ปีเตอร์ เคราช์ สวมบทฮีโร่ยิงประตูชัยให้ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ บุกไปจิกเอาชนะ "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน 1-0 ในศึกลูกหนังยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ประจำคืนวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554
ศึกฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก
เอซี มิลาน (อิตาลี) 0-1 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (อังกฤษ)
แฮร์รี เรดแนปป์ นำทัพ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส บุกเมืองมิลานอีกครั้ง คราวนี้เจอศึกหนักอย่าง "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน โดยทีมเยือนมีข่าวดีเมื่อ ราฟาเอล ฟาน เพอร์ ฟาร์ท เพลย์เมคเกอร์ชาวดัตช์ฟิตกลับมาปั้นเกมอยู่ด้านหลัง ปีเตอร์ เคราช์ หัวหอกตัวเป้า ส่วนแผงมิดฟิลด์ใส่ ซานโดร กับ สตีเวน พีนาร์ ลงช่วย ด้านเจ้าถิ่น กุนซือ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี มีปัญหานักเตะเจ็บเพียบ ทำให้ต้องดัน ติอาโก ซิลวา ไปตัดเกมแดนกลาง มาริโอ เยเปส ถูกหยอดลงมายืนเซ็นเตอร์แทน แนวรุกใช้ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ จอมเก๋าคอยจ่ายบอลให้คู่หน้าอย่าง โรบินโญ กับ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ลุ้นสกอร์
เริ่มเกมการแข่งขันเป็น สเปอร์ส เดินเครื่องกดดันเจ้าถิ่นก่อน เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต โยนจากกราบซ้ายเข้าในไปโดนแขน อเลสซานโดร เนสตา ทว่าผู้ตัดสินไม่เป่านกหวีดยาวแต่อย่างใด จังหวะเปิดเกมทางริมเส้นของทีมเยือนน่ากลัวทีเดียว อารอน เลนนอน กระชากไปทางกราบขวาก่อนตบไปเสาแรกหมายให้ ปีเตอร์ เคราช์ เข้าชาร์จท ทว่า คริสเตียน อับเบียติ ออกมาตัดได้ก่อนตามตะปบลูกหนังเข้ามืออีกครั้ง ถึงนาทีที่ 17 มิลาน ต้องถอดเอา อับเบียติ ที่บาดเจ็บบริเวณกระดูกต้นคอออกมา พร้อมกับส่ง มาร์โก อเมเลีย ลงมาเฝ้าเสาแทน
เจ้าถิ่นสวนกลับขึ้นมาบ้าง โรบินโญ จ่ายให้ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ก่อนเข้าในไปรอชาร์จ ทว่าคู่หูชาวสวีดิชดันเปิดบอลไม่ผ่านบล็อก วิลเลียม กัลลาส ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก แฟนๆ ในซาน ซิโร เปล่งเสียงโห่ สเตฟาน ลันนัว เชิ้ตดำชาวฝรั่งเศสกันเกรียว หลังปฏิเสธให้จุดโทษแก่มิลาน จากจังหวะ ซานโดร เตะสกัดจากด้านหลังใส่ อิบราฮิมโมวิช จากนั้นเกมดำเนินไปอย่างสูสี แต่จังหวะลุ้นทำประตูแบบจะแจ้งยังแทบไม่มีให้เห็นจนกระทั่งท้ายครึ่งแรก ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ได้ตะบันด้วยซ้าย อเมเลีย ต้องบินปัดทิ้งไป จบ 45 นาทีแรกสกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0
ลุยต่อครึ่งหลัง มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี ปรับทัพด้วยการส่ง อเลสซานเดร ปาโต ลงมาเล่นแทน คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ แต่ก็ยังเป็น สเปอร์ส เปิดฉากลุยก่อนและเกือบนำเร็วเมื่อ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท อาศัยความสามารถเฉพาะตัวล็อกหลอกชิปด้วยซ้ายบอลข้ามศีรษะ อเมเลีย แต่ก็หลุดกรอบไปแบบได้เสียว นาที 50 มิลาน โต้ตอบกลับมาได้ลุ้นเช่นกัน มาริโอ เยเปส โถมขึ้นมาโขกเน้นๆ เอเรลโญ โกเมส ได้โชว์ซูเปอร์เซฟหนแรกของเกม หนึ่งชั่วโมง แฮร์รี เรดแนปป์ ต้องส่ง โจนาธาน วูดเกต ลงมาช่วยแนวรับแทน เวดราน ชอร์ลูกา ที่โดน มาติเยอ ฟลามินี เสียบหนักจนเจ็บเล่นต่อไม่ไหว
นาที 62 เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูนำเป็นที่สุดเมื่อ เยเปส โถมขึ้นมาโขกลูกเตะมุมทว่าเป็น โกเมส ควักบอลออกจากเส้นประตูได้ทัน ก่อนที่ กัลลาส จะตีลังกาสกัดเคลียร์บอลพ้นอันตรายไป ถัดมาผู้มาเยือนส่ง ลูกา โมดริช ที่เพิ่งฟิตลงมาปั้นเกมแทน ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ถัดมา มาติเยอ ฟลามินี ได้ยิงบอลแฉลบ วูดเกต ออกหลังไป มิลานดันเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะสวนกลับของ อารอน เลนนอน อาศัยความเร็วกระชากหลบ เยเปส ก่อนไหลใส่พานให้ เคราช์ แปบอลหนีมือ อเมเลีย เข้าไปให้สเปอร์ส นำ 1-0 นาที 80 ช่วงทดเจ็บ "ปิศาจแดงดำ" เฮเก้อ อิบราฮิมโมวิช เอี้ยวตัวยิงเข้าไป แต่เป็นการทำฟาล์วไปผลัก ไมเคิล ดอว์สัน เสียก่อน จบเกมจึงปราชัยคาถิ่น สองสัปดาห์ข้างหน้ามีคิวบุกลอนดอนและต้องบุกล้ม "ไก่เดือยทอง" ให้ได้ถึงจะได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
มิลาน : คริสเตียน อับเบียติ , อินาซิโอ อบาเต , อเลสซานโดร เนสตา , มาริโอ เยเปส , ลูกา อันโตนินี , เจนนาโร กัตตูโซ , ติอาโก ซิลวา , มาติเยอ ฟลามินี , คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ , โรบินโญ , ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช
สเปอร์ส : เอเรลโญ โกเมส , เวดราน ชอร์ลูกา , ไมเคิล ดอว์สัน , วิลเลียม กัลลาส , เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต , อารอน เลนนอน , วิลสัน ปาลาซิออส , ซานโดร , สตีเวน พีนาร์ , ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท , ปีเตอร์ เคราช์
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า "ค้างคาว" บาเลนเซีย เปิดสนามเมสตาญา สเตเดียม ในสเปน ทำได้แค่เสมอ "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก 1-1 โดยเจ้าถิ่นนำก่อนจาก โรเบร์โต โซลดาโด นาทีที่ 17 แต่ทีมเยือนตีเสมอจาก ราอูล กอนซาเลซ นาที 64 แม้นาทีสุดท้ายผู้มาเยือนเหลือ 10 คนจากการที่ ลูคัส ชมิทซ์ โดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม อย่างไรก็ตาม ทีมดังจากเยอรมนียันอยู่ ก่อนกลับบ้านไปชี้ชะตาเข้ารอบกันต่อไปในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
ศึกฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก
เอซี มิลาน (อิตาลี) 0-1 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (อังกฤษ)
แฮร์รี เรดแนปป์ นำทัพ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส บุกเมืองมิลานอีกครั้ง คราวนี้เจอศึกหนักอย่าง "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน โดยทีมเยือนมีข่าวดีเมื่อ ราฟาเอล ฟาน เพอร์ ฟาร์ท เพลย์เมคเกอร์ชาวดัตช์ฟิตกลับมาปั้นเกมอยู่ด้านหลัง ปีเตอร์ เคราช์ หัวหอกตัวเป้า ส่วนแผงมิดฟิลด์ใส่ ซานโดร กับ สตีเวน พีนาร์ ลงช่วย ด้านเจ้าถิ่น กุนซือ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี มีปัญหานักเตะเจ็บเพียบ ทำให้ต้องดัน ติอาโก ซิลวา ไปตัดเกมแดนกลาง มาริโอ เยเปส ถูกหยอดลงมายืนเซ็นเตอร์แทน แนวรุกใช้ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ จอมเก๋าคอยจ่ายบอลให้คู่หน้าอย่าง โรบินโญ กับ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ลุ้นสกอร์
เริ่มเกมการแข่งขันเป็น สเปอร์ส เดินเครื่องกดดันเจ้าถิ่นก่อน เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต โยนจากกราบซ้ายเข้าในไปโดนแขน อเลสซานโดร เนสตา ทว่าผู้ตัดสินไม่เป่านกหวีดยาวแต่อย่างใด จังหวะเปิดเกมทางริมเส้นของทีมเยือนน่ากลัวทีเดียว อารอน เลนนอน กระชากไปทางกราบขวาก่อนตบไปเสาแรกหมายให้ ปีเตอร์ เคราช์ เข้าชาร์จท ทว่า คริสเตียน อับเบียติ ออกมาตัดได้ก่อนตามตะปบลูกหนังเข้ามืออีกครั้ง ถึงนาทีที่ 17 มิลาน ต้องถอดเอา อับเบียติ ที่บาดเจ็บบริเวณกระดูกต้นคอออกมา พร้อมกับส่ง มาร์โก อเมเลีย ลงมาเฝ้าเสาแทน
เจ้าถิ่นสวนกลับขึ้นมาบ้าง โรบินโญ จ่ายให้ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ก่อนเข้าในไปรอชาร์จ ทว่าคู่หูชาวสวีดิชดันเปิดบอลไม่ผ่านบล็อก วิลเลียม กัลลาส ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก แฟนๆ ในซาน ซิโร เปล่งเสียงโห่ สเตฟาน ลันนัว เชิ้ตดำชาวฝรั่งเศสกันเกรียว หลังปฏิเสธให้จุดโทษแก่มิลาน จากจังหวะ ซานโดร เตะสกัดจากด้านหลังใส่ อิบราฮิมโมวิช จากนั้นเกมดำเนินไปอย่างสูสี แต่จังหวะลุ้นทำประตูแบบจะแจ้งยังแทบไม่มีให้เห็นจนกระทั่งท้ายครึ่งแรก ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ได้ตะบันด้วยซ้าย อเมเลีย ต้องบินปัดทิ้งไป จบ 45 นาทีแรกสกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0
ลุยต่อครึ่งหลัง มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี ปรับทัพด้วยการส่ง อเลสซานเดร ปาโต ลงมาเล่นแทน คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ แต่ก็ยังเป็น สเปอร์ส เปิดฉากลุยก่อนและเกือบนำเร็วเมื่อ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท อาศัยความสามารถเฉพาะตัวล็อกหลอกชิปด้วยซ้ายบอลข้ามศีรษะ อเมเลีย แต่ก็หลุดกรอบไปแบบได้เสียว นาที 50 มิลาน โต้ตอบกลับมาได้ลุ้นเช่นกัน มาริโอ เยเปส โถมขึ้นมาโขกเน้นๆ เอเรลโญ โกเมส ได้โชว์ซูเปอร์เซฟหนแรกของเกม หนึ่งชั่วโมง แฮร์รี เรดแนปป์ ต้องส่ง โจนาธาน วูดเกต ลงมาช่วยแนวรับแทน เวดราน ชอร์ลูกา ที่โดน มาติเยอ ฟลามินี เสียบหนักจนเจ็บเล่นต่อไม่ไหว
นาที 62 เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูนำเป็นที่สุดเมื่อ เยเปส โถมขึ้นมาโขกลูกเตะมุมทว่าเป็น โกเมส ควักบอลออกจากเส้นประตูได้ทัน ก่อนที่ กัลลาส จะตีลังกาสกัดเคลียร์บอลพ้นอันตรายไป ถัดมาผู้มาเยือนส่ง ลูกา โมดริช ที่เพิ่งฟิตลงมาปั้นเกมแทน ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ถัดมา มาติเยอ ฟลามินี ได้ยิงบอลแฉลบ วูดเกต ออกหลังไป มิลานดันเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะสวนกลับของ อารอน เลนนอน อาศัยความเร็วกระชากหลบ เยเปส ก่อนไหลใส่พานให้ เคราช์ แปบอลหนีมือ อเมเลีย เข้าไปให้สเปอร์ส นำ 1-0 นาที 80 ช่วงทดเจ็บ "ปิศาจแดงดำ" เฮเก้อ อิบราฮิมโมวิช เอี้ยวตัวยิงเข้าไป แต่เป็นการทำฟาล์วไปผลัก ไมเคิล ดอว์สัน เสียก่อน จบเกมจึงปราชัยคาถิ่น สองสัปดาห์ข้างหน้ามีคิวบุกลอนดอนและต้องบุกล้ม "ไก่เดือยทอง" ให้ได้ถึงจะได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
มิลาน : คริสเตียน อับเบียติ , อินาซิโอ อบาเต , อเลสซานโดร เนสตา , มาริโอ เยเปส , ลูกา อันโตนินี , เจนนาโร กัตตูโซ , ติอาโก ซิลวา , มาติเยอ ฟลามินี , คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ , โรบินโญ , ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช
สเปอร์ส : เอเรลโญ โกเมส , เวดราน ชอร์ลูกา , ไมเคิล ดอว์สัน , วิลเลียม กัลลาส , เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต , อารอน เลนนอน , วิลสัน ปาลาซิออส , ซานโดร , สตีเวน พีนาร์ , ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท , ปีเตอร์ เคราช์
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า "ค้างคาว" บาเลนเซีย เปิดสนามเมสตาญา สเตเดียม ในสเปน ทำได้แค่เสมอ "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก 1-1 โดยเจ้าถิ่นนำก่อนจาก โรเบร์โต โซลดาโด นาทีที่ 17 แต่ทีมเยือนตีเสมอจาก ราอูล กอนซาเลซ นาที 64 แม้นาทีสุดท้ายผู้มาเยือนเหลือ 10 คนจากการที่ ลูคัส ชมิทซ์ โดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม อย่างไรก็ตาม ทีมดังจากเยอรมนียันอยู่ ก่อนกลับบ้านไปชี้ชะตาเข้ารอบกันต่อไปในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า