กาซอล, รอน อาร์เตสท์ โดยมี ลามาร์ โอดอม กับ แชนนอน บราวน์ เป็นแบ็กอัพ นั่นอาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่หลายทีมเริ่มจับทางได้ ที่สำคัญไฟในหัวใจหลายคนดูมอดไป เริ่มจาก ฟิสเชอร์ แน่นอนการ์ดวัย 36 ปี คือผู้นำในล็อกเกอร์รูม ใช้ความเก๋าเอาตัวรอดในสนามได้ ทว่าคงไม่ใช่ทุกครั้งไป ด้วยสังขารที่โรยรา กอปรกับคงถึงเวลาแล้วที่จะให้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่ ดังนั้น เลเกอร์ส คงต้องหาการ์ดระดับสตาร์ขึ้นมาช่วยคุมบอล ด้าน โคบี ถึงวันนี้ยังเป็นเสาหลัก แต่ถ้าผู้เขียนเป็น เจอร์รี บัสส์ (เจ้าของทีม) ต้องมีแผนสำรองไว้บ้างกับการมองหาผู้นำคนใหม่สู่ถิ่นสเตเปิล เซ็นเตอร์ ขณะที่ฟรอนท์คอร์ต ต้องบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนแปลงกันแบบจริงๆ จังๆ
โดย กาซอล ตกเป็นเป้าโจมตีของแฟนๆ ใครเห็นฟอร์เวิร์ดสแปนิชรายนี้เล่นคงรู้สึกอึดอัด ความดุดันในช่วงปีแรกๆ ที่มาอยู่กับเลเกอร์ส แปรเปลี่ยนเป็นอาการแหยงเมื่อต้องลุยวงใน การเผชิญหน้า เดิร์ก โนวิตซกี จึงเหมือนเป็นการประกบที่ผิดคู่ (Mismatch) ไปเลย ส่วน บายนัม ผู้เขียนซูฮกในเรื่องจิตใจ แม้ต้องเผชิญปัญหาที่เข่า แต่เจ้าตัวลุยใส่คู่แข่งแบบไม่ยั้ง การโดนไล่ออกในเกม 4 จากการอัดหนักใส่ เจ.เจ. บาเรีย ขณะลอยขึ้นห่วง ในแง่ของน้ำใจนักกีฬาบอกได้เลยว่า บายนัม เล่นเพลย์นั้นได้น่าเกลียดยิ่ง อย่างไรก็ตาม หากมองมุมกลับผู้เขียนว่าหมอนี่มีจิตวิญญาณของความเป็นเลเกอร์สเต็มร้อย ไม่ยอมให้ใครมาหยามใส่ตามอำเภอใจ บายนัม จึงน่าจะเป็นอนาคตของทีมได้ ทว่าเราต้องมาชั่งใจ มิทช์ คัพแช็ค ผู้จัดการทั่วไปกันดู อย่างที่ทราบ เซ็นเตอร์วัย 23 ปี มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บมาตลอด บางที คัพแช็ค คงคิดว่าการเทรด บายนัม ในช่วงที่ได้ราคาสูงสุด อาจเป็นทางเลือกดีที่สุดสำหรับทีมก็ได้ ในส่วน อาร์เตสท์ มีกระแสจะโดนเทรดทิ้งเหมือนกัน เช่นเดียวกับรายของ โอดอม อย่างไรเสีย เชื่อว่าบอร์ดบริหารคงไม่คิดปล่อย โอดอม ดีกรีผู้เล่นคนที่ 6 ยอดเยี่ยมแห่งปีไปแน่
เมื่อมีย้ายออกก็ต้องดึงผู้เล่นเข้ามาเสริม การใกล้ปลดระวางของ ฟิสเชอร์ นำมาซึ่งกระแสดึง คริส พอล มาแทน เผชิญมันมีความเป็นไปได้ด้วย ในเมื่อการ์ดจ่ายทีมชาติสหรัฐฯ มีคิวเป็นฟรีเอเยนต์ในปี 2012 ฮอร์เน็ตส์ คงระแคะระคายมาบ้างว่า พอล ทิ้งทีมแน่ ก่อนหน้านี้มีข่าวจะไป นิวยอร์ก นิกส์ เป็นบิ๊กทรีประสานงาน อมาเร สเตาดาไมร์ และ คาร์เมโล แอนโธนีย์ แต่หาก เลเกอร์ส เสนอโอกาสเป็นแชมป์ให้จริง พอล คงไม่ต้องคิดมากว่าจะเลือกทีมใด ปัญหามันอยู่ที่ว่า "แตนอาละวาด" คงตีราคา พอล ไว้สูงทีเดียว ที่สำคัญ คัพแช็ค จะยอมหรือไม่หากต้องเสียทั้ง โอดอม กับ บายนัม สำหรับการหามือพระกาฬมาช่วย โคบี ส่วนตำแหน่งพื้นที่ใต้แป้น กระแสระหว่าง เลเกอร์ส กับ ดไวท์ ฮาวเวิร์ด หนาหูขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก "ซูเปอร์แมน" มีคิวเป็นฟรีเอเยนต์หลังจบซีซัน 2011/12 แต่ถ้า ออร์แลนโด แมจิก จะปล่อยซูเปอร์สตาร์ พวกเขาคงชี้เป้าไปที่ บายนัม เอามาแลกกัน
มาถึงประเด็นสุดท้ายแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ การรีไทร์ของ "บิ๊กฟิล" นำมาซึ่งคำถามว่าใครจะคุมทัพ เลเกอร์ส ต่อไปในฤดูกาลหน้า แม้ โคบี ออกมาชู ไบรอัน ชอว์ ซึ่งช่วยงาน แจ็คสัน และเข้าใจผู้เล่นเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ ฟิสเชอร์ กับ ลุค วอลตัน ที่ออกโรงหนุน ทว่ายังไม่มีสัญญาณตอบรับจาก บัสส์ หรือ คัพแช็ค เรื่องนี้มันก็น่าคิด เอาเป็นว่าผู้เขียนยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันเลยดีกว่า หาก เลเกอร์ส เปรียบได้กับยอดทีมลูกหนัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันใดวันหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลาทีมไป ตระกูล "เกลเซอร์" คงคิดหนักหากไม้ถูกส่งต่อไปให้ ไมค์ ฟีแลน หรือ เรเน มูเลนสตีน ซึ่งเป็นผู้ช่วย เฟอร์กี และคลุกคลีกับเหล่านักเตะ "ผีแดง" อยู่ทุกวัน ตรงนี้ไม่ได้ปรามาสฝีมือ ฟีแลน, มูเลนสตีน หรือว่า ชอว์ แต่ด้วยด้วยเกียรติอันยิ่งใหญ่ การกู้ศักดิ์ศรีที่รอนานไปไม่ได้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม เลเกอร์ส ถึงเป็นข่าวกับ เจอร์รี สโลน (อดีตโค้ช ยูทาห์ แจซซ์) รวมถึง ด็อกซ์ ริเวอร์ส (บอสตัน เซลติกส์) และ สแตน แวน กันดี (อดีตโค้ช ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์) ซึ่งผลงานจับต้องได้จริง
แอลเอ เลเกอร์ส หมดโอกาสคว้าแชมป์บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังโดน ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ กวาดซีรีส์ 4-0 เกม ในรอบตัดเชือกฝั่งตะวันตก ความพ่ายแพ้แบบย่อยยับ 36 แต้ม (86-122 คะแนน) ถือเป็นการปิดฉากอาชีพการคุมทัพที่ไม่สวยเอาเสียเลยสำหรับ ฟิล แจ็คสัน แต่ถ้า "แมฟส์แมน" เล่นส่องฟิลด์โกลและสามแต้มเกิน 60 เปอร์เซ็นต์ คงไม่มีทีมใดต้านทานไหว ตอนนี้เจ้าของทีม มาร์ค คิวบาน และพลพรรคนั่งรอว่ารอบชิงคอนเฟอเรนซ์จะได้วัดฝีมือกับใครระหว่าง โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ หรือ เมมฟิส กริซลีย์ส ซึ่งซีรีส์มาเสมอกันที่ 2-2 เกม ส่วน เลเกอร์ส คงถึงคราวปฏิรูปทีมเสียทีในช่วงซัมเมอร์นี้
จากที่ได้ติดตาม เลเกอร์ส ในซีซัน 2010/11 กระทั่งถึงเพลย์ออฟ ผู้เขียนค่อนข้างแปลกใจว่าเหตุใดขุนพล "ม่วง-ทอง" จึงเล่นได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอย่างไรบอกไม่ถูก ทั้งที่ขุมกำลังเว้ากันซื่อๆ น่าจะมีความสมดุลมากที่สุดในลีกแล้ว อย่างรอบแรกที่เจอ นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์ ด้วยจุดเด่นวงในที่ข่มใส่จุดด้อย "แตนอาละวาด" ที่มีเพียง อีเมกา โอกาฟอร์ ทว่าซีรีส์กลับต้องยืดเยื้อถึง 6 เกม มาในรอบสอง ด้วยสถิติข่มกันมาหรือด้วยความประมาทมิทราบ เลเกอร์ส กลับทิ้งความได้เปรียบเกมแรกโดน แมฟเวอร์ริกส์ คัมแบ็กใส่อย่างเจ็บแสบ จากนั้น "แมฟส์แมน" แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีมากกว่า ประสานใจกันไปลุ้นแชมป์ ส่วน เลเกอร์ส ผู้เขียนกำลังจะชี้ให้เห็นว่ามันเกิดการ "อิ่มตัว" กับความสำเร็จขึ้นหรือไม่
ตลอด 2 ปีมานี้ เลเกอร์ส ต่อเติมแค่อะไหล่ ดึงสำรองอย่าง แมตต์ บาร์นส กับ สตีฟ เบล็ค เข้ามาเพิ่ม แกนหลักยังเดิมๆ โคบี ไบรอันท์, ดีเร็ค ฟิสเชอร์, แอนดรูว์ บายนัม, เพา กาซอล, รอน อาร์เตสท์ โดยมี ลามาร์ โอดอม กับ แชนนอน บราวน์ เป็นแบ็กอัพ นั่นอาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่หลายทีมเริ่มจับทางได้ ที่สำคัญไฟในหัวใจหลายคนดูมอดไป เริ่มจาก ฟิสเชอร์ แน่นอนการ์ดวัย 36 ปี คือผู้นำในล็อกเกอร์รูม ใช้ความเก๋าเอาตัวรอดในสนามได้ ทว่าคงไม่ใช่ทุกครั้งไป ด้วยสังขารที่โรยรา กอปรกับคงถึงเวลาแล้วที่จะให้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่ ดังนั้น เลเกอร์ส คงต้องหาการ์ดระดับสตาร์ขึ้นมาช่วยคุมบอล ด้าน โคบี ถึงวันนี้ยังเป็นเสาหลัก แต่ถ้าผู้เขียนเป็น เจอร์รี บัสส์ (เจ้าของทีม) ต้องมีแผนสำรองไว้บ้างกับการมองหาผู้นำคนใหม่สู่ถิ่นสเตเปิล เซ็นเตอร์ ขณะที่ฟรอนท์คอร์ต ต้องบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนแปลงกันแบบจริงๆ จังๆ
โดย กาซอล ตกเป็นเป้าโจมตีของแฟนๆ ใครเห็นฟอร์เวิร์ดสแปนิชรายนี้เล่นคงรู้สึกอึดอัด ความดุดันในช่วงปีแรกๆ ที่มาอยู่กับเลเกอร์ส แปรเปลี่ยนเป็นอาการแหยงเมื่อต้องลุยวงใน การเผชิญหน้า เดิร์ก โนวิตซกี จึงเหมือนเป็นการประกบที่ผิดคู่ (Mismatch) ไปเลย ส่วน บายนัม ผู้เขียนซูฮกในเรื่องจิตใจ แม้ต้องเผชิญปัญหาที่เข่า แต่เจ้าตัวลุยใส่คู่แข่งแบบไม่ยั้ง การโดนไล่ออกในเกม 4 จากการอัดหนักใส่ เจ.เจ. บาเรีย ขณะลอยขึ้นห่วง ในแง่ของน้ำใจนักกีฬาบอกได้เลยว่า บายนัม เล่นเพลย์นั้นได้น่าเกลียดยิ่ง อย่างไรก็ตาม หากมองมุมกลับผู้เขียนว่าหมอนี่มีจิตวิญญาณของความเป็นเลเกอร์สเต็มร้อย ไม่ยอมให้ใครมาหยามใส่ตามอำเภอใจ บายนัม จึงน่าจะเป็นอนาคตของทีมได้ ทว่าเราต้องมาชั่งใจ มิทช์ คัพแช็ค ผู้จัดการทั่วไปกันดู อย่างที่ทราบ เซ็นเตอร์วัย 23 ปี มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บมาตลอด บางที คัพแช็ค คงคิดว่าการเทรด บายนัม ในช่วงที่ได้ราคาสูงสุด อาจเป็นทางเลือกดีที่สุดสำหรับทีมก็ได้ ในส่วน อาร์เตสท์ มีกระแสจะโดนเทรดทิ้งเหมือนกัน เช่นเดียวกับรายของ โอดอม อย่างไรเสีย เชื่อว่าบอร์ดบริหารคงไม่คิดปล่อย โอดอม ดีกรีผู้เล่นคนที่ 6 ยอดเยี่ยมแห่งปีไปแน่
เมื่อมีย้ายออกก็ต้องดึงผู้เล่นเข้ามาเสริม การใกล้ปลดระวางของ ฟิสเชอร์ นำมาซึ่งกระแสดึง คริส พอล มาแทน เผชิญมันมีความเป็นไปได้ด้วย ในเมื่อการ์ดจ่ายทีมชาติสหรัฐฯ มีคิวเป็นฟรีเอเยนต์ในปี 2012 ฮอร์เน็ตส์ คงระแคะระคายมาบ้างว่า พอล ทิ้งทีมแน่ ก่อนหน้านี้มีข่าวจะไป นิวยอร์ก นิกส์ เป็นบิ๊กทรีประสานงาน อมาเร สเตาดาไมร์ และ คาร์เมโล แอนโธนีย์ แต่หาก เลเกอร์ส เสนอโอกาสเป็นแชมป์ให้จริง พอล คงไม่ต้องคิดมากว่าจะเลือกทีมใด ปัญหามันอยู่ที่ว่า "แตนอาละวาด" คงตีราคา พอล ไว้สูงทีเดียว ที่สำคัญ คัพแช็ค จะยอมหรือไม่หากต้องเสียทั้ง โอดอม กับ บายนัม สำหรับการหามือพระกาฬมาช่วย โคบี ส่วนตำแหน่งพื้นที่ใต้แป้น กระแสระหว่าง เลเกอร์ส กับ ดไวท์ ฮาวเวิร์ด หนาหูขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก "ซูเปอร์แมน" มีคิวเป็นฟรีเอเยนต์หลังจบซีซัน 2011/12 แต่ถ้า ออร์แลนโด แมจิก จะปล่อยซูเปอร์สตาร์ พวกเขาคงชี้เป้าไปที่ บายนัม เอามาแลกกัน
มาถึงประเด็นสุดท้ายแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ การรีไทร์ของ "บิ๊กฟิล" นำมาซึ่งคำถามว่าใครจะคุมทัพ เลเกอร์ส ต่อไปในฤดูกาลหน้า แม้ โคบี ออกมาชู ไบรอัน ชอว์ ซึ่งช่วยงาน แจ็คสัน และเข้าใจผู้เล่นเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ ฟิสเชอร์ กับ ลุค วอลตัน ที่ออกโรงหนุน ทว่ายังไม่มีสัญญาณตอบรับจาก บัสส์ หรือ คัพแช็ค เรื่องนี้มันก็น่าคิด เอาเป็นว่าผู้เขียนยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันเลยดีกว่า หาก เลเกอร์ส เปรียบได้กับยอดทีมลูกหนัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันใดวันหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลาทีมไป ตระกูล "เกลเซอร์" คงคิดหนักหากไม้ถูกส่งต่อไปให้ ไมค์ ฟีแลน หรือ เรเน มูเลนสตีน ซึ่งเป็นผู้ช่วย เฟอร์กี และคลุกคลีกับเหล่านักเตะ "ผีแดง" อยู่ทุกวัน ตรงนี้ไม่ได้ปรามาสฝีมือ ฟีแลน, มูเลนสตีน หรือว่า ชอว์ แต่ด้วยด้วยเกียรติอันยิ่งใหญ่ การกู้ศักดิ์ศรีที่รอนานไปไม่ได้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม เลเกอร์ส ถึงเป็นข่าวกับ เจอร์รี สโลน (อดีตโค้ช ยูทาห์ แจซซ์) รวมถึง ด็อกซ์ ริเวอร์ส (บอสตัน เซลติกส์) และ สแตน แวน กันดี (อดีตโค้ช ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์) ซึ่งผลงานจับต้องได้จริง
