วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เผยธรรมนูญใหม่ในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ จะเป็นไปตามข้อบังคับของ ฟีฟ่า โดยจะมีการเลือกตั้งทั้ง 19 ตำแหน่ง พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีสิทธิ์ออกเสียง รวมทั้งผู้แทนจากแฟนบอลอีกด้วย
โดย “บังยี” นายกลูกหนังไทย และ หนึ่งในบอร์ดบริหารสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เปิดเผยภายหลังได้ไปร่วมประชุมบอร์ด ฟีฟา ที่นครซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 1-6 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นสำคัญอยู่ที่ ฟีฟา ได้กำหนดข้อบังคับมาตรฐานในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลทั่วโลกให้เป็นในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ต้องมีการปรับข้อบังคับหรือธรรมนูญในการเลือกตั้งกรรมการบริหาร รวมทั้งตำแหน่งนายกสมาคมให้สอดคล้องกับ ฟีฟา ด้วย
สำหรับธรรมนูญการเลือกตั้งใหม่ของสมาคมฟุตบอลฯ ที่จะปรับแก้ตามข้อบังคับมาตรฐานของฟีฟ่า วรวีร์ เปิดเผยว่ามีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.คณะกรรมการทั้ง 19 ตำแหน่งต้องมาจากการเลือกตั้ง ตั้งแต่นายกสมาคม, อุปนายกสมาคม และคณะกรรมการบริหาร โดยต้องมีอุปนายกสมาคมเป็นสุภาพสตรี 1 คน
2.ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาจากทุกภาคส่วน ประกอบด้วย สโมสรที่แข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีก จำนวน 18 เสียง, ลีกดิวิชัน 1 จำนวน 18 เสียง, จากลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ทั้ง 5 ภาค ตัวแทนภาคละ 2 เสียง รวมเป็น 10 เสียง, กลุ่มทีมสมัครเล่น ถ้วยพระราชทานประเภท ข, ค, ง จำนวน 6 เสียง, จากผู้แทนผู้เล่น 1 เสียง, ผู้แทนผู้ฝึกสอน 1 เสียง, ผู้แทนผู้ตัดสิน 1 เสียง, ผู้แทนฟุตบอลหญิง 1 เสียง, ผู้แทนฟุตซอลและบีชซอคเกอร์ 1 เสียง และผู้แทนจากแฟนบอล 1 เสียง
ในส่วนของกรอบเวลาตามที่ “ฟีฟ่า” กำหนดไว้นั้น ได้กำหนดให้มีความเห็นชอบอนุมัติธรรมนูญข้อบังคับของสมาคมฯ ในวันที่ 15 มีนาคมนี้ และได้กำหนดให้แจ้งให้สมาชิกดังกล่าวรับทราบ และเรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายใน 60 วัน เพื่อให้การเห็นชอบข้อบังคับฯ และหลังจากนั้นให้กำหนดการประชุมเลือกตั้งภายใน 45 วัน โดย “ฟีฟ่า” จะส่งคณะผู้แทนมาร่วมในการประชุมใหญ่ทั้ง 2 ครั้งนี้ด้วย
บังยี กล่าวในตอนท้ายว่า “เราจะเห็นได้ว่า ฟีฟ่า ได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาจากทุกภาคส่วนของฟุตบอล โดยแต่ละภาคส่วน หรือผู้แทนที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และมีความรับผิดชอบโดยตรงกับการพัฒนาฟุตบอล และมีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าเดิม”
โดย “บังยี” นายกลูกหนังไทย และ หนึ่งในบอร์ดบริหารสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เปิดเผยภายหลังได้ไปร่วมประชุมบอร์ด ฟีฟา ที่นครซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 1-6 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นสำคัญอยู่ที่ ฟีฟา ได้กำหนดข้อบังคับมาตรฐานในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลทั่วโลกให้เป็นในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ต้องมีการปรับข้อบังคับหรือธรรมนูญในการเลือกตั้งกรรมการบริหาร รวมทั้งตำแหน่งนายกสมาคมให้สอดคล้องกับ ฟีฟา ด้วย
สำหรับธรรมนูญการเลือกตั้งใหม่ของสมาคมฟุตบอลฯ ที่จะปรับแก้ตามข้อบังคับมาตรฐานของฟีฟ่า วรวีร์ เปิดเผยว่ามีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.คณะกรรมการทั้ง 19 ตำแหน่งต้องมาจากการเลือกตั้ง ตั้งแต่นายกสมาคม, อุปนายกสมาคม และคณะกรรมการบริหาร โดยต้องมีอุปนายกสมาคมเป็นสุภาพสตรี 1 คน
2.ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาจากทุกภาคส่วน ประกอบด้วย สโมสรที่แข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีก จำนวน 18 เสียง, ลีกดิวิชัน 1 จำนวน 18 เสียง, จากลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ทั้ง 5 ภาค ตัวแทนภาคละ 2 เสียง รวมเป็น 10 เสียง, กลุ่มทีมสมัครเล่น ถ้วยพระราชทานประเภท ข, ค, ง จำนวน 6 เสียง, จากผู้แทนผู้เล่น 1 เสียง, ผู้แทนผู้ฝึกสอน 1 เสียง, ผู้แทนผู้ตัดสิน 1 เสียง, ผู้แทนฟุตบอลหญิง 1 เสียง, ผู้แทนฟุตซอลและบีชซอคเกอร์ 1 เสียง และผู้แทนจากแฟนบอล 1 เสียง
ในส่วนของกรอบเวลาตามที่ “ฟีฟ่า” กำหนดไว้นั้น ได้กำหนดให้มีความเห็นชอบอนุมัติธรรมนูญข้อบังคับของสมาคมฯ ในวันที่ 15 มีนาคมนี้ และได้กำหนดให้แจ้งให้สมาชิกดังกล่าวรับทราบ และเรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายใน 60 วัน เพื่อให้การเห็นชอบข้อบังคับฯ และหลังจากนั้นให้กำหนดการประชุมเลือกตั้งภายใน 45 วัน โดย “ฟีฟ่า” จะส่งคณะผู้แทนมาร่วมในการประชุมใหญ่ทั้ง 2 ครั้งนี้ด้วย
บังยี กล่าวในตอนท้ายว่า “เราจะเห็นได้ว่า ฟีฟ่า ได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาจากทุกภาคส่วนของฟุตบอล โดยแต่ละภาคส่วน หรือผู้แทนที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และมีความรับผิดชอบโดยตรงกับการพัฒนาฟุตบอล และมีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าเดิม”
