"ไนกี้" (NIKE) ผลิตภัณฑ์กีฬายักษ์ใหญ่ระดับโลก เปิดตัวชุดแข่ง 9 ชาติที่จะสวมใส่โม่แข้งในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ แอฟริกาใต้ ในช่วงกลางปีนี้ ประกอบไปด้วย บราซิล เนเธอร์แลนด์ส โปรตุเกส สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิว ซีแลนด์ เซอร์เบีย และ สโลเวเนีย ที่ แบตเตอร์ซี พาวเวอร์ สเตชัน ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
สำหรับชุดแข่งของ "ไนกี้" ออกแบบภายใต้แนวคิด "เพิ่มประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง" เนื่องจากผลิตขึ้นจากโพลีเอสเตอร์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ทั้งหมด แต่ละตัวทำจากขวดน้ำพลาสติกจำนวนไม่เกิน 8 ขวด โดยเสาะหาขวดที่ถูกทิ้งจากแห่งวัสดุถมที่แห่งต่างๆ ใน ญี่ปุ่น และ ไต้หวัน จากนั้นจึงมาหลอมเพื่อผลิตเป็นเส้นด้ายใหม่ ทำให้ลดการใช้พลังานได้ถึง 30 เปอร์เซนต์
นอกจากนี้ชุดแข่งขันของทีมชาติเหล่านี้ ทุกๆ ทีมยังออกแบบขึ้นโดยคำนึงถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของแต่ละชาติ "ไนกี้" เข้าใจดีถึงความภาคภูมิใจที่นักกีฬาได้รับจากการเป็นตัวแทนประเทศ ชุดแข่งขันแต่ละชุดจึงได้รับการออกแบบให้สื่อถึงวัฒนธรรมของฟุตบอลอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมชาติทั้ง 9 ทีม
เช่น ชุดแข่งของ บราซิล บริเวณคอเสื้อด้านหลังมีอักษรกราฟฟิกว่า "Brasil" คอเสื้อด้านในมีรูปธงชาติเล็กๆ พร้อมข้อความ "Nascido Para Jogar Futebol" (เกิดมาเพื่อเล่นฟุตบอล) ด้านในของเสื้อตำแหน่งเดียวกับตราสัญลักษณ์ด้านนอก เป็นตำแหน่งที่จัดวางในเชิงสัญลักษณ์ให้อยู่เหนือหัวใจ มีข้อความสร้างขวัญและกำลังใจว่า "Com Muito Orguiro, Com Muito Amor" (เปี่ยมด้วยความภาคภูมิ เปี่ยมด้วยความรัก) โดยใช้แบบอักษรที่ศิลปินชาวบราซิลเป็นผู้ออกแบบขึ้นเพื่อสะท้อนจิตวิญญาณแห่งความเป็นบราซิลซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความมีชีวิตชีวา โดยได้แบบจากความงดงามของป่าฝนที่ปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างของประเทศ หมายเลขอันเป็นเอกลักษณ์ที่อยู่ด้านหลังของเสื้อได้รับแรงบันดาลใจจากตัวเลขบนธนบัตรของบราซิลและออกแบบให้เป็นรอยปรุ
ผ้า "ไนกี้ไดร-ฟิต" (Nike Dri-FIT) ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจนในปัจจุบันมีน้ำหนักเบากว่าผ้าที่ใช้ผลิตชุดรุ่นก่อนๆ ถึง 13 เปอร์เซนต์ ช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกแห้งสบาย โดยการดูดซับเหงื่อสู่ด้านนอกตัวเสื้อเพื่อให้ระเหยออกไป พื้นที่ส่วนช่วยระบายอากาศได้รับการออกแบบให้อยู่บริเวณด้านข้างของเสื้อเพื่อให้อากาศผ่านได้ดีขึ้น ผสานกับเนื้อผ้าที่สามารถเพิ่มการไหลเวียนของอากาศได้มากขึ้นถึง 7 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับชุดแบบก่อน อากาศจึงสามารถผ่านได้ตลอดช่วงลำตัวและทำให้ผู้เล่นรู้สึกเย็นสบายกว่าเดิม พื้นที่ช่วยระบายอากาศเหล่านี้ประกอบไปด้วยรูเล็กๆ ที่เจาะด้วยแสงเลเซอร์ถึง 200 รู เสริมด้วยการใช้นวัตกรรม "Halo" ของ "ไนกี้" ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยป้องกันการฉีกขาดโดยไม่ลดทอนการหมุนเวียนอากาศ
สำหรับชุดเหย้าของทีมชาติต่างๆ จะเริ่มวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 1 พฤษภาคมที่ร้าน "ไนกี้" สาขาต่างๆ และทางเว็บไซต์ "nikefootball.in.th" ส่วนชุดเยือนของทีมชาติเหล่านี้จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553 เป็นต้นไป
