คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
ที่สุดแล้วสัญญาฉบับใหม่ "ข้อตกลงสิทธิประโยชน์ร่วมกัน" (Collective Bargaining Agreement) ของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล ก็เป็นหมัน เมื่อบรรดาเจ้าของทีมและสหภาพผู้เล่น (NFLPA) ต่างไม่อ่อนข้อยอมจรดปากกา ดังนั้นซีซัน 2011/12 จึงถูก "ล็อกเอาท์" ไปโดยปริยาย
อย่างที่ทราบกันบ้างแล้ว สาเหตุหลักมาจากการแบ่งรายได้ก้อนโต 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท) ไม่ลงตัว เนื่องจากเจ้าของทีมหน้าเงินขอชักไปแบ่งกันก่อน 2 พันล้านเหรียญฯ (ราว 6 หมื่นล้านบาท) ส่วนเรื่องการเพิ่มโปรแกรมฤดูกาลปกติจากเดิม 16 เป็น 18 เกม แม้ NFL พร้อมผ่อนผันให้เกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า ทว่าสหภาพฯ ไม่ลดหย่อนผ่อนปรน เพราะทำไมต้องเสี่ยงกับอาการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่กลับไปตกอยู่ในกระเป๋าผู้ใหญ่ของลีก
จากการประกาศล็อกเอาท์ NFL จึงไม่ให้ทำกิจกรรมใดๆ ห้ามแม้กระทั่งผู้เล่นเข้าไปยังสำนักงาน ไม่ให้เจ้าของทีมหรือโค้ชติดต่อกับผู้เล่น เนื่องจากเฟรนไชส์หมดสิทธิเจรจาสัญญาหรือเทรดตัวผู้เล่น สหภาพฯ จึงต้องยุบตัวลงเพื่อให้ผู้เล่นไปฟ้องศาลในการเรียกร้องค่าเสียหายจาก NFL ที่กระทำการผูกขาดกิจการ ซึ่งวันที่ 6 เมษายนนี้ตามวัน-เวลาท้องถิ่น เพย์ตัน แมนนิง, ทอม เบรดี, ดรูว์ บรีส์ และเพื่อนๆ จะเดินทางไปให้การ
ถ้าศาลสามารถไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายตกลงตั้งโต๊ะพูดคุยกันใหม่ได้ โอกาสที่คอคนชนคนจะไม่เหงามีศึก NFL ให้ดูก็มีหวัง แต่จะเต็มซีซันหรือไม่มาลุ้นกัน คงต้องขึ้นอยู่กับความเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนบ้าง ซึ่งผู้เขียนยังเชื่อลึกๆ ว่าด้วยความนิยมของลีกกีฬาอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ซูเปอร์โบว์ลเรตติ้งพุ่งกระฉูดในแต่ละปี โรเจอร์ กูเดลล์ ประธานลีกคงไม่ยอมให้แผนงานที่กำลังก้าวไปข้างหน้าหยุดชะงัก
อย่างไรก็ดี NFL ยังต้องเจอการท้าทายจากผู้เล่น เพราะล่าสุดมีรายงานดาวรุ่งที่คาดว่าจะได้รับการดราฟท์รอบแรก 17 คน เตรียมบอยคอตต์ไม่เดินทางไปยังนิวยอร์ก ซิตี ช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ เหตุว่าจะไปทำไม คงไม่มีใครอยากเสแสร้งยิ้มเมื่อขึ้นสู่โพเดียม เพราะถึงถูกดราฟท์การเซ็นสัญญาก็ยังไม่เกิดขึ้น ในเมื่อ CBA ฉบับใหม่ยังไม่เรียบร้อย ที่สำคัญดูเหมือนสเกลค่าจ้างของพวกผู้เล่นหน้าใหม่จะลดลงด้วย
ขณะที่บรรดาผู้เล่น "ฟรีเอเยนต์" ในปี 2011 ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เมื่อสถานภาพถูกแขวน แมนนิงผู้พี่, โลแกน แมนกินส์ หรือว่า วินเซนต์ แจ็คสัน ถึงต้องโร่ไปฟ้องศาล เพราะการล็อกเอาท์ทำให้เงินรายได้รวมถึงโบนัสของพวกเขาหายไปหลักพันล้านบาท ด้าน แรนดี มอสส์ หรือ เทอร์เรลล์ โอเวนส์ อาจกำลังปรึกษาทนายความ ด้วยวัยขึ้นหลัก 30 กลางๆ ถ้าไม่มีฤดูกาลหน้า ผู้เล่นประเภทเก๋าประสบการณ์เสียเวลาไปฟรีๆ หนึ่งปี การรีไทร์ทำท่าจะมาก่อนกำหนด ส่วนพวกที่หวังเทรดไปมีอนาคตกับต้นสังกัดใหม่อย่าง เควิน โคล์บ และ แลร์รี ฟิทซ์เจอรัลด์ เจอสถานการณ์แบบนี้เข้าก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
นี่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในหลายภาคส่วน ยังไม่รวมถึงเหล่าพนักงานของแต่ละเฟรนไชส์ที่ต้องถูกลดเงินเดือนและพักงาน นี่ถ้ายังปล่อยให้ล่วงเลยถึงเดือนสิงหาคม NFL เองจะเสียรายได้ 350 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท) สุดท้ายหากไม่มีซีซันลีกคนชนคนจะขาดรายได้คิดเป็นเกมละ 400 ล้านเหรียญฯ (1.2 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว ทว่าดูเหมือนเจ้าของทีมไม่ยังถือไพ่เหนือกว่า ในเมื่อพวกเขาจะได้เงินประกันจำนวน 4 พันล้านเหรียญฯ (1.2 แสนล้านบาท) ไปนอนกอดอีกอย่างน้อยหนึ่งปี ถึงจุดนี้คงต้องวัดใจว่าใครจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่ากัน ทั้งนี้ทั้งนั้นการล็อกเอาท์คราวนี้ อานิสงส์ไปตกอยู่กับศึกบาสเกตบอล NBA เต็มๆ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (MLS) เปิดฤดูกาลใหม่กันแล้ว หากมองในมุมสปอนเซอร์คงต้องคิดโยกเม็ดเงินไปลงทุนในลีกอื่นบ้างไม่มากก็น้อย
ที่สุดแล้วสัญญาฉบับใหม่ "ข้อตกลงสิทธิประโยชน์ร่วมกัน" (Collective Bargaining Agreement) ของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล ก็เป็นหมัน เมื่อบรรดาเจ้าของทีมและสหภาพผู้เล่น (NFLPA) ต่างไม่อ่อนข้อยอมจรดปากกา ดังนั้นซีซัน 2011/12 จึงถูก "ล็อกเอาท์" ไปโดยปริยาย
อย่างที่ทราบกันบ้างแล้ว สาเหตุหลักมาจากการแบ่งรายได้ก้อนโต 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท) ไม่ลงตัว เนื่องจากเจ้าของทีมหน้าเงินขอชักไปแบ่งกันก่อน 2 พันล้านเหรียญฯ (ราว 6 หมื่นล้านบาท) ส่วนเรื่องการเพิ่มโปรแกรมฤดูกาลปกติจากเดิม 16 เป็น 18 เกม แม้ NFL พร้อมผ่อนผันให้เกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า ทว่าสหภาพฯ ไม่ลดหย่อนผ่อนปรน เพราะทำไมต้องเสี่ยงกับอาการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่กลับไปตกอยู่ในกระเป๋าผู้ใหญ่ของลีก
จากการประกาศล็อกเอาท์ NFL จึงไม่ให้ทำกิจกรรมใดๆ ห้ามแม้กระทั่งผู้เล่นเข้าไปยังสำนักงาน ไม่ให้เจ้าของทีมหรือโค้ชติดต่อกับผู้เล่น เนื่องจากเฟรนไชส์หมดสิทธิเจรจาสัญญาหรือเทรดตัวผู้เล่น สหภาพฯ จึงต้องยุบตัวลงเพื่อให้ผู้เล่นไปฟ้องศาลในการเรียกร้องค่าเสียหายจาก NFL ที่กระทำการผูกขาดกิจการ ซึ่งวันที่ 6 เมษายนนี้ตามวัน-เวลาท้องถิ่น เพย์ตัน แมนนิง, ทอม เบรดี, ดรูว์ บรีส์ และเพื่อนๆ จะเดินทางไปให้การ
ถ้าศาลสามารถไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายตกลงตั้งโต๊ะพูดคุยกันใหม่ได้ โอกาสที่คอคนชนคนจะไม่เหงามีศึก NFL ให้ดูก็มีหวัง แต่จะเต็มซีซันหรือไม่มาลุ้นกัน คงต้องขึ้นอยู่กับความเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนบ้าง ซึ่งผู้เขียนยังเชื่อลึกๆ ว่าด้วยความนิยมของลีกกีฬาอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ซูเปอร์โบว์ลเรตติ้งพุ่งกระฉูดในแต่ละปี โรเจอร์ กูเดลล์ ประธานลีกคงไม่ยอมให้แผนงานที่กำลังก้าวไปข้างหน้าหยุดชะงัก
อย่างไรก็ดี NFL ยังต้องเจอการท้าทายจากผู้เล่น เพราะล่าสุดมีรายงานดาวรุ่งที่คาดว่าจะได้รับการดราฟท์รอบแรก 17 คน เตรียมบอยคอตต์ไม่เดินทางไปยังนิวยอร์ก ซิตี ช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ เหตุว่าจะไปทำไม คงไม่มีใครอยากเสแสร้งยิ้มเมื่อขึ้นสู่โพเดียม เพราะถึงถูกดราฟท์การเซ็นสัญญาก็ยังไม่เกิดขึ้น ในเมื่อ CBA ฉบับใหม่ยังไม่เรียบร้อย ที่สำคัญดูเหมือนสเกลค่าจ้างของพวกผู้เล่นหน้าใหม่จะลดลงด้วย
ขณะที่บรรดาผู้เล่น "ฟรีเอเยนต์" ในปี 2011 ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เมื่อสถานภาพถูกแขวน แมนนิงผู้พี่, โลแกน แมนกินส์ หรือว่า วินเซนต์ แจ็คสัน ถึงต้องโร่ไปฟ้องศาล เพราะการล็อกเอาท์ทำให้เงินรายได้รวมถึงโบนัสของพวกเขาหายไปหลักพันล้านบาท ด้าน แรนดี มอสส์ หรือ เทอร์เรลล์ โอเวนส์ อาจกำลังปรึกษาทนายความ ด้วยวัยขึ้นหลัก 30 กลางๆ ถ้าไม่มีฤดูกาลหน้า ผู้เล่นประเภทเก๋าประสบการณ์เสียเวลาไปฟรีๆ หนึ่งปี การรีไทร์ทำท่าจะมาก่อนกำหนด ส่วนพวกที่หวังเทรดไปมีอนาคตกับต้นสังกัดใหม่อย่าง เควิน โคล์บ และ แลร์รี ฟิทซ์เจอรัลด์ เจอสถานการณ์แบบนี้เข้าก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
นี่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในหลายภาคส่วน ยังไม่รวมถึงเหล่าพนักงานของแต่ละเฟรนไชส์ที่ต้องถูกลดเงินเดือนและพักงาน นี่ถ้ายังปล่อยให้ล่วงเลยถึงเดือนสิงหาคม NFL เองจะเสียรายได้ 350 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท) สุดท้ายหากไม่มีซีซันลีกคนชนคนจะขาดรายได้คิดเป็นเกมละ 400 ล้านเหรียญฯ (1.2 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว ทว่าดูเหมือนเจ้าของทีมไม่ยังถือไพ่เหนือกว่า ในเมื่อพวกเขาจะได้เงินประกันจำนวน 4 พันล้านเหรียญฯ (1.2 แสนล้านบาท) ไปนอนกอดอีกอย่างน้อยหนึ่งปี ถึงจุดนี้คงต้องวัดใจว่าใครจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่ากัน ทั้งนี้ทั้งนั้นการล็อกเอาท์คราวนี้ อานิสงส์ไปตกอยู่กับศึกบาสเกตบอล NBA เต็มๆ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (MLS) เปิดฤดูกาลใหม่กันแล้ว หากมองในมุมสปอนเซอร์คงต้องคิดโยกเม็ดเงินไปลงทุนในลีกอื่นบ้างไม่มากก็น้อย