ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อ้างไม่เห็นจังหวะที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด สับศอกเข้าบริเวณกกหู ไมเคิล บราวน์ มิดฟิลด์ “ปอมปีย์” ปอร์ทสมัธ ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดมันเดย์ไนต์
ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์ ปูพรมถล่ม ปอร์ทสมัธ ทีมบ๊วยของตาราง 4-1 ได้ประตูจากการเบิ้ลสกอร์ของ เฟร์นานโด ตอร์เรส, ไรอัน บาเบล และ อัลแบร์โต อาควิลานี ที่ลงสนามเป็นตัวจริง และก็ทำผลงานได้โดดเด่น ขณะที่ทีมเยือนจากแดนใต้ตีไข่แตกก่อนหมดเวลานาทีเดียวจาก นาเดียร์ เบลฮัดจ์ ซึ่งชัยชนะนัดนี้ ทำให้ “หงส์แดง” ยังมีลุ้นแซง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ขึ้นสู่อันดับ 4 ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2009/10
อย่างไรก็ตาม ในเกมดังกล่าวมีเหตุการณ์เดือดเกิดขึ้น เมื่อ สตีเวน เจอร์ราร์ด ออกอาการหงุดหงิดหลังโดน ไมเคิล บราวน์ พยายามยกแขนขึ้นมาบังบอล จึงปรี่เข้าไปสับศอกใส่คู่แข่งบริเวณกกหู ทว่า ผู้ตัดสิน สจวร์ต แอตเวลล์ ไม่มีการชักใบอะไรออกมาแจกกัปตันทีมลิเวอร์พูล เพียงแต่กล่าวตักเตือนเท่านั้น ซึ่งให้หลังไม่นาน ราฟาเอล เบนิเตซ ก็ถอดเอา “สตีวี จี” ออกจากสนาม
หลังเกม เบนิเตซ ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่าน “บีบีซี” สื่อเมืองผู้ดีถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ เจอร์ราร์ด โดนใบแดงได้ง่ายๆ “ผมไม่คิดแบบนั้น ทว่า ผมก็ไม่เห็นจังหวะดังกล่าว เมื่อคุณถามเช่นนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะคิดเห็นอย่างไรดี ส่วนเรื่องที่ผมเปลี่ยนตัวเขาออกนั้น เป็นเพราะเราต้องการพัก เฟร์นานโด ตอร์เรส, เกล็น จอห์นสัน และ เจอร์ราร์ด ซึ่งก็ได้ทำเช่นนั้น”
นอกจากนี้ กุนซือชาวสเปน พูดถึงรูปเกมที่ออกมา “ผมคิดว่านี่เป็นเกมที่ดี เราเล่นกันได้เยี่ยม ยิงได้ถึง 4 ประตู ผมมีความสุขกับฟอร์มของบรรดานักเตะที่เล่นด้วยความมั่นใจ ชัยชนะนัดนี้ถือว่าสำคัญยิ่ง สิ่งสำคัญจากนี้คือ การคว้าชัยในทุกๆ นัดไปจนกระทั่งจบฤดูกาล สัปดาห์นี้เราเริ่มเล่นได้ดี ก็หวังว่าลิเวอร์พูลจะสามารถเอาชนะได้ในวันพฤหัสบดี (เจอกับ ลีลล์ ในยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง) และวันอาทิตย์นี้ (ไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ในบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก) ซึ่งผมก็มั่นใจว่าเราสามารถทำได้”
ด้าน อัฟราม แกรนท์ นายใหญ่ “ปอมปีย์” เผยเช่นกันถึงจังหวะปัญหาระหว่าง เจอร์ราร์ด กับ บราวน์ “มีคนบอกว่าผู้ตัดสินอยู่ห่างจากเหตุการณ์แค่ 4 เมตร ดังนั้น ผมคิดว่าเขา (แอตเวลล์) ต้องเห็นอะไรจากตรงนั้นมากกว่าที่ผมยืนอยู่ห่างออกไปถึง 40 เมตร”
“ส่วนเกมในคืนวันนี้ เราเล่นกันได้ไม่ดีนัก แต่ก็แสดงให้เห็นถึงสปิริตว่าเราสามารถทำประตูกันได้ ก่อนจะมายิงตีไข่แตกช่วงท้ายเกม ผมคิดว่าเรายังเล่นกันดีอยู่จนกระทั่งเสียประตูแรก จากนั้นก็เสียถึง 3 ประตูอย่างรวดเร็ว มันจึงเป็นการยากแล้วหลังจากนั้น วันนี้เราเจอกับแมตช์ที่ยาก อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากให้ทีมท้อ ไม่อยากให้ทีมยอมแพ้กันง่ายๆ เราต้องกลับมาสู้กันต่อ จากนั้นค่อยดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปบ้าง” กุนซือชาวอิสราเอลตบท้าย
ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์ ปูพรมถล่ม ปอร์ทสมัธ ทีมบ๊วยของตาราง 4-1 ได้ประตูจากการเบิ้ลสกอร์ของ เฟร์นานโด ตอร์เรส, ไรอัน บาเบล และ อัลแบร์โต อาควิลานี ที่ลงสนามเป็นตัวจริง และก็ทำผลงานได้โดดเด่น ขณะที่ทีมเยือนจากแดนใต้ตีไข่แตกก่อนหมดเวลานาทีเดียวจาก นาเดียร์ เบลฮัดจ์ ซึ่งชัยชนะนัดนี้ ทำให้ “หงส์แดง” ยังมีลุ้นแซง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ขึ้นสู่อันดับ 4 ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2009/10
อย่างไรก็ตาม ในเกมดังกล่าวมีเหตุการณ์เดือดเกิดขึ้น เมื่อ สตีเวน เจอร์ราร์ด ออกอาการหงุดหงิดหลังโดน ไมเคิล บราวน์ พยายามยกแขนขึ้นมาบังบอล จึงปรี่เข้าไปสับศอกใส่คู่แข่งบริเวณกกหู ทว่า ผู้ตัดสิน สจวร์ต แอตเวลล์ ไม่มีการชักใบอะไรออกมาแจกกัปตันทีมลิเวอร์พูล เพียงแต่กล่าวตักเตือนเท่านั้น ซึ่งให้หลังไม่นาน ราฟาเอล เบนิเตซ ก็ถอดเอา “สตีวี จี” ออกจากสนาม
หลังเกม เบนิเตซ ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่าน “บีบีซี” สื่อเมืองผู้ดีถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ เจอร์ราร์ด โดนใบแดงได้ง่ายๆ “ผมไม่คิดแบบนั้น ทว่า ผมก็ไม่เห็นจังหวะดังกล่าว เมื่อคุณถามเช่นนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะคิดเห็นอย่างไรดี ส่วนเรื่องที่ผมเปลี่ยนตัวเขาออกนั้น เป็นเพราะเราต้องการพัก เฟร์นานโด ตอร์เรส, เกล็น จอห์นสัน และ เจอร์ราร์ด ซึ่งก็ได้ทำเช่นนั้น”
นอกจากนี้ กุนซือชาวสเปน พูดถึงรูปเกมที่ออกมา “ผมคิดว่านี่เป็นเกมที่ดี เราเล่นกันได้เยี่ยม ยิงได้ถึง 4 ประตู ผมมีความสุขกับฟอร์มของบรรดานักเตะที่เล่นด้วยความมั่นใจ ชัยชนะนัดนี้ถือว่าสำคัญยิ่ง สิ่งสำคัญจากนี้คือ การคว้าชัยในทุกๆ นัดไปจนกระทั่งจบฤดูกาล สัปดาห์นี้เราเริ่มเล่นได้ดี ก็หวังว่าลิเวอร์พูลจะสามารถเอาชนะได้ในวันพฤหัสบดี (เจอกับ ลีลล์ ในยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง) และวันอาทิตย์นี้ (ไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ในบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก) ซึ่งผมก็มั่นใจว่าเราสามารถทำได้”
ด้าน อัฟราม แกรนท์ นายใหญ่ “ปอมปีย์” เผยเช่นกันถึงจังหวะปัญหาระหว่าง เจอร์ราร์ด กับ บราวน์ “มีคนบอกว่าผู้ตัดสินอยู่ห่างจากเหตุการณ์แค่ 4 เมตร ดังนั้น ผมคิดว่าเขา (แอตเวลล์) ต้องเห็นอะไรจากตรงนั้นมากกว่าที่ผมยืนอยู่ห่างออกไปถึง 40 เมตร”
“ส่วนเกมในคืนวันนี้ เราเล่นกันได้ไม่ดีนัก แต่ก็แสดงให้เห็นถึงสปิริตว่าเราสามารถทำประตูกันได้ ก่อนจะมายิงตีไข่แตกช่วงท้ายเกม ผมคิดว่าเรายังเล่นกันดีอยู่จนกระทั่งเสียประตูแรก จากนั้นก็เสียถึง 3 ประตูอย่างรวดเร็ว มันจึงเป็นการยากแล้วหลังจากนั้น วันนี้เราเจอกับแมตช์ที่ยาก อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากให้ทีมท้อ ไม่อยากให้ทีมยอมแพ้กันง่ายๆ เราต้องกลับมาสู้กันต่อ จากนั้นค่อยดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปบ้าง” กุนซือชาวอิสราเอลตบท้าย