xs
xsm
sm
md
lg

"เออร์นี เอลส์" อีซีย์คัมแบ็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เออร์นี เอลส์ ถ่ายรูปกับโทรฟีแชมป์ซีเอ แชมเปียนชิป
เรื่อง วุฒิวรรณ วิศาลวรรณ์

หากไม่มีข่าวการคืนสนามของ "พญาเสือ" ไทเกอร์ วูดส์ มาดึงความสนใจของวงการกอล์ฟเสียก่อน เชื่อว่าการคว้าแชมป์รายการซีเอ แชมเปียนชิป ของ "บิ๊กอีซีย์" เออร์นี เอลส์ บนสนามโดรัล บลูมันสเตอร์ รัฐจอร์เจีย เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมาน่าจะเป็นประเด็นหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงมากกว่านี้ เพราะถือเป็นการคว้าแชมป์รายการแรกในรอบ 2 ปีหรือหากนับเฉพาะบนแผ่นดินสหรัฐฯนี่คือโทรฟี่ใบที่สองของโปรชาวแอฟริกาใต้ ในรอบเกือบ 6 ปี และที่ลืมไม่ได้คือชื่อของนักกอล์ฟวัย 40 ปีรายนี้เคยติดอยู่ในโผของผู้ท้าชิงตำแหน่งโปรหมายเลขหนึ่งโลกจากไทเกอร์ วูดส์ ซึ่งครั้งหนึ่งสื่อในสหรัฐฯเปรียบให้ทั้งสองเป็นเหมือนเป็น แจ็ค นิคลอส กับ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ หรือ แจ็ค นิคลอส กับ ทอม วัตสัน แห่งศตวรรษที่ 21 เลยทีเดียว

หลังคว้าแชมป์รายการเดอะฮอนดา คลาสสิก เมื่อเดือนมีนาคมปี 2008 ความสนใจของผู้ชมที่มีต่อ เอลส์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาดูเหมือนจะค่อยๆจางหายไป แม้การแข่งขันกอล์ฟฤดูกาล 2010 เปิดฉากขึ้นด้วยการปราศจาก ไทเกอร์ วูดส์ ซึ่งขอเว้นวรรคการลงสนามเพื่อเคลียร์ปัญหาครอบครัวจากการเจอมรสุมกิ๊ก แต่ผู้คนต่างกล่าวขวัญถึงนักกอล์ฟรายอื่นที่จะขึ้นมาสร้างสีสัน อาทิ การยก "สิงห์อีซ้าย" ฟิล มิคเคลสัน เป็นนักกอล์ฟที่ดีที่สุดของโลกแทน หรือการจับตามองผลงานของ รอรีย์ แม็คอิลรอย สวิงดาวโรจน์ชาวไอร์แลนด์เหนือที่ทำให้หลายคนลืม ดาร์เรน คลาร์ก ไป แต่ไม่มีใครคาดคิดถึงการคัมแบ็กของ "บิ๊กอีซีย์"

ไบรอัน เมอร์ฟี คอมลัมนิสต์ของ "ยาฮู สปอร์ต" แจงสาเหตุของปัญหาที่ทำให้ผลงานของ เอลส์ ตกลงไม่เหมือนช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 หรือช่วงต้นศตวรรษ 2000 ประการแรกรอยแผลเป็นในจิตใจที่เกิดจากการชวดแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส เมื่อปี 2004 ที่ถูกลูกพัตต์มหัศจรรย์ของ ฟิล มิคเคลสัน ดับความหวังในการหยิบแชมป์เมเจอร์รายการที่ 4 ไป ประการที่สองอาการเจ็บที่หัวเข่าซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการแล่นเรือใบในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อปี 2005 ซึ่งเรื่องนี้เคยถูกตั้งข้อสังเกตจาก ไทเกอร์ วูดส์ เกี่ยวกับวินัยในการรักษาอาการบาดเจ็บของ เอลส์ เมื่อปีที่แล้ว เพราะ "พญาเสือ" แม้มีปัญหาเดียวกัน แต่หลังจากฟักฟื้นจนคืนสนามอีกครั้งก็ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม และประการสุดท้ายเป็นปัญหาครอบครัวที่ เบน ลูกชายซึ่งปัจจุบันอายุ 7 ขวบต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการของโรคออทิสติกซึ่งเรื่องดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มากก็น้อย

อย่างไรก็ตาม ผลงานของโปรวัย 40 ปีนับแต่เข้าสู่ปี 2010 เป็นต้นมาถือว่าคืนฟอร์มได้ไม่น้อย เริ่มจากคว้าอันดับ 12 ร่วมในรายการโซนี โอเพน ที่ฮาวาย ก่อนจบอันดับ 5 ร่วมในรายการฟาร์เมอร์ส อินชัวแรนส์ โอเพน ที่สนามทอร์รีย์ ไพนส์ จากนั้นได้ที่ 10 ร่วมในรายการนอร์ทเธิร์น ทรัสต์ โอเพน ที่สนามวิเอรา แม้จะฟอร์มหลุดจนได้อันดับ 67 ร่วมในรายการเดอะ ฮอนด้า คลาสสิก ที่รัฐฟลอริดา แต่ถัดมาก็ความแชมป์ได้สำเร็จในรายการซีเอ แชมเปียนชิป ด้วยการเอาชนะ ชาร์ล ชวาร์ทเซล โปรรุ่นน้องร่วมชาติไป 4 สโตรก

ผลงานดีที่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนของ "บิ๊กอีซีย์" ไม่ได้มาแบบโชคช่วยแต่ย่อมมีสาเหตุ ตามความเห็นของ ไบรอัน แวคเกอร์ คอลัมนิสต์ของเวปไซต์พีจีเอ ทัวร์ มองว่า การตัดสินใจย้ายครอบครัวมาอาศัยที่เมืองปาล์ม บีช รัฐฟลอริดา เป็นการถาวรเพื่อช่วยการรักษาโรคออทิสติกของลูกชายและการลดโปรแกรมการแข่งขันต่างประเทศลงจากเดิมทำให้เจ้าตัวมีสมาธิกับการเล่นกอล์ฟมากขึ้น และอีกประการคือ เอลส์ ได้ปรับเปลี่ยนสโตรกการพัตต์ของตนเองใหม่หลังหันมาร่วมงานกับ มาริอุส ฟิลมอลเตอร์ กูรูด้านการพัตต์ซึ่งเคยเป็นครูของ ไทเกอร์ วูดส์ และ ฮันเตอร์ มาฮาน นับแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว จากแต่ก่อนที่เจ้าของแชมป์เมเจอร์ 3 รายการยืนเหยียดขาตรงเวลาพัตต์ แต่ตอนนี้มีการย่อตัวลงจนทำให้หน้าไม้อิมแพ็คกับลูกดีขึ้น

การคว้าชัยชนะบนสนามโดรัล บลูมันสเตอร์ ทำให้ เอลส์ เรียกความมั่นใจของตนเองกลับคืนมาและต้องคอยเอาใจช่วยว่าโปรวัย 40 ปีรายนี้จะสามารถสานต่อความสำเร็จมาสู่การคัมแบ็กอีกครั้งในการเล่นกอล์ฟอาชีพหรือไม่ โดยเริ่มจากการลงสนามในรายการ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ อินวิเตชั่น ที่สนามเบย์ฮิลล์ รัฐฟลอริดา ระหว่างวันที่ 25-28 มีนาคมนี้ เป็นการอุ่นเครื่องก่อนลุยศึกเดอะมาสเตอร์ส กอล์ฟเมเจอร์แรกของปี ที่สนามออกัสตา ระหว่างวันที่ 8-11 เมษายน เพื่อลบฝันร้ายที่อาจยังหลงเหลือจากปี 2004
เออร์นี เอลส์ กับแชมเปียนชิปพัตต์ในหลุม 18 บนสนามโดรัล
เอลส์ กับลูกชาย เบน
กำลังโหลดความคิดเห็น