โชเซ มูรินโญ กุนซือจอมโวชาวโปรตุกีส ยกเครดิตให้บรรดานักเตะ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ต้นสังกัดเก่าแห่งเซเรีย อา อิตาลี มีส่วนสำคัญในการไปสู่ความสำเร็จ จนกระทั่งตนได้รับเลือกให้เป็นโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประจำปี 2010
ก่อนหน้านี้ ฟีฟ่า ออกมาแบโผรายชื่อกุนซือ 3 คนที่มีลุ้นคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี 2010 ซึ่งประกอบไปด้วย บิเซนเต เดล บอสเก ผู้พา "กระทิงดุ" สเปน ขวิดแชมป์โลกมาครอง, โชเซ มูรินโญ กุนซือซึ่งนำ อินเตอร์ มิลาน กวาดทริปเปิลแชมป์ (เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลียน และยูฟา แชมเปียนส์ ลีก) รวมถึง โจเซป กวาร์ดิโอลา โค้ชคนหนุ่มของ บาร์เซโลนา
ซึ่งล่าสุดเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2554 ฟีฟ่าได้จัดงานกาลาดินเนอร์ ขึ้นที่นครซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมประกาศรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี ซึ่งผู้ที่ซิวตำแหน่งนี้ไปครอง ได้แก่ มูรินโญ วัย 47 ปี ที่ฤดูกาล 2009/10 สามารถนำ อินเตอร์ฯ เถลิงทริปเปิลแชมป์
ที่สำคัญ "เดอะ สเปเชียล วัน" ยังเป็นกุนซือรายที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์ยุโรปถ้วยใบใหญ่กับ 2 สโมสร (มูรินโญ เถลิงแชมป์หนแรกกับ เอฟซี ปอร์โต เมื่อปี 2004) ต่อจาก แอร์นสท ฮัปเปิล ผู้พา เฟเยนูร์ด ครองแชมป์ปี 1970 และ ฮัมบูร์ก ปี 1983 รวมทั้ง อ็อตมาร์ ฮิทซ์เฟลด์ กับการนำดอร์ทมุนด์ เป็นแชมป์ในปี 1997 และ บาเยิร์น มิวนิค ปี 2001
ภายหลัง มูรินโญ ออกมาให้สัมภาษณ์ "ตัวผมนั้นเลือกทางให้ตัวเอง 11 เดือนในการทำงาน 57 แมตช์ที่ลงสนาม 3 แชมป์ที่ได้มา ล้วนเป็นสิ่งสำคัญทั้งหมด ทัวร์นาเมนต์ต่างๆ แชมเปียนส์ ลีก ผมชนะเลิศมาหมดแล้ว แต่ผมคงไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าบรรดานักเตะ (อินเตอร์ มิลาน)"
สำหรับ มูรินโญ ปัจจุบันโยกมาคุมบังเหียน "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ซึ่งภารกิจสำคัญคือ การกระชากแชมป์ลา ลีกา คืนมาจากอ้อมอก "เป๊ป" กวาร์ดิโอลา และพลพรรค "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด รีล มาดริด ยังตามหลังคู่ปรับตลอดกาลอยู่ 2 แต้ม เมื่อเข้าสู่ครึ่งทางของฤดูกาล 2010/11
ก่อนหน้านี้ ฟีฟ่า ออกมาแบโผรายชื่อกุนซือ 3 คนที่มีลุ้นคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี 2010 ซึ่งประกอบไปด้วย บิเซนเต เดล บอสเก ผู้พา "กระทิงดุ" สเปน ขวิดแชมป์โลกมาครอง, โชเซ มูรินโญ กุนซือซึ่งนำ อินเตอร์ มิลาน กวาดทริปเปิลแชมป์ (เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลียน และยูฟา แชมเปียนส์ ลีก) รวมถึง โจเซป กวาร์ดิโอลา โค้ชคนหนุ่มของ บาร์เซโลนา
ซึ่งล่าสุดเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2554 ฟีฟ่าได้จัดงานกาลาดินเนอร์ ขึ้นที่นครซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมประกาศรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี ซึ่งผู้ที่ซิวตำแหน่งนี้ไปครอง ได้แก่ มูรินโญ วัย 47 ปี ที่ฤดูกาล 2009/10 สามารถนำ อินเตอร์ฯ เถลิงทริปเปิลแชมป์
ที่สำคัญ "เดอะ สเปเชียล วัน" ยังเป็นกุนซือรายที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์ยุโรปถ้วยใบใหญ่กับ 2 สโมสร (มูรินโญ เถลิงแชมป์หนแรกกับ เอฟซี ปอร์โต เมื่อปี 2004) ต่อจาก แอร์นสท ฮัปเปิล ผู้พา เฟเยนูร์ด ครองแชมป์ปี 1970 และ ฮัมบูร์ก ปี 1983 รวมทั้ง อ็อตมาร์ ฮิทซ์เฟลด์ กับการนำดอร์ทมุนด์ เป็นแชมป์ในปี 1997 และ บาเยิร์น มิวนิค ปี 2001
ภายหลัง มูรินโญ ออกมาให้สัมภาษณ์ "ตัวผมนั้นเลือกทางให้ตัวเอง 11 เดือนในการทำงาน 57 แมตช์ที่ลงสนาม 3 แชมป์ที่ได้มา ล้วนเป็นสิ่งสำคัญทั้งหมด ทัวร์นาเมนต์ต่างๆ แชมเปียนส์ ลีก ผมชนะเลิศมาหมดแล้ว แต่ผมคงไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าบรรดานักเตะ (อินเตอร์ มิลาน)"
สำหรับ มูรินโญ ปัจจุบันโยกมาคุมบังเหียน "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ซึ่งภารกิจสำคัญคือ การกระชากแชมป์ลา ลีกา คืนมาจากอ้อมอก "เป๊ป" กวาร์ดิโอลา และพลพรรค "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด รีล มาดริด ยังตามหลังคู่ปรับตลอดกาลอยู่ 2 แต้ม เมื่อเข้าสู่ครึ่งทางของฤดูกาล 2010/11