ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ชุดสำรองบุกพ่าย "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ก ซิตี 1-3 ทำให้หยุดเส้นทางในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ ไว้เพียงแค่รอบที่ 4 ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ถลุง สคันธอร์ป 4-2 เข้ารอบต่อไป
ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 4
สโต๊ก ซิตี 3-1 อาร์เซนอล
อาร์แซน เวนเกอร์ ปรับหมาก "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ในการมาเยือน "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ก ซิตี เกือบยกชุด เหลือไว้เพียง เชส ฟาเบรกาส กับ เดนิลสัน ค้ำทีมเอาไว้ ดาวรุ่งอย่าง เคร็ก อีสต์แลนด์, ฟรานซิสโก โคเกแล็ง รวมถึง เจย์ มานูเอล โธมัส ได้โอกาสกันถ้วนหน้า ขณะที่แนวรับให้ โซล แคมป์เบลล์ จอมเก๋าที่เซ็นสัญญา 6 เดือนประเดิมสนามด้วย ด้าน โทนี พูลิส ดูเน้นเป็นพิเศษจัดทัพใหญ่ให้เจ้าถิ่น แกนหลักอย่าง ไรอัน ชอว์ครอสส, รอรี ดีแล็ป, ดีน ไวท์เฮด ลงครบครัน คู่หน้าไว้วางใจ ริคาโด ฟูลเลอร์ กับ มามาดี ซิดิบี
เริ่มเกมการแข่งขันไปได้แค่ 2 นาที สโต๊ก ออกตัวนำก่อน 1-0 จากจังหวะ รอรี ดีแล็ป ทุ่มไกลทีเด็ด ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี พลาดโดน ริคาร์โด ฟูลเลอร์ ฉกไปยิง พอเสียประตูไป อาร์เซนอล เดินเกมลุยมากขึ้น พยายามเจาะทางกราบอาศัยความเร็วของ ธีโอ วัลคอตต์ และการเติมเกมทางริมเส้นของ อาร์กมองด์ ตราโอเร แต่จังหวะเปิดเข้าทำก็โดนแผงรับเจ้าบ้านสกัดเคลียร์ทิ้งมาได้หมด ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก "ช่างปั้นหม้อ" สบโอกาสอีกครั้ง ฟูลเลอร์ ทางออกไปริมเส้นด้านขวาแตะบอลหนี ตราโอเร เข้าไปเปิดให้ มามาดู ซิดิบี คู่หูตวัดยิงแต่ โซล แคมป์เบลล์ เข้ามาบล็อกได้ทัน
เกมของ "ปืนใหญ่" ยังเรื่อยๆ มาเรียงๆ แม้จะเป็นฝ่ายครองเกมได้มากกว่าเล็กน้อย แต่พอทำเกมขึ้นไปในแดน "ช่างปั้นหม้อ" ก็จะโดนบีบเจอเข้าตัดเร็ว ถึงนาทีที่ 42 อาร์เซนอล ลุยขึ้นมาจนได้ฟรีคิกทางกราบซ้าย เชส ฟาเบรกาส ไหลเข้ากลางให้ เดนิลสัน วิ่งเข้ามาตะบันด้วยขวาจากระยะกว่า 30 หลา บอลพุ่งแฉลบเท้า ดีน ไวท์เฮด ที่พยายามพุ่งเข้ามาบล็อก เปลี่ยนทางเล็กน้อยทำให้ โธมัส โซเรนเซน เสียจังหวะได้แค่ป้องกันด้วยสายตา ลูกหนังเสียบมุมอย่างงดงาม สกอร์มาเสมอกัน 1-1 เมื่อจบครึ่งเวลาแรก
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สโต๊ก บอมบ์ใส่เหมือนเดิม ซิดิบี ตั้งศีรษะกำลังจะโขกลูกเตะมุมแต่ ฟาเบียนสกี ชกบอลออกมาได้ก่อน อาร์เซนอล สวนกลับขึ้นมาบ้าง ฟาเบรกาส ได้ส่องไกลร้อนถึง โซเรนเซน ต้องบินปัดพ้นคานไปได้ หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ทั้งสองฝ่ายสลับกันรุก-รับ คราวนี้ "ปืนใหญ่" มีจังหวะอีกครั้ง เจย์ มานูเอล โธมัส โขกเช็ดต่อให้ คาร์ลอส เวลา ได้ยิงมุมแคบแต่บอลผ่านหน้าประตูไป สองนาทีถัดมาเจ้าบ้านเกือบได้นำ ซิดิบี เปิดบอลจากกราบขวาเข้ามาเสาสองกะให้ ฟูลเลอร์ เข้าทำ ทว่า ฟรานซิส โคเกแล็ง แหย่เท้าสกัดบอลเกือบเข้าประตูตัวเองเหมือนกัน
จากนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ จัดการเปลี่ยน 3 ตัวหลักอย่าง อังเดร อาร์ชาวิน, อารอน แรมซีย์ และ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา ลงมาเล่นแทน วัลคอตต์, โคเกแล็ง และ โธมัส นาทีที่ 72 ทีมเยือนได้ลุ้นประตูเมื่อ เวลา ได้บอลหลุดเข้ากรอบโทษกำลังจะง้างยิงแต่ แดนนี ฮิกกินบ็อตแธม กวาดเท้ามาสกัดได้ทันการ อย่างไรก็ดี อีก 6 นาทีถัดมาเป็น สโต๊ก ที่กลับมานำเป็น 2-1 จากความยอดเยี่ยมของ ซิดิบี ลากบอลหนี เดนิลสัน จากกลางสนามขึ้นมาเปิดบอลทางกราบขวาให้ ฟูลเลอร์ ผละจากการประกบของ แคมป์เบลล์ โขกประตูสำคัญ ก่อนหมดเวลา 4 นาที "ช่างปั้นหม้อ" ตอกชัย 3-1 แม็ทธิว เอเธอริงตัน หลุดขึ้นมาเปิดบอลทางซ้ายเข้าใน ไวท์เฮด แปจ่อๆ ไม่เหลือ หมดเวลา สโต๊ก ทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายสำเร็จ
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สโต๊ก : โธมัส โซเรนเซน , โรเบิร์ต ฮูธ , ไรอัน ชอว์ครอสส์ , แดนนี คอลลินส์ , แดนนี ฮิกกินบ็อตแธม , รอรี ดีแล็ป , ดีน ไวท์เฮด , เกล็น วีแลน , แม็ทธิว เอเธอริงตัน , ริคาร์โด ฟูลเลอร์ , มามาดี ซิดิบี
อาร์เซนอล : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี , เคร็ก อีสต์มอนด์ , โซล แคมป์เบลล์ , มิคาเอล ซิลแวสตร์ , อาร์กมองด์ ตราโอเร , ธีโอ วัลคอตต์ , เชส ฟาเบรกาส , เดนิลสัน , ฟรานซิส โคเกแล็ง , เจย์ มานูเอลโธมัส , คาร์ลอส เวลา
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี แม้ส่งสำรองเล่นหลายคนแต่ยังเหนือกว่าและบุกไปต้อน สคันธอรป์ ทีมในเดอะแชมเปียนชิป 4-2 โดยทีมเยือนได้จาก มาร์ติน เปตรอฟ, เนดุม โอนัวฮา, ซิลวินโญ และ โรบินโญ ขณะที่เจ้าบ้านตีไข่แตกจาก พอล เฮเยส และการทำเข้าประตูตัวเองของ เดดริก โบยาตา
ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 4
สโต๊ก ซิตี 3-1 อาร์เซนอล
อาร์แซน เวนเกอร์ ปรับหมาก "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ในการมาเยือน "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ก ซิตี เกือบยกชุด เหลือไว้เพียง เชส ฟาเบรกาส กับ เดนิลสัน ค้ำทีมเอาไว้ ดาวรุ่งอย่าง เคร็ก อีสต์แลนด์, ฟรานซิสโก โคเกแล็ง รวมถึง เจย์ มานูเอล โธมัส ได้โอกาสกันถ้วนหน้า ขณะที่แนวรับให้ โซล แคมป์เบลล์ จอมเก๋าที่เซ็นสัญญา 6 เดือนประเดิมสนามด้วย ด้าน โทนี พูลิส ดูเน้นเป็นพิเศษจัดทัพใหญ่ให้เจ้าถิ่น แกนหลักอย่าง ไรอัน ชอว์ครอสส, รอรี ดีแล็ป, ดีน ไวท์เฮด ลงครบครัน คู่หน้าไว้วางใจ ริคาโด ฟูลเลอร์ กับ มามาดี ซิดิบี
เริ่มเกมการแข่งขันไปได้แค่ 2 นาที สโต๊ก ออกตัวนำก่อน 1-0 จากจังหวะ รอรี ดีแล็ป ทุ่มไกลทีเด็ด ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี พลาดโดน ริคาร์โด ฟูลเลอร์ ฉกไปยิง พอเสียประตูไป อาร์เซนอล เดินเกมลุยมากขึ้น พยายามเจาะทางกราบอาศัยความเร็วของ ธีโอ วัลคอตต์ และการเติมเกมทางริมเส้นของ อาร์กมองด์ ตราโอเร แต่จังหวะเปิดเข้าทำก็โดนแผงรับเจ้าบ้านสกัดเคลียร์ทิ้งมาได้หมด ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก "ช่างปั้นหม้อ" สบโอกาสอีกครั้ง ฟูลเลอร์ ทางออกไปริมเส้นด้านขวาแตะบอลหนี ตราโอเร เข้าไปเปิดให้ มามาดู ซิดิบี คู่หูตวัดยิงแต่ โซล แคมป์เบลล์ เข้ามาบล็อกได้ทัน
เกมของ "ปืนใหญ่" ยังเรื่อยๆ มาเรียงๆ แม้จะเป็นฝ่ายครองเกมได้มากกว่าเล็กน้อย แต่พอทำเกมขึ้นไปในแดน "ช่างปั้นหม้อ" ก็จะโดนบีบเจอเข้าตัดเร็ว ถึงนาทีที่ 42 อาร์เซนอล ลุยขึ้นมาจนได้ฟรีคิกทางกราบซ้าย เชส ฟาเบรกาส ไหลเข้ากลางให้ เดนิลสัน วิ่งเข้ามาตะบันด้วยขวาจากระยะกว่า 30 หลา บอลพุ่งแฉลบเท้า ดีน ไวท์เฮด ที่พยายามพุ่งเข้ามาบล็อก เปลี่ยนทางเล็กน้อยทำให้ โธมัส โซเรนเซน เสียจังหวะได้แค่ป้องกันด้วยสายตา ลูกหนังเสียบมุมอย่างงดงาม สกอร์มาเสมอกัน 1-1 เมื่อจบครึ่งเวลาแรก
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สโต๊ก บอมบ์ใส่เหมือนเดิม ซิดิบี ตั้งศีรษะกำลังจะโขกลูกเตะมุมแต่ ฟาเบียนสกี ชกบอลออกมาได้ก่อน อาร์เซนอล สวนกลับขึ้นมาบ้าง ฟาเบรกาส ได้ส่องไกลร้อนถึง โซเรนเซน ต้องบินปัดพ้นคานไปได้ หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ทั้งสองฝ่ายสลับกันรุก-รับ คราวนี้ "ปืนใหญ่" มีจังหวะอีกครั้ง เจย์ มานูเอล โธมัส โขกเช็ดต่อให้ คาร์ลอส เวลา ได้ยิงมุมแคบแต่บอลผ่านหน้าประตูไป สองนาทีถัดมาเจ้าบ้านเกือบได้นำ ซิดิบี เปิดบอลจากกราบขวาเข้ามาเสาสองกะให้ ฟูลเลอร์ เข้าทำ ทว่า ฟรานซิส โคเกแล็ง แหย่เท้าสกัดบอลเกือบเข้าประตูตัวเองเหมือนกัน
จากนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ จัดการเปลี่ยน 3 ตัวหลักอย่าง อังเดร อาร์ชาวิน, อารอน แรมซีย์ และ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา ลงมาเล่นแทน วัลคอตต์, โคเกแล็ง และ โธมัส นาทีที่ 72 ทีมเยือนได้ลุ้นประตูเมื่อ เวลา ได้บอลหลุดเข้ากรอบโทษกำลังจะง้างยิงแต่ แดนนี ฮิกกินบ็อตแธม กวาดเท้ามาสกัดได้ทันการ อย่างไรก็ดี อีก 6 นาทีถัดมาเป็น สโต๊ก ที่กลับมานำเป็น 2-1 จากความยอดเยี่ยมของ ซิดิบี ลากบอลหนี เดนิลสัน จากกลางสนามขึ้นมาเปิดบอลทางกราบขวาให้ ฟูลเลอร์ ผละจากการประกบของ แคมป์เบลล์ โขกประตูสำคัญ ก่อนหมดเวลา 4 นาที "ช่างปั้นหม้อ" ตอกชัย 3-1 แม็ทธิว เอเธอริงตัน หลุดขึ้นมาเปิดบอลทางซ้ายเข้าใน ไวท์เฮด แปจ่อๆ ไม่เหลือ หมดเวลา สโต๊ก ทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายสำเร็จ
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สโต๊ก : โธมัส โซเรนเซน , โรเบิร์ต ฮูธ , ไรอัน ชอว์ครอสส์ , แดนนี คอลลินส์ , แดนนี ฮิกกินบ็อตแธม , รอรี ดีแล็ป , ดีน ไวท์เฮด , เกล็น วีแลน , แม็ทธิว เอเธอริงตัน , ริคาร์โด ฟูลเลอร์ , มามาดี ซิดิบี
อาร์เซนอล : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี , เคร็ก อีสต์มอนด์ , โซล แคมป์เบลล์ , มิคาเอล ซิลแวสตร์ , อาร์กมองด์ ตราโอเร , ธีโอ วัลคอตต์ , เชส ฟาเบรกาส , เดนิลสัน , ฟรานซิส โคเกแล็ง , เจย์ มานูเอลโธมัส , คาร์ลอส เวลา
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี แม้ส่งสำรองเล่นหลายคนแต่ยังเหนือกว่าและบุกไปต้อน สคันธอรป์ ทีมในเดอะแชมเปียนชิป 4-2 โดยทีมเยือนได้จาก มาร์ติน เปตรอฟ, เนดุม โอนัวฮา, ซิลวินโญ และ โรบินโญ ขณะที่เจ้าบ้านตีไข่แตกจาก พอล เฮเยส และการทำเข้าประตูตัวเองของ เดดริก โบยาตา