"บังยี" วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ชี้แจงหลักเกณฑ์สิทธิ์ของผู้แทนในการมีสิทธิ์เลือกตั้งนายกสมาคมฯ ตามธรรมนูญใหม่ อาทิ ผู้แทนผู้เล่น, ผู้แทนผู้ฝึกสอน, ผู้แทนผู้ตัดสิน ต้องไปจดทะเบียนนิติบุคคลก่อน ส่วนในลีกของฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ข,ค,ง ในเบื้องต้นกำหนดให้มีผู้แทนกลุ่มละ 2 คน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของบรรดาสโมสรสมาชิก คาดแล้วเสร็จไม่เกิน 1 เดือนก่อนมีการเลือกตั้งใหม่ ทั้งนี้หากไม่ผ่านความเห็นชอบอาจต้องใช้ธรรมนูญฉบับเดิม
เมื่อเวลา 14.00 น. วันพุธที่ 30 มีนาคม 2554 "บังยี" วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมสภากรรมการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ครั้งที่ 2 ร่วมกับบรรดาสมาชิกสภากรรมการฯ ณ ห้องประชุมเฟื่องฟ้า โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน
สืบเนื่องจากประเด็นที่ "บังยี" เปิดเผยหลังจากที่ได้ไปร่วมประชุมบอร์ด สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ที่นครซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 1-6 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นสำคัญอยู่ที่ ฟีฟา ได้กำหนดข้อบังคับมาตรฐานในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลทั่วโลกให้เป็นในทิศทางเดียวกัน สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จึงต้องปรับธรรมนูญการเลือกตั้งกรรมการบริหาร รวมทั้งตำแหน่งนายกสมาคมฯ ให้สอดคล้องกับ ฟีฟา
ในส่วนของการเลือกตั้งแบบเดิมจะใช้ระบบประธานาธิบดี คือ คัดเลือกนายกสมาคมฯ ขึ้นมาก่อนที่จะมีการเลือกคณะกรรมการอีก 18 คน ทว่าระบบใหม่ที่จะมีการหยิบยกมาใช้คือ ระบบรัฐสภา โดยมีการเลือกคณะกรรมการขึ้นมาก่อน 19 คน จากนั้นมีการคัดเลือกนายกสมาคมฯ ขึ้นมา 1 คน ซึ่งทั้ง 2 ระบบนี้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่จะต่างตรงที่หากนายกสมาคมฯ หมดวาระลง คณะกรรมการของระบบประชาธิปไตยก็จะหมดสภาพตามไปด้วย ขณะที่คณะกรรมการของระบบรัฐสภายังคงอยู่
โดยรายละเอียดสำคัญของธรรมนูญใหม่ ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการทั้ง 19 ตำแหน่งต้องมาจากการเลือกตั้ง ตั้งแต่นายกสมาคม, อุปนายกสมาคม และคณะกรรมการบริหาร โดยต้องมีอุปนายกสมาคมเป็นสุภาพสตรี 1 คน 2.ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาจากทุกภาคส่วน ประกอบด้วย สโมสรในไทยพรีเมียร์ลีก 18 เสียง, ดิวิชัน 1 มี 18 เสียง, ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ทั้ง 5 ภาค ตัวแทนภาคละ 2 เสียง รวม 10 เสียง, กลุ่มทีมสมัครเล่น ถ้วยพระราชทานประเภท ข, ค, ง รวม 6 เสียง, ผู้แทนผู้เล่น 1 เสียง, ผู้แทนผู้ฝึกสอน 1 เสียง, ผู้แทนผู้ตัดสิน 1 เสียง, ผู้แทนฟุตบอลหญิง 1 เสียง, ผู้แทนฟุตซอลและบีชซอคเกอร์ 1 เสียง และผู้แทนจากแฟนบอล 1 เสียง รวมทั้งสิ้นมี 58 เสียง
ซึ่งหลังจากการประชุมสภากรรมการสมาคมฯ ครั้งที่ 2 "บังยี" เผยถึงความคืบหน้าว่า "หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมสภากรรมการสมาคมฯ ครั้งที่ 1 ได้มีการมอบหมายให้สภากรรมการฯ ได้กำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์สำหรับผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้ง ล่าสุดในการประชุมครั้งนี้ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับ ผู้แทนผู้เล่น, ผู้แทนผู้ฝึกสอน, ผู้แทนผู้ตัดสิน, ผู้แทนฟุตบอลหญิง, ผู้แทนฟุตซอล, บีชซอคเกอร์ และผู้แทนจากแฟนบอล ต้องมีการรวมตัวเพื่อไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล"
สำหรับในถ้วยพระราชทานประเภท ข,ค,ง และ ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 นั้น รักษาการนายกลูกหนัง กล่าวว่า "ลีกฟุตบอลเหล่านี้เป็นกลุ่มสมัครเล่น ดังนั้นทาง ฟีฟา จึงได้ให้แนวทางในการสรรหาตัวแทนเข้ามาเลือกตั้ง โดยมีกำหนดเบื้องต้นจะให้ผู้แทนจากถ้วยต่างๆ 2 คน คนละ 1 เสียง ซึ่งรายละเอียดจะมีพิจารณาอีกครั้งในที่ประชุมใหญ่ ทั้งนี้มีขั้นตอนก่อนการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ได้แก่ ส่งร่างธรรมนูญนี้ให้ทุกสโมสรรับทราบก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมใหญ่และส่งเรื่องให้การกีฬาแห่งประเทศไทยรับทราบเพื่อไปทำการจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย อย่างไรก็ตามร่างธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเหล่าบรรดาสโมสรสมาชิกว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ไม่เกินวันที่ 13 พ.ค.นี้อย่างแน่นอน"
ท้ายนี้ "บังยี" เผยถึงการเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน U-19 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกที่ทีมชาติไทยถูกจับสลากอยู่ในสายกลุ่ม อี ร่วมกับ เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, กวม, ฮ่องกง และ ไต้หวัน ว่า "ตอนนี้ประเทศไทยมีความพร้อมในการรับเป็นเจ้าภาพดังกล่าว ในรอบแรก ส่วนในรอบสุดท้ายขึ้นอยู่กับการหมุนเวียนไปตามโซน"