เก๋าพิชิตสดชิง "ซูเปอร์โบว์ล" / ลุงแซม
ASTVผู้จัดการรายวัน - พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ยอดทีมแห่งลีกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล ทะลุเข้าสู่เกมชิงแชมป์ประเทศเป็นสมัยที่ 3 รอบ 6 ปีหลังสุด แต่บริษัทรับพนันถูกกฎหมายในลาสเวกัส กลับมองว่าพวกเขาเป็นรอง กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส 2.5 แต้ม ในศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 45 ความคับข้องใจจะผลักดันให้เหล่า "คนเหล็ก" ฟันฝ่าไปถึงแชมป์สมัยที่ 7 ได้หรือไม่ บรรทัดต่อจากนี้ "ลุงแซม" คอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน จะมาวิเคราะห์ถึงโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในเกมใหญ่ช่วงเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554
ประสบการณ์ในเกมชิงแชมป์
สตีลเลอร์ส เข้าถึงเกมชิงแชมป์หนที่ 8 เท่ากับ ดัลลัส คาวบอยส์ เจ้าภาพจัดซูเปอร์โบว์ลครั้งนี้ โดย 7 ครั้งที่ผ่านมา "คนเหล็ก" ก้าวสู่บัลลังก์ได้ถึง 6 หน คำนวนแล้วยอดทีมแห่งพิตต์สเบิร์กมีชัยคิดเป็น 85.7 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว อีกทั้งสองหนล่าสุดสามารถฝ่าด่าน ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส (21-10) ในปี 2005 และ อริโซนา คาร์ดินัลส์ (27-23) ปี 2008 ไปกอด "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" ได้สำเร็จ ขณะที่ แพ็คเกอร์ส นี่เป็นการเข้าชิงหนแรกในรอบ 13 ปี หลังจากพลาดโอกาสป้องกันแชมป์จากการปราชัย เดนเวอร์ บรองโกส์ 24-31 เมื่อปี 1997 อย่างไรก็ดี ขุนพล "หัวเนยแข็ง" มีสถิติไม่เลวในศึกซูเปอร์โบว์ล เมื่อคว้าชัยได้ 3 จากโอกาส 4 ครั้ง
แรงขับจากแม่ทัพ
เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ ควอเตอร์แบ็กร่างใหญ่สตีลเลอร์ส ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นนักสู้ ถ้าสามารถพาต้นสังกัดครองแชมป์ในซีซันนี้ "บิ๊กเบน" จะถูกยกขึ้นหิ้งเป็นจอมทัพคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ต่อจาก เทอร์รี แบรดชอว์ (4 สมัย), โจ มอนทานา (4), ทรอย เอ็คแมน (3) และ ทอม เบรดี (3) ที่มีแหวนแชมป์อยู่ในมืออย่างน้อย 3 วง คงไม่ต้องบอกถึงความทุ่มเทที่จะถูกใส่ไปเต็มร้อย อย่างไรก็ดี คงต้องวัดฝีมือกับ แอรอน ร็อดเจอร์ส ดูสักตั้ง โดยจอมทัพแพ็คเกอร์ส ทำให้แฟนๆ ลืมชื่อ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ในชั่วข้ามคืน หากเข็นทีมอันดับ 6 ฝั่งเอ็นเอฟซี ถึงแชมป์ ตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ในซูเปอร์โบว์ลคงไม่หนีไปไหน
เกมรับอันน่าเกรงขาม
ต้องซูฮกกับความหลากหลายในเกมบุกสตีลเลอร์ส โรธลิสเบอร์เกอร์ มีบรรดาปีกสตาร์ให้ใช้งานทั้ง ไฮน์ส วอร์ด, ไมค์ วอลเลซ หรือ ฮีธ มิลเลอร์ ขณะที่ ราชาร์ด เมนเดลฮอลล์ เพิ่งวิ่งใส่ นิวยอร์ก เจ็ตส์ 121 หลากับอีกหนึ่งทัชดาวน์ ขณะที่ ร็อดเจอร์ส ขว้างเฉลี่ย 251 หลานับตั้งแต่เข้าสู่โพสต์ซีซัน ปาบอลสำเร็จคิดเป็นถึง 71 เปอร์เซ็นต์ แถมวิ่งเองก็ไม่เลวไปกว่า "บิ๊กเบน" แต่ความร้ายกาจทั้งหมดนี้จะเจอบทพิสูจน์ของจริง ก็ในเมื่อ โรธลิสเบอร์เกอร์ ต้องเจอความท้าทายจากทีมรับ "แพ็คส์แมน" ที่อินเทอร์เซป์อันดับ 2 ของลีก (เป็นรองแค่ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์) ชาร์ลส วูดสัน อย่างเก๋า ทรามอน วิลเลียมส์ โฉบบอลจากปีกคู่แข่งได้ถึง 6 หน ขณะที่ เคลย์ แม็ทธิวส์ ยอดไลน์แบ็กเกอร์แซ็คไป 13.5 ครั้งในปีนี้ ด้าน ร็อดเจอร์ส วางใจไม่ได้เช่นกันเมื่อ "คนเหล็ก" อินเทอร์เซปต์มา 21 หนในฤดูกาลปกติ ทรอย โพลามาลู สุดยอดเซฟตีอ่านเกมขาดพิกใส่คู่แข่งไป 7 ครั้ง ทีมไล่อัดหนักจนทำให้เกิดฟัมเบิลถึง 20 หน เจมส์ แฮร์ริสัน และ เลอมาร์ วูดลีย์ แซ็ครวมกัน 20.5 ครั้ง ที่สำคัญทั้งสองทีมเสียเฉลี่ยเกมละ 14.5-15 แต้มเท่านั้น
ปัจจัยชี้แชมป์
การลุยภาคพื้นดินใส่เกมป้องกันวิ่งที่แกร่งสุดใน NFL อย่างสตีลเลอร์ส ที่อนุญาตให้คู่แข่งกระทุ้งเฉลี่ยแค่เกมละ 62.8 หลา อาจเป็นการฆ่าตัวตาย แต่นั่นเป็นสิ่งที่ เจมส์ สตาร์คส รันนิงแบ็กรุคกี้ "แพ็คส์แมน" ต้องทำให้ได้หากฝันไกลไปถึงแชมป์ เพราะนั่นจะทำให้เกมบุกที่อาศัยการขว้างของ ร็อดเจอร์ส เป็นหลักเกิดความสมดุลและจับทางได้ยากขึ้น เช่นเดียวกันกับ สตีลเลอร์ส ต้องใช้บอลคอนโทรลจาก เมนเดนฮอลล์ ให้ก่อประโยชน์สูงสุด มิลเลอร์ แทรกตัวเองไปรับบอลสั้นเพื่อเปลี่ยนดาวน์ เป็นการดึงเซฟตี้แพ็คเกอร์ส ขึ้นสูง เพื่อเปิดโอกาสให้ วอร์ด และ วอลเลซ ได้ดวลเดี่ยวกับ วูดสัน และ วิลเลียมส์ ถ้าทฤษฎีนี้ใช้ได้ผล โรธลิสเบอร์เกอร์ ก็ไม่ต้องเสี่ยงขว้างมากเกินความจำเป็น ซึ่งในเกมที่สูสีเช่นนี้เชื่อว่า "คนเหล็ก" จะอาศัยแรงฮึดพ่วงประสบการณ์เบียดเอาชนะ "แพ็คส์แมน" ไปได้อย่างสนุก