คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
หากจะมองว่านี่เป็นปีทองของ ชิคาโก บูลส์ ทีมขวัญใจมหาชนแห่งศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ก็สามารถพูดได้ เพราะล่าสุด เดอร์ริค โรส เพิ่งได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ก่อนหน้านี้ ทอม ธีโบดัว ก็ซิวตำแหน่งโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีไปครอง แต่ถ้าบอกว่ามันคือความสำเร็จ (สูงสุด) อาจยังไม่เต็มปากเต็มคำดีนัก เนื่องจากมาถึงจุดนี้เชื่อเหลือเกินว่าสาวก "กระทิงเปลี่ยว" แอบหวังว่า โรส จะสวมวิญญาณ ไมเคิล จอร์แดน นำแฟรนไชส์กลับไปผงาดแชมป์ดั่งยุคเคยเกรียงไกรช่วงทศวรรษที่ 90
ถึงวันนั่งปั่นต้นฉบับเช้าวันพุธ NBA ทยอยประกาศรางวัลกันออกมาแทบจะครบครันกันแล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีอะไรพลิกโผ โดย เดอร์ริค โรส กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกที่ได้รับเกียรติจากบรรดาสื่อมวลชนในสหรัฐฯ และแคนาดา เลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่า ท่วมท้น 1,182 คะแนน เป็นการโหวตให้คว้าอันดับ 1 ถึง 113 จากทั้งหมด 120 เสียง เอาชนะเหล่าดาวดังทั้ง ดไวท์ ฮาวเวิร์ด (ออร์แลนโด แมจิก), เลอบรอน เจมส์ (ไมอามี ฮีท), โคบี ไบรอันท์ (แอลเอ เลเกอร์ส) หรือ เควิน ดูแรนท์ (โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์) ขาดลอย จึงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า โรส ซึ่งเป็นผู้เล่นคนแรกของบูลส์ ต่อจาก ไมเคิล "แอร์" จอร์แดน (ปี 1998) ที่ซิว MVP ก้าวขึ้นมาเป็น "ซูเปอร์สตาร์" อย่างเต็มตัวด้วยวัยเพียง 22 ปี หลังทำเฉลี่ย 25 แต้ม (สูงสุดในอาชีพ) กับอีก 7.7 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญนำ "กระทิงเปลี่ยว" ขวิดชัยในฤดูกาลปกติไปถึง 62 จาก 82 เกม ส่วน ทอม ธีโบดัว ก็ได้รางวัลแห่งความพากเพียรเถลิงโค้ชยอดเยี่ยม มีชัยเหนือ ดัก คอลลินส์ (ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส) และ เกร็ก โพโพวิช (ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส)
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในเพลย์ออฟเมื่อเข้าสู่รอบสอง บูลส์ ประเดิมมีงานเข้าเลย เมื่อเจอ โจ จอห์นสัน การ์ดมือปืนควงแขน จามาล ครอว์ฟอร์ด พกพาความแม่นนำ แอตแลนตา ฮอว์คส บุกมายัดเยียดความปราชัยให้ทีมอันดับ 1 ของลีกถึงยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ 103-95 คะแนน โดยเกมนั้นผู้มาเยือนชู้ตฟิลด์โกลลงไป 40 จาก 78 หน คิดเป็น 51.3 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญส่องสามแต้มลงห่วงถึง 53.8 เปอร์เซ็นต์ (7 จาก 13 ครั้ง) และนี่ก็คืออาวุธเด็ดที่ "เหยี่ยวน้อย" ใช้พิฆาต ออร์แลนโด แมจิก ในรอบแรก ดังนั้น ธีโบดัว ต้องงัดตำราเกมรับมาช่วยขันแผงแบ็กคอร์ตให้แน่นขึ้น พยายามชิดไม่ให้ จอห์นสัน ได้ช่องปล่อยสามแต้มเหน่งๆ ทั้งยังควรให้ โรส ยัดบอลเข้าในมากขึ้น เพราะพูดตามตรงฟรอนท์คอร์ต บูลส์ เหนือกว่าเป็นกองไม่ว่าจะเป็น คาร์ลอส บูเซอร์, ลูออล เดง หรือ โจอาคิม โนอาห์ ที่ข่มใส่ แอล ฮอร์ฟอร์ด, จอช สมิธ และ มาร์วิน วิลเลียมส์ เห็นๆ
โดย บูลส์ เป็นหนึ่งในสามทีมที่มีอันดับเหนือกว่า แต่ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ แม้ผู้เขียนเชื่อว่า โรส ที่มีอาการบาดเจ็บข้อเท้าซ้ายพลิกจะนำทีมกลับมาตามตีเสมอซีรีส์เป็น 1-1 เกม เหมือนกับที่ ดูแรนท์ เพิ่งนำ ธันเดอร์ ไล่ทุบเอาคืน เมมฟิส กริซลีย์ส 111-102 คะแนน ขณะที่ "แชมป์เก่า" แอลเอ เกอร์ส คงไม่ยอมตกเป็นรอง ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ไปก่อน 0-2 เป็นแน่ แต่คำถามก็คือ "กระทิงเปลี่ยว" มีดีที่จะบุกไปฉกชัยชนะจากฟิลิปส์ อารีนา ได้กี่เกม เพื่อกลับมาคุมความได้เปรียบเอาไว้ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญหาก ธีโบดัว หวังนำลูกทีมไปสัมผัส "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" มันต้องมีทีเด็ดกันหน่อยกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น อย่าลืมว่ารอบชิงแชมป์สายตะวันออก ไม่ว่าจะประลองความแม่นกับ ไมอามี ฮีท หรือ บอสตัน เซลติกส์ ก็ล้วนลากเลือด (ปัจจุบัน ฮีท ทิ้งรองแชมป์เก่าไปแล้ว 2-0 เกม)
อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่า บูลส์ ทำให้แฟนๆ มีความสุข ทำให้ลีกรู้ว่าตอนนี้แฟรนไชส์ซึ่งเคยยิ่งใหญ่กำลังจะกลับมาล่าความสำเร็จเต็มตัวอีกครั้ง ส่วนให้มองไปถึงเกมชิงแชมป์ประเทศปี 2010/11 ถือว่า บูลส์ ยังมีสิทธิ ทว่า ณ วันนี้มันยังไกลเกิน ถ้า ฮอว์คส ยังเล่นได้แกร่งในรัง ขุนพล "กระทิงเปลี่ยว" ต้องลุ้นเหนื่อยเพื่อยื้อให้มีซีรีส์ไปถึงฏีกา (ตัดสินเกมที่ 7) ขณะเดียวกัน ฮีท ไม่ต้องไปฟังเสียงนกเสียงกาวิจารณ์ว่าพวกเขาซื้อแชมป์ ในเมื่อการลงทุนไปดึง เลอบรอน เจมส์ กับ คริส บอช มาผนึกกำลัง ดีเวย์น เหว็ด เห็นผลชัดเจน "บิ๊กทรี" เข้าฟอร์มพร้อมกัน ขนาดว่า เซลติกส์ ที่ว่าเก๋าๆ ดูดีมีสมดุลยังต้านไม่อยู่เลยในสองเกมแรก สำหรับฟากตะวันตกไม่ต้องพูดถึง ใครที่เข้ามาถึงรอบตัดเชือกล้วนต้องมีดี เลเกอร์ส กับ "แมฟส์แมน" อยู่ในประเภทเต็งจ๋า ขณะที่ กริซลีย์ส เป็นอันดับ 8 ที่ใครจะปรามาสไม่ได้แล้ว การล้ม ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส อันดับ 1 คอนเฟอเรนซ์ ไม่ฟลุคแน่นอน แซ็ค แรนดอล์ฟ กับ มาร์ค กาซอล แกร่งจริงเรื่องวงใน ถ้ามีโอกาสเหมาะๆ ผู้เขียนคงได้หยิบเรื่องราวของม้ามืดทีมนี้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านผู้อ่านกัน
หากจะมองว่านี่เป็นปีทองของ ชิคาโก บูลส์ ทีมขวัญใจมหาชนแห่งศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ก็สามารถพูดได้ เพราะล่าสุด เดอร์ริค โรส เพิ่งได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ก่อนหน้านี้ ทอม ธีโบดัว ก็ซิวตำแหน่งโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีไปครอง แต่ถ้าบอกว่ามันคือความสำเร็จ (สูงสุด) อาจยังไม่เต็มปากเต็มคำดีนัก เนื่องจากมาถึงจุดนี้เชื่อเหลือเกินว่าสาวก "กระทิงเปลี่ยว" แอบหวังว่า โรส จะสวมวิญญาณ ไมเคิล จอร์แดน นำแฟรนไชส์กลับไปผงาดแชมป์ดั่งยุคเคยเกรียงไกรช่วงทศวรรษที่ 90
ถึงวันนั่งปั่นต้นฉบับเช้าวันพุธ NBA ทยอยประกาศรางวัลกันออกมาแทบจะครบครันกันแล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีอะไรพลิกโผ โดย เดอร์ริค โรส กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกที่ได้รับเกียรติจากบรรดาสื่อมวลชนในสหรัฐฯ และแคนาดา เลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่า ท่วมท้น 1,182 คะแนน เป็นการโหวตให้คว้าอันดับ 1 ถึง 113 จากทั้งหมด 120 เสียง เอาชนะเหล่าดาวดังทั้ง ดไวท์ ฮาวเวิร์ด (ออร์แลนโด แมจิก), เลอบรอน เจมส์ (ไมอามี ฮีท), โคบี ไบรอันท์ (แอลเอ เลเกอร์ส) หรือ เควิน ดูแรนท์ (โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์) ขาดลอย จึงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า โรส ซึ่งเป็นผู้เล่นคนแรกของบูลส์ ต่อจาก ไมเคิล "แอร์" จอร์แดน (ปี 1998) ที่ซิว MVP ก้าวขึ้นมาเป็น "ซูเปอร์สตาร์" อย่างเต็มตัวด้วยวัยเพียง 22 ปี หลังทำเฉลี่ย 25 แต้ม (สูงสุดในอาชีพ) กับอีก 7.7 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญนำ "กระทิงเปลี่ยว" ขวิดชัยในฤดูกาลปกติไปถึง 62 จาก 82 เกม ส่วน ทอม ธีโบดัว ก็ได้รางวัลแห่งความพากเพียรเถลิงโค้ชยอดเยี่ยม มีชัยเหนือ ดัก คอลลินส์ (ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส) และ เกร็ก โพโพวิช (ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส)
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในเพลย์ออฟเมื่อเข้าสู่รอบสอง บูลส์ ประเดิมมีงานเข้าเลย เมื่อเจอ โจ จอห์นสัน การ์ดมือปืนควงแขน จามาล ครอว์ฟอร์ด พกพาความแม่นนำ แอตแลนตา ฮอว์คส บุกมายัดเยียดความปราชัยให้ทีมอันดับ 1 ของลีกถึงยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ 103-95 คะแนน โดยเกมนั้นผู้มาเยือนชู้ตฟิลด์โกลลงไป 40 จาก 78 หน คิดเป็น 51.3 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญส่องสามแต้มลงห่วงถึง 53.8 เปอร์เซ็นต์ (7 จาก 13 ครั้ง) และนี่ก็คืออาวุธเด็ดที่ "เหยี่ยวน้อย" ใช้พิฆาต ออร์แลนโด แมจิก ในรอบแรก ดังนั้น ธีโบดัว ต้องงัดตำราเกมรับมาช่วยขันแผงแบ็กคอร์ตให้แน่นขึ้น พยายามชิดไม่ให้ จอห์นสัน ได้ช่องปล่อยสามแต้มเหน่งๆ ทั้งยังควรให้ โรส ยัดบอลเข้าในมากขึ้น เพราะพูดตามตรงฟรอนท์คอร์ต บูลส์ เหนือกว่าเป็นกองไม่ว่าจะเป็น คาร์ลอส บูเซอร์, ลูออล เดง หรือ โจอาคิม โนอาห์ ที่ข่มใส่ แอล ฮอร์ฟอร์ด, จอช สมิธ และ มาร์วิน วิลเลียมส์ เห็นๆ
โดย บูลส์ เป็นหนึ่งในสามทีมที่มีอันดับเหนือกว่า แต่ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ แม้ผู้เขียนเชื่อว่า โรส ที่มีอาการบาดเจ็บข้อเท้าซ้ายพลิกจะนำทีมกลับมาตามตีเสมอซีรีส์เป็น 1-1 เกม เหมือนกับที่ ดูแรนท์ เพิ่งนำ ธันเดอร์ ไล่ทุบเอาคืน เมมฟิส กริซลีย์ส 111-102 คะแนน ขณะที่ "แชมป์เก่า" แอลเอ เกอร์ส คงไม่ยอมตกเป็นรอง ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ไปก่อน 0-2 เป็นแน่ แต่คำถามก็คือ "กระทิงเปลี่ยว" มีดีที่จะบุกไปฉกชัยชนะจากฟิลิปส์ อารีนา ได้กี่เกม เพื่อกลับมาคุมความได้เปรียบเอาไว้ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญหาก ธีโบดัว หวังนำลูกทีมไปสัมผัส "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" มันต้องมีทีเด็ดกันหน่อยกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น อย่าลืมว่ารอบชิงแชมป์สายตะวันออก ไม่ว่าจะประลองความแม่นกับ ไมอามี ฮีท หรือ บอสตัน เซลติกส์ ก็ล้วนลากเลือด (ปัจจุบัน ฮีท ทิ้งรองแชมป์เก่าไปแล้ว 2-0 เกม)
อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่า บูลส์ ทำให้แฟนๆ มีความสุข ทำให้ลีกรู้ว่าตอนนี้แฟรนไชส์ซึ่งเคยยิ่งใหญ่กำลังจะกลับมาล่าความสำเร็จเต็มตัวอีกครั้ง ส่วนให้มองไปถึงเกมชิงแชมป์ประเทศปี 2010/11 ถือว่า บูลส์ ยังมีสิทธิ ทว่า ณ วันนี้มันยังไกลเกิน ถ้า ฮอว์คส ยังเล่นได้แกร่งในรัง ขุนพล "กระทิงเปลี่ยว" ต้องลุ้นเหนื่อยเพื่อยื้อให้มีซีรีส์ไปถึงฏีกา (ตัดสินเกมที่ 7) ขณะเดียวกัน ฮีท ไม่ต้องไปฟังเสียงนกเสียงกาวิจารณ์ว่าพวกเขาซื้อแชมป์ ในเมื่อการลงทุนไปดึง เลอบรอน เจมส์ กับ คริส บอช มาผนึกกำลัง ดีเวย์น เหว็ด เห็นผลชัดเจน "บิ๊กทรี" เข้าฟอร์มพร้อมกัน ขนาดว่า เซลติกส์ ที่ว่าเก๋าๆ ดูดีมีสมดุลยังต้านไม่อยู่เลยในสองเกมแรก สำหรับฟากตะวันตกไม่ต้องพูดถึง ใครที่เข้ามาถึงรอบตัดเชือกล้วนต้องมีดี เลเกอร์ส กับ "แมฟส์แมน" อยู่ในประเภทเต็งจ๋า ขณะที่ กริซลีย์ส เป็นอันดับ 8 ที่ใครจะปรามาสไม่ได้แล้ว การล้ม ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส อันดับ 1 คอนเฟอเรนซ์ ไม่ฟลุคแน่นอน แซ็ค แรนดอล์ฟ กับ มาร์ค กาซอล แกร่งจริงเรื่องวงใน ถ้ามีโอกาสเหมาะๆ ผู้เขียนคงได้หยิบเรื่องราวของม้ามืดทีมนี้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านผู้อ่านกัน