อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ออกมาย้ำว่าไม่เคยคิดที่จะขาย เชส ฟาเบรกาส กองกลางกัปตันทีมตามที่เป็นข่าว พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่า บาร์เซโลนา ชนะ รีล มาดริด ได้ด้วยฝีมือ โดยปราศจากการเล่นไม่ซื่อนอกสนาม
เดอะ ซัน (The Sun) แท็บลอยด์จอมซุบซิบของเมืองผู้ดีตีข่าวว่า “ปืนใหญ่” จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากส่อเค้าไม่ประสบความสำเร็จอีกปีนับตั้งแต่ปี 2005 โดยเฉพาะการขายสตาร์ประจำทีมอย่าง ฟาเบรกาส มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลก 2010 ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,750 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์ ออกมาปฏิเสธข่าวลือว่า “เรากำลังจะลงเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์นี้ ไม่ได้อยู่ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะ และเราก็ไม่ต้องการขายผู้เล่นคนใดของเราออกไป ดังนั้น ผู้เล่นทุกคนที่ยังเหลือสัญญาจะอยู่กับทีมต่อไป และมันก็เปล่าประโยชน์ที่จะพูดถึงเรื่องไม่สร้างสรรค์เช่นนั้นอีก”
ขณะเดียวกัน กุนซือชาวฝรั่งเศสยังพูดถึง โชเซ มูรินโญ นายใหญ่รีล มาดริดที่เปิดฉากโจมตี บาร์เซโลนา อย่างดุเดือดว่าได้รับการเอื้อประโยชน์จากการตัดสินของ โวล์ฟกัง สตาร์ค เชิ้ตดำชาวเยอรมัน และไม่เคยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อย่างขาวสะอาด ภายใต้การทำทีมของ โฆเซป กวาร์ดิโอลา หลังจากโดนทะลวงพ่ายคาบ้าน 0-2 พร้อมทั้ง เปเป้ ถูกไล่ออกในศึกชิงจ้าวยุโรป รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันพุธที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา
โดย เวนเกอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า “มันเป็นเรื่องยากที่ผมจะแสดงความคิดเห็น เพราะเราก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น แต่ผมขอปฏิเสธที่จะเชื่อเรื่องที่พวกเขาถูกกล่าวหาว่ามีเบื้องหลังไม่ชอบมาพากล เมื่อผู้จัดการทีมพบกับผลการแข่งขันเช่นนั้นในเกมใหญ่ย่อมผิดหวังเป็นธรรมดา แต่บางครั้งคุณต้องทำใจยอมรับให้ได้ ผมคิดว่าพวกเขาออกอาการมากเกินไปก็จริงในจังหวะถูกทำฟาวล์ แต่ในขณะเดียวกันก็เล่นฟุตบอลได้ยอดเยี่ยมที่สุดในยุโรปเวลานี้ ซึ่งต้องให้เครดิตกับพวกเขาในจุดนี้ด้วย”
อนึ่ง กุนซือมาดละเมียดชาวฝรั่งเศสเคยตกเป็นฝ่ายปราชัยให้กับ "เจ้าบุญทุ่ม" ในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยในเกมนัดที่สองเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาซึ่งบุกมาพ่ายที่คัมป์ นู 1-3 "เดอะ กันเนอร์ส" เคยเสียประโยชน์จากการตัดสินของ มัสซิโม บูซัคกา เชิ้ตดำชาวสวิสที่ไล่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ออกจากสนามข้อหาเตะบอลทิ้งหลังเป่านกหวีดหยุดเกมไปแล้วทำให้รับใบเหลืองที่ 2 ก่อนที่ เวนเกอร์ จะวิจารณ์การทำหน้าที่ของ บูซัคกา ในภายหลังจนถูกยูฟ่าสั่งแบน 1 นัดในฟุตบอลถ้วยยุโรป ซีซันหน้า
