เป็นไปตามคาดหมายจังหวัดสุพรรณบุรี รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 พ.ศ.2556 ตามด้วย นครสวรรค์ และ นครราชสีมา ส่วนเจ้าภาพกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29-31 พ.ศ.2556-2558 คือ มหาสารคาม, พิจิตร และ จันทบุรี ตามลำดับ นอกจากนี้ กกท. ยังได้วางต้นแบบโอกาสการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาของจังหวัดเล็กๆ ด้วยการขอแบ่งเป็นเจ้าภาพรอง และ เจ้าภาพร่วมของแต่ละภาค
เมื่อเวลา 15.30 น. วันพุธที่ 20 เมษายน 2554 นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 4/2554 ณ ห้องประชุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยที่ประชุมมีสาระสำคัญคือการพิจารณาจังหวัดที่เสนอขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42-44 (พ.ศ.2556-2558) และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29-31 (พ.ศ.2556-2558) ที่ได้กำหนดกรอบและหลักเกณฑ์การพิจารณา ครอบคลุมถึง 3 ปี ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของการกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการคัดเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติและกีฬาเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.2550
จากที่มีจังหวัดเสนอตัวขอรับเป็นเจ้าภาพกีฬาแห่งชาติทั้ง 6 จังหวัด ประกอบด้วย สุราษฎร์ธานี, สุพรรณบุรี, นครสวรรค์, นครราชสีมา, เพชรบูรณ์ และ สุรินทร์ ส่วนจังหวัดที่เสนอตัวขอรับเป็นเจ้าภาพกีฬาเยาวชนแห่งชาติมีทั้งหมด 6 จังหวัด ประกอบด้วย มหาสารคาม, จันทบุรี, แพร่, ศรีสะเกษ, พิจิตร และ กระบี่
หลังการประชุมฯ นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เปิดเผยผลการพิจารณาคัดเลือกจังหวัดเจ้าภาพฯ ว่า "จังหวัดที่ได้รับเป็นเจ้าภาพกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42-44 (พ.ศ.2556-2558) คือ สุพรรณบุรี ,นครสวรรค์ และ นครราชสีมา (ตามลำดับ) ส่วนจังหวัดที่ได้รับเป็นเจ้าภาพกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29-31 (พ.ศ.2556-2558) คือ มหาสารคาม, พิจิตร และ จันทบุรี (ตามลำดับ)"
"นอกจากนี้ได้มอบหมายใก้การกีฬาแห่งประเทศไทยคิดต้นแบบกระบวนการที่จะทำอย่างไรเพื่อให้จังหวัดเล็กๆ มีโอกาสในการรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศได้สำเร็จ หรือไม่ก็เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและกระตุ้นเพื่อให้เขาได้มีโอกาสพัฒนาตนเองในอนาคตต่อไป" รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวทิ้งท้าย
ขณะเดียวกัน "บิ๊กหนุ่ม" กนกพันธ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เผยถึงต้นแบบเพื่อการพัฒนาจังหวัดเล็กๆ ให้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับประเทศไว้ 2 ต้นแบบ คือ "1.การเปิดโอกาสให้จังหวัดเล็กๆ ของภาคนั้นๆ ที่ได้รับเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬา ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาสักอย่าง กล่าวคือจังหวัดที่ได้เป็นเจ้าภาพโดยตรงไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทุกชนิดทั้งหมด ควรจะกระจายให้จังหวัดต่างๆ ที่อยู่ในภาคเดียวกันได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพรองบ้าง และ 2. การรวมจังหวัดเล็กๆ สัก 2-3 จังหวัดของแต่ละภาคเพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬา ทั้งนี้ต้องมีการกำหนดชื่อจังหวัดก่อน-หลังให้ชัดเจนก่อน"