โรเบิร์ต ฮูธ สวมบทฮีโร่เติมขึ้นมาจิ้มประตูสำคัญช่วยให้ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ก ซิตี เปิดบ้านตามเสมอ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 1-1 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สโต๊ก ซิตี 1-1 ลิเวอร์พูล
ราฟาเอล เบนิเตซ ประสบปัญหามากมายในการนำทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บุกไปเยือน "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ก ซิตี เมื่อขาดกำลังหลักทั้ง ยอสซี เบนายูน, สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เฟร์นานโด ตอร์เรส แต่ยังดีที่ได้ ฮาเวียร์ มาสเชราโน พ้นโทษแบนกลับมา ขณะที่ มักซี โรดริเกซ ปีกตัวใหม่รอโอกาสอยู่ข้างสนาม ด้าน โทนี พูลิส สามารถส่งทีมชุดดีที่สุดลงสนามให้เจ้าบ้าน โธมัส โซเรนเซน นายทวารจอมหนึบกลับมาเฝ้าเสา แถมเกมรุกก็ได้ ตุนกาย ซานลี ฟิตกลับมาล่าตาข่ายร่วมกับ มามาดี ซิดิบี
เริ่มเกม ลิเวอร์พูล ยังต่อเกมกันไม่ติด เป็นทาง สโต๊ก ซิตี ที่โหมบุกใส่เน้นการบอมบ์เป็นหลัก นาทีที่ 10 รอรี ดีแล็ป ใช้ลูกทุ่มทีเด็ดเข้าไปในกรอบโทษ โฆเซ เรนา พลาดชกบอลไม่ขาด แต่ ฟาบิโอ ออเรลิโอ ยังเคลียร์สกัดจากหน้าประตูได้หวุดหวิด ทีมเยือนต้องอาศัยการสวนกลับ ฟิลิปป์ เดเกน โยนข้ามฟากให้ ออเรลิโอ เอี้ยวตัวยิงด้วยซ้ายบอลแฉลบเล็กน้อยแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ โธมัส โซเรนเซน ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกเจ้าถิ่นต้องถอนเอา ดีแล็ป ที่มีอาการบาดเจ็บน่องเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่งเอา เลียม ลอว์เรนซ์ ลงมาขึ้นเกมทางกราบขวาแทน
นาทีที่ 25 เหล่า "เดอะ ค็อป" โวยทาง ลี เมสัน เป็นการใหญ่เมื่อ เดเกน ตอกส้นให้ ลูคัส เลวา แตะต่อในกรอบโทษแต่โดน แดนนี ฮิกกินบ็อตแธม กวาดล้มลงไป ทว่าผู้ตัดสินกลับมองว่ากองกลางบราซิเลียนมีเจตนาพุ่งล้ม จึงควักใบเหลืองให้เป็นการตอบแทน ไม่นานนัก สโต๊ก ก็ต้องเปลี่ยนตัวอีกคนส่ง แอนดี วิลกินสัน ลงมาแทน อับดูลาย ฟาย ที่เจ็บ ซึ่ง โทนี พูลิส ต้องปรับแท็กติกขยับเอา โรเบิร์ต ฮูธ เข้ามาในและก็ให้ทาง วิลกินสัน ปักหลักแบ็กขวา จากนั้นทั้งสองฝ่ายสลับกันบุกแต่โอกาสลุ้นประตูแบบจะแจ้งยังไม่มีให้เห็น จบ 45 นาทีแรกสกอร์ยัง 0-0
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สโต๊ก เป็นฝ่ายเดินเกมบุกเข้าใส่ก่อนและก็ได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผล 25 หลา ลอว์เรนซ์ ตะบันแฉลบกำแพงออกหลังไป แต่ถึงนาทีที่ 57 กลายเป็น "หงส์แดง" ที่จิกนำก่อน 1-0 เมื่อได้ฟรีคิกเยื้องมาทางขวา ออเรลิโอ ปั่นเข้าเขตโทษด้วยซ้าย โซเรนเซน ชกบอลไม่ดีบอลไปโดนตัว คีร์เกียกอส กระเด้งเข้าประตู พอเสียประตูไปนักเตะ "ช่างปั้นหม้อ" ดันเกมใส่ทันที ไรอัน ชอว์ครอสส์ เติมมาเปิดบอลไปเสาสอง ตุนกาย ซานลี ได้โขกแต่บอลข้ามคานไปอย่างน่าผิดหวัง
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เจ้าบ้านได้ลุ้นจากลูกเตะมุม ริคาร์โด ฟูลเลอร์ กองหน้าตัวสำรองโฉบมาโขกที่เสาแรกแต่ เรนา ตำแหน่งการยืนดีรับบอลไว้ได้ จากนั้น ราฟาเอล เบนิเตซ ปรับหมากให้ มักซี โรดริเกซ ลงกระชากลากเลื้อยแทน เดเกน ท้ายเกม สโต๊ก ดาหน้าบุกใส่เป็นระยะแต่ ลิเวอร์พูล ขึงเกมรับป้องกันได้อย่างแน่นหนา แต่นาทีสุดท้าย ฮูธ มาจิ้มประตูตีเสมอจ่อๆ 1-1 ถึงช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย "หงส์แดง" พลาดประตูชัยเมื่อ เดิร์ค เคาท์ พุ่งโหม่งบอลชนเสาเต็มๆ หมดเวลา ลิเวอร์พูล มีเพิ่มเป็น 34 คะแนนจากการเตะ 21 นัด รั้งอันดับ 7 ขณะที่ "ช่างปั้นหม้อ" มีเพิ่มเป็น 25 แต้ม อยู่ที่ 10 ของตาราง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สโต๊ก : โธมัส โซเรนเซน , โรเบิร์ต ฮูธ , ไรอัน ชอว์ครอสส์ , อับดูลาย ฟาย , แดนนี ฮิกกินบ็อตแธม , รอรี ดีแล็ป , ดีน ไวท์เฮด , ซาลิฟ ดิเยา , แม็ทธิว เอเธอริงตัน , ตุนกาย ซานลี , มามาดี ซิดิบี
ลิเวอร์พูล : โฆเซ เรนา , เจมี คาร์ราเกอร์ , มาร์ติน สเคอร์เทล , โซติริออส คีร์เกียกอส , เอมิลิอาโน อินซัว , ฟิลิปป์ เดเกน , ฮาเวียร์ มาสเชราโน , ลูคัส เลวา , ฟาบิโอ ออเรลิโอ , เดิร์ก เคาท์ , ดาวิด เอ็นก็อก
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สโต๊ก ซิตี 1-1 ลิเวอร์พูล
ราฟาเอล เบนิเตซ ประสบปัญหามากมายในการนำทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บุกไปเยือน "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ก ซิตี เมื่อขาดกำลังหลักทั้ง ยอสซี เบนายูน, สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เฟร์นานโด ตอร์เรส แต่ยังดีที่ได้ ฮาเวียร์ มาสเชราโน พ้นโทษแบนกลับมา ขณะที่ มักซี โรดริเกซ ปีกตัวใหม่รอโอกาสอยู่ข้างสนาม ด้าน โทนี พูลิส สามารถส่งทีมชุดดีที่สุดลงสนามให้เจ้าบ้าน โธมัส โซเรนเซน นายทวารจอมหนึบกลับมาเฝ้าเสา แถมเกมรุกก็ได้ ตุนกาย ซานลี ฟิตกลับมาล่าตาข่ายร่วมกับ มามาดี ซิดิบี
เริ่มเกม ลิเวอร์พูล ยังต่อเกมกันไม่ติด เป็นทาง สโต๊ก ซิตี ที่โหมบุกใส่เน้นการบอมบ์เป็นหลัก นาทีที่ 10 รอรี ดีแล็ป ใช้ลูกทุ่มทีเด็ดเข้าไปในกรอบโทษ โฆเซ เรนา พลาดชกบอลไม่ขาด แต่ ฟาบิโอ ออเรลิโอ ยังเคลียร์สกัดจากหน้าประตูได้หวุดหวิด ทีมเยือนต้องอาศัยการสวนกลับ ฟิลิปป์ เดเกน โยนข้ามฟากให้ ออเรลิโอ เอี้ยวตัวยิงด้วยซ้ายบอลแฉลบเล็กน้อยแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ โธมัส โซเรนเซน ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกเจ้าถิ่นต้องถอนเอา ดีแล็ป ที่มีอาการบาดเจ็บน่องเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่งเอา เลียม ลอว์เรนซ์ ลงมาขึ้นเกมทางกราบขวาแทน
นาทีที่ 25 เหล่า "เดอะ ค็อป" โวยทาง ลี เมสัน เป็นการใหญ่เมื่อ เดเกน ตอกส้นให้ ลูคัส เลวา แตะต่อในกรอบโทษแต่โดน แดนนี ฮิกกินบ็อตแธม กวาดล้มลงไป ทว่าผู้ตัดสินกลับมองว่ากองกลางบราซิเลียนมีเจตนาพุ่งล้ม จึงควักใบเหลืองให้เป็นการตอบแทน ไม่นานนัก สโต๊ก ก็ต้องเปลี่ยนตัวอีกคนส่ง แอนดี วิลกินสัน ลงมาแทน อับดูลาย ฟาย ที่เจ็บ ซึ่ง โทนี พูลิส ต้องปรับแท็กติกขยับเอา โรเบิร์ต ฮูธ เข้ามาในและก็ให้ทาง วิลกินสัน ปักหลักแบ็กขวา จากนั้นทั้งสองฝ่ายสลับกันบุกแต่โอกาสลุ้นประตูแบบจะแจ้งยังไม่มีให้เห็น จบ 45 นาทีแรกสกอร์ยัง 0-0
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สโต๊ก เป็นฝ่ายเดินเกมบุกเข้าใส่ก่อนและก็ได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผล 25 หลา ลอว์เรนซ์ ตะบันแฉลบกำแพงออกหลังไป แต่ถึงนาทีที่ 57 กลายเป็น "หงส์แดง" ที่จิกนำก่อน 1-0 เมื่อได้ฟรีคิกเยื้องมาทางขวา ออเรลิโอ ปั่นเข้าเขตโทษด้วยซ้าย โซเรนเซน ชกบอลไม่ดีบอลไปโดนตัว คีร์เกียกอส กระเด้งเข้าประตู พอเสียประตูไปนักเตะ "ช่างปั้นหม้อ" ดันเกมใส่ทันที ไรอัน ชอว์ครอสส์ เติมมาเปิดบอลไปเสาสอง ตุนกาย ซานลี ได้โขกแต่บอลข้ามคานไปอย่างน่าผิดหวัง
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เจ้าบ้านได้ลุ้นจากลูกเตะมุม ริคาร์โด ฟูลเลอร์ กองหน้าตัวสำรองโฉบมาโขกที่เสาแรกแต่ เรนา ตำแหน่งการยืนดีรับบอลไว้ได้ จากนั้น ราฟาเอล เบนิเตซ ปรับหมากให้ มักซี โรดริเกซ ลงกระชากลากเลื้อยแทน เดเกน ท้ายเกม สโต๊ก ดาหน้าบุกใส่เป็นระยะแต่ ลิเวอร์พูล ขึงเกมรับป้องกันได้อย่างแน่นหนา แต่นาทีสุดท้าย ฮูธ มาจิ้มประตูตีเสมอจ่อๆ 1-1 ถึงช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย "หงส์แดง" พลาดประตูชัยเมื่อ เดิร์ค เคาท์ พุ่งโหม่งบอลชนเสาเต็มๆ หมดเวลา ลิเวอร์พูล มีเพิ่มเป็น 34 คะแนนจากการเตะ 21 นัด รั้งอันดับ 7 ขณะที่ "ช่างปั้นหม้อ" มีเพิ่มเป็น 25 แต้ม อยู่ที่ 10 ของตาราง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สโต๊ก : โธมัส โซเรนเซน , โรเบิร์ต ฮูธ , ไรอัน ชอว์ครอสส์ , อับดูลาย ฟาย , แดนนี ฮิกกินบ็อตแธม , รอรี ดีแล็ป , ดีน ไวท์เฮด , ซาลิฟ ดิเยา , แม็ทธิว เอเธอริงตัน , ตุนกาย ซานลี , มามาดี ซิดิบี
ลิเวอร์พูล : โฆเซ เรนา , เจมี คาร์ราเกอร์ , มาร์ติน สเคอร์เทล , โซติริออส คีร์เกียกอส , เอมิลิอาโน อินซัว , ฟิลิปป์ เดเกน , ฮาเวียร์ มาสเชราโน , ลูคัส เลวา , ฟาบิโอ ออเรลิโอ , เดิร์ก เคาท์ , ดาวิด เอ็นก็อก