ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานไทยพรีเมียร์ลีก รับหวั่นใจกับเหตุการณ์รุนแรงในสนามแข่งขันทุกรูปแบบ วางมาตรการเข้มตรวจอาวุธ-แอลกอฮอล์ห้ามเข้านำเข้าเด็ดขาด
ก่อนหน้านี้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในสนามกีฬาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรณียกพวกเข้าตะลุมบอนกันของแฟนการท่าเรือไทย เอฟซี กับทีม เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ในศึกชิงถ้วยพระราชทาน ก รวมถึงการที่มีกลุ่มมวลชนเสื้อแดงเดินทางไปปิดล้อมสนามกีฬากลางจังหวัดชัยภูมิ จนส่งผลให้การแข่งขันฟุตบอลในศึกดิวิชั่น 2 ระหว่าง ชัยภูมิ ยูไนเต็ด กับ บุรีรัมย์ เอฟซี ไม่สามารถทำการแข่งขันได้
ล่าสุดทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด จัดการเรียก 16 สโมสรไทยพรีเมียร์ลีก และ 16 ทีมจากลีกดิวิชั่น 1 เข้ารับมอบนโยบายและอบรมถึงระบบการจัดการในฤดูกาล 2010 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในวันเสาร์ที่ 13 มีนาคมนี้ โดย ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานไทยพรีเมียร์ลีก เปิดเผยว่าต่อไปจะต้องมีการเข้มงวดกับการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในสนามแข่งขันให้มากกว่าที่เป็นอยู่
"ฤดูกาลนี้เราจะเน้นที่การรักษาความปลอดภัย โดยจะมีการออกระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อาทิ จะต้องมีการตรวจอาวุธก่อนเข้าสนาม และต้องห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าสู่สนามแข่งขัน ซึ่งบริเวณทางเข้าสนามจะมีการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของแฟนบอล หากเกินค่ามาตรฐานก็จะไม่สามารถเข้าชมได้ และยังจะขอความร่วมมือกับแต่ละสโมสรให้ช่วยติดตั้งรั้วที่มีความสูงไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ที่เป็นรั้วถาวรสำหรับกันแฟนบอลออกจากกัน และห้ามไม่ให้ลงสู่สนามเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของนักเตะ และแฟนบอลเอง" ประธานไทยลีกกล่าว
อย่างไรก็ตาม ดร.วิชิต ยอมรับว่าอาจเป็นเรื่องยากที่จะห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณสนามฟุตบอล "อย่างที่เราก็ทราบกันดีอยู่ว่านิสัยคนไทย ไปไหนก็มักจะชอบสนุกสนานเฮฮา การดื่มของมึนเมาก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีมานานมากแล้ว จะให้ห้ามขาดเสียทีเดียวคงทำไม่ได้ แต่ข้ามนำเข้าไปดื่มภายในสนาม หรือหากเมาเกิดพอดีก็ต้องออกไป ซึ่งการห้ามขายเลยคงยาก เนื่องจากหลายทีมมีเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นผู้สนับสนุน คงต้องดูแลกันไปในส่วนนี้เอง"
ขณะเดียวกัน "ดร.ลูกหนัง" ยังสั่งให้ทุกสนามที่มีแฟนบอลเข้าชมเป็นจำนวนมากต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลดูแล "นอกจากทุกสนามจะต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแล้ว ในเกมใหญ่ที่มีแฟนบอลเข้าชมเป็นจำนวนมากต้องมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลจำนวนไม่น้อยกว่า 50 นาย เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ด้วย โดยเราได้ประสานไปยัง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอกำลังในส่วนนี้ด้วย"
นอกจากนี้ทางไทยพรีเมียร์ลีก เปิดเผยว่าอยากให้ทุกทีมมีห้องแพทย์สำหรับการสุ่มตรวจหาสารกระตุ้น อีกทั้งยังมีระเบียบที่หากผู้เล่นหรือทีมสตาฟฟ์คนใดตำหนิการทำงานของผู้ตัดสินก็จะมีการทำโทษอีกด้วย "เรื่องนี้ในฤดูกาลที่ผ่านมาจะเห็นว่านักเตะ หรือสตาฟฟ์โค้ชมักไม่ค่อยให้เกียรติผู้ตัดสิน ซึ่งผมมองว่าอย่างไรเสียเขาเป็นเบอร์ 1 ในสนาม ทุกคนต้องฟัง ไม่ว่าจะตัดสินผิด หรือถูก ก็ค่อยทำหนังสือประท้วงเอา แต่อย่าไปรุนแรงกับผู้ตัดสิน หากผู้เล่นคนใดไปตำหนิกรรมการก็ให้ใบเหลืองได้ทันที และหากไม่ยอมรับคำตัดสินก็จะเป็นใบแดง ส่วนโค้ชก็เช่นกัน หากโวยวายเกินเหตุ หรือตำหนิกรรมการก็จะถูกสั่งห้ามคุมทีมข้างสนาม หากใครถูกลงโทษบ่อยๆ ก็ต้องมีการยึดใบอนุญาตโค้ชกันต่อไป"