"ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดรังยันเสมอ เอซี มิลาน 0-0 ควงแขน ชาลเก 04 เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกลูกหนังยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ประจำคืนวันพุธที่ 9 มีนาคม 2554 หลังจาก "ราชันสีน้ำเงิน" บี้ชนะ บาเลนเซีย 3-1
ศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (อังกฤษ) 0-0 เอซี มิลาน (อิตาลี)
(ผลสองนัด สเปอร์ส ชนะด้วยประตูรวม 1-0)
แฮร์รี เรดแนปป์ หวังนำ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ทะลุสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดนี้เปิดไวท์ ฮาร์ท เลน ส่งขุนพลชุดใหญ่ลงสนาม แนวรับได้ เวดราน ชอร์ลูกา กลับมายืนแบ็กขวา แดนกลางมี อารอน เลนนอน เลื้อยริมเส้น ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ฟิตกลับมาปั้นเกมอยู่ด้านหลัง ปีเตอร์ เคราช์ หอกตัวเป้า ด้าน มัสซิมิลิอาโน อัลเลกรี กุนซือ "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ขาดแข้งหลักในแผงมิดฟิลด์ อันเดรีย ปิร์โล ยังบาดเจ็บ เจนนาโร กัตตูโซ ติดโทษแบน ทำให้ต้องส่งตัวเก๋าอย่าง คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ลงไปช่วย แต่แนวรุกครบครันทั้ง โรบินโญ, ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช และ อเลสซานเดร ปาโต
เริ่มเกมการแข่งขัน สเปอร์ส ได้ลุ้นก่อนทันที สตีเวน พีนาร์ ลากตัดจากซ้ายก่อนไหลให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จิ้มด้วยหัวเกือกข้างซ้ายส่งบอลหลุดกรอบไป ช่วง 15 นาทีแรกเป็นเจ้าถิ่นที่ครองบอลได้เหนือกว่าเล็กน้อย แต่ มิลาน มาได้เสียวเช่นกันเมื่อได้ฟรีคิกกลางประตูระยะ 25 หลา ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ปั่นไปให้ เฮเรลโญ โกเมส ทุบบอลออกไป นาทีที่ 25 "ปิศาจแดงดำ" กลับมาทำเกมได้ดีกว่าแล้วและก็น่าได้ประตูนำเป็นที่สุดเมื่อ อเลสซานเดร ปาโต อาศัยความเร็วกระชากหนี โกเมส ก่อนตบเข้ากลางให้ โรบินโญ แปบอลแฉลบกำลังจะซุกก้นตาข่ายทว่าเป็น วิลเลียม กัลลาส เตะสกัดออกมาจากเส้นได้หวุดหวิด
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป "ไก่เดือยทอง" เพิ่งมามีลุ้นบ้างจากฟรีคิกระยะกว่า 35 หลา ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ปั่นบอลข้ามกำแพงไปตกบนตาข่ายด้านบน ถัดมาการประสานงานระหว่าง อิบราฮิมโมวิช ให้ ปาโต เกือบทำให้แฟนๆ เจ้าบ้านน้ำตาตก อย่างไรก็ดี โกเมส ยังล้มตัวป้องกันลูกยิงของ ปาโต เอาไว้ได้ นาที 37 ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ได้สับไกด้วยซ้ายอีกครั้งแต่ยังสร้างปัญหาให้ คริสเตียน อับเบียติ ไม่ได้มากนัก จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกัน 0-0
ลุยต่อครึ่งหลัง สเปอร์ส เป็นฝ่ายเดินหน้าก่อนอีกครั้ง เลนนอน เปิดบอลไปเสาสองให้ ปีเตอร์ เคราช์ โหนโหม่งคนเดียวแต่หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ผู้มาเยือนโต้ตอบไปเหมือนกัน มาติเยอ ฟลามินี ยิงหักข้อหลุดเสาสองไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป มิลาน ดูแผ่วไปแต่นาทีที่ 65 จังหวะยิงของ โรบินโญ ทำให้ โกเมส รับบอลกระฉอก บอลชุลมุนอยู่หน้าปากประตูก่อนที่ โรบินโญ จะตามเข้ามาซ้ำเองเฉียดเสา ถัดมา แฮร์รี เรดแนปป์ ปรับหมากส่ง แกเร็ธ เบล ที่ฟิตสมบูรณ์ลงสนามพร้อมกับถอดเอา ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ออกมาพัก
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย มัสซิมิลิอาโน อัลเลกรี ปรับหมากให้ทีมเยือนส่ง อเล็กซานเดอร์ เมอร์เคล กลางดาวรุ่งชาวเยอรมันลงมาเล่นแทน เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง ที่บาดเจ็บ ถัดมา มิลาน บุกกดดัน โรบินโญ แปะคืนให้ ปาโต กระหน่ำเต็มเท้าบอลเฉียดเสาไปอีก ท้ายเกม "ปิศาจแดงดำ" เติม ร็อดนีย์ สตาร์สเซอร์ กองหน้าดาวรุ่งลงมาเล่นแทน ฟลามินี แต่ก็ไม่เป็นผล ครบ 90 นาที สเปอร์ส ยันเสมอ 0-0 สกอร์รวมสองนัด "ไก่เดือยทอง" เบียดชนะไป 1-0 ได้ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศเป็นทีมแรกของอังกฤษ
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปอร์ส : เฮเรลโญ โกเมส , เวดราน ชอร์ลูกา , วิลเลียม กัลลาส , ไมเคิล ดอว์สัน , เบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต , อารอน เลนนอน , ซานโดร , ลูกา โมดริช , สตีเวน พีนาร์ , ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท , ปีเตอร์ เคราช์
มิลาน : คริสเตียน อับเบียติ , อิกนาซิโอ อบาเต , อเลสซานโดร เนสตา , ติอาโก ซิลวา , มาเร็ค แยนคูลอฟสกี , เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง , มาติเยอ ฟลามินี , คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ , โรบินโญ , ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช , อเลสซานเดร ปาโต
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก 04 ของเยอรมนี เปิดบ้านพลิกกลับมาเอาชนะ "ค้างคาว" บาเลนเซีย 3-1 โดยทีมเยือนจากสเปนนำก่อนจาก ริคาร์โด คอสตา ปราการหลังโปรตุกีสตั้งแต่นาทีที่ 17 ทว่าเจ้าถิ่นทวงคืนสามประตูรวดจาก เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน เบิ้ลสกอร์นาที 40 และช่วงทดเจ็บครึ่งหลัง ขณะที่ มาริโอ กาฟราโนวิช มายิงให้ต้นสังกัดแซงนำนาทีที่ 52 ทำให้ ชาลเก ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัดเฮ 4-2
ศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (อังกฤษ) 0-0 เอซี มิลาน (อิตาลี)
(ผลสองนัด สเปอร์ส ชนะด้วยประตูรวม 1-0)
แฮร์รี เรดแนปป์ หวังนำ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ทะลุสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดนี้เปิดไวท์ ฮาร์ท เลน ส่งขุนพลชุดใหญ่ลงสนาม แนวรับได้ เวดราน ชอร์ลูกา กลับมายืนแบ็กขวา แดนกลางมี อารอน เลนนอน เลื้อยริมเส้น ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ฟิตกลับมาปั้นเกมอยู่ด้านหลัง ปีเตอร์ เคราช์ หอกตัวเป้า ด้าน มัสซิมิลิอาโน อัลเลกรี กุนซือ "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ขาดแข้งหลักในแผงมิดฟิลด์ อันเดรีย ปิร์โล ยังบาดเจ็บ เจนนาโร กัตตูโซ ติดโทษแบน ทำให้ต้องส่งตัวเก๋าอย่าง คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ลงไปช่วย แต่แนวรุกครบครันทั้ง โรบินโญ, ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช และ อเลสซานเดร ปาโต
เริ่มเกมการแข่งขัน สเปอร์ส ได้ลุ้นก่อนทันที สตีเวน พีนาร์ ลากตัดจากซ้ายก่อนไหลให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จิ้มด้วยหัวเกือกข้างซ้ายส่งบอลหลุดกรอบไป ช่วง 15 นาทีแรกเป็นเจ้าถิ่นที่ครองบอลได้เหนือกว่าเล็กน้อย แต่ มิลาน มาได้เสียวเช่นกันเมื่อได้ฟรีคิกกลางประตูระยะ 25 หลา ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ปั่นไปให้ เฮเรลโญ โกเมส ทุบบอลออกไป นาทีที่ 25 "ปิศาจแดงดำ" กลับมาทำเกมได้ดีกว่าแล้วและก็น่าได้ประตูนำเป็นที่สุดเมื่อ อเลสซานเดร ปาโต อาศัยความเร็วกระชากหนี โกเมส ก่อนตบเข้ากลางให้ โรบินโญ แปบอลแฉลบกำลังจะซุกก้นตาข่ายทว่าเป็น วิลเลียม กัลลาส เตะสกัดออกมาจากเส้นได้หวุดหวิด
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป "ไก่เดือยทอง" เพิ่งมามีลุ้นบ้างจากฟรีคิกระยะกว่า 35 หลา ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ปั่นบอลข้ามกำแพงไปตกบนตาข่ายด้านบน ถัดมาการประสานงานระหว่าง อิบราฮิมโมวิช ให้ ปาโต เกือบทำให้แฟนๆ เจ้าบ้านน้ำตาตก อย่างไรก็ดี โกเมส ยังล้มตัวป้องกันลูกยิงของ ปาโต เอาไว้ได้ นาที 37 ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ได้สับไกด้วยซ้ายอีกครั้งแต่ยังสร้างปัญหาให้ คริสเตียน อับเบียติ ไม่ได้มากนัก จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกัน 0-0
ลุยต่อครึ่งหลัง สเปอร์ส เป็นฝ่ายเดินหน้าก่อนอีกครั้ง เลนนอน เปิดบอลไปเสาสองให้ ปีเตอร์ เคราช์ โหนโหม่งคนเดียวแต่หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ผู้มาเยือนโต้ตอบไปเหมือนกัน มาติเยอ ฟลามินี ยิงหักข้อหลุดเสาสองไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป มิลาน ดูแผ่วไปแต่นาทีที่ 65 จังหวะยิงของ โรบินโญ ทำให้ โกเมส รับบอลกระฉอก บอลชุลมุนอยู่หน้าปากประตูก่อนที่ โรบินโญ จะตามเข้ามาซ้ำเองเฉียดเสา ถัดมา แฮร์รี เรดแนปป์ ปรับหมากส่ง แกเร็ธ เบล ที่ฟิตสมบูรณ์ลงสนามพร้อมกับถอดเอา ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ออกมาพัก
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย มัสซิมิลิอาโน อัลเลกรี ปรับหมากให้ทีมเยือนส่ง อเล็กซานเดอร์ เมอร์เคล กลางดาวรุ่งชาวเยอรมันลงมาเล่นแทน เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง ที่บาดเจ็บ ถัดมา มิลาน บุกกดดัน โรบินโญ แปะคืนให้ ปาโต กระหน่ำเต็มเท้าบอลเฉียดเสาไปอีก ท้ายเกม "ปิศาจแดงดำ" เติม ร็อดนีย์ สตาร์สเซอร์ กองหน้าดาวรุ่งลงมาเล่นแทน ฟลามินี แต่ก็ไม่เป็นผล ครบ 90 นาที สเปอร์ส ยันเสมอ 0-0 สกอร์รวมสองนัด "ไก่เดือยทอง" เบียดชนะไป 1-0 ได้ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศเป็นทีมแรกของอังกฤษ
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปอร์ส : เฮเรลโญ โกเมส , เวดราน ชอร์ลูกา , วิลเลียม กัลลาส , ไมเคิล ดอว์สัน , เบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต , อารอน เลนนอน , ซานโดร , ลูกา โมดริช , สตีเวน พีนาร์ , ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท , ปีเตอร์ เคราช์
มิลาน : คริสเตียน อับเบียติ , อิกนาซิโอ อบาเต , อเลสซานโดร เนสตา , ติอาโก ซิลวา , มาเร็ค แยนคูลอฟสกี , เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง , มาติเยอ ฟลามินี , คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ , โรบินโญ , ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช , อเลสซานเดร ปาโต
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก 04 ของเยอรมนี เปิดบ้านพลิกกลับมาเอาชนะ "ค้างคาว" บาเลนเซีย 3-1 โดยทีมเยือนจากสเปนนำก่อนจาก ริคาร์โด คอสตา ปราการหลังโปรตุกีสตั้งแต่นาทีที่ 17 ทว่าเจ้าถิ่นทวงคืนสามประตูรวดจาก เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน เบิ้ลสกอร์นาที 40 และช่วงทดเจ็บครึ่งหลัง ขณะที่ มาริโอ กาฟราโนวิช มายิงให้ต้นสังกัดแซงนำนาทีที่ 52 ทำให้ ชาลเก ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัดเฮ 4-2