เพย์ตัน แมนนิง ยอดควอเตอร์แบ็ก ดีกรีผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) 4สมัย ขว้าง 2 ทัชดาวน์ช่วยให้ "เกือกม้า" อินเดียนาโปลิส โคลท์ส เปิดบ้านไล่อัด "อีกาปากเหล็ก"บัลติมอร์ เรเวนส์ 20-3 ทะลุเข้าสู่รอบชิงแชมป์สายเอเอฟซี (AFC) ของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) รอบดิวิชั่นนอลเพลย์ออฟ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา
เกมคู่นี้ในควอร์เตอร์แรกดำเนินไปอย่างสูสีสกอร์เสมอกันที่ 3-3 แต่แล้วเกมมาถึงจุดไคลแมกซ์ ในควอร์เตอร์ที่สองก่อนหมดเวลา 2 นาที เมื่อทีม"เกือกม้า" ที่มาได้ 2 ทัชดาวน์ จากการขว้างระยะ 10 หลา ของ เพย์ตัน แมนนิง ให้ออสติน คอลลี ทำทัชดาวน์ และก่อนหมดเวลา 3 วินาที แมนนิง ขว้างระยะ 3 หลา ให้ ริจจี เวย์น ทำไปอีกหนึ่งทัชดาวน์ หมดสองควอเตอร์ เจ้าบ้านมีสกอร์นำห่าง 17 -3 แต้ม
เริ่มการแข่งขันควอร์เตอร์ที่สาม ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้ ก่อนในควอร์เตอร์สุดท้าย "โคลต์ส" เก็บอีก 3 คะแนนจากการเตะฟิลด์โกล จบการแข่งขัน อินเดียนาโปลิส โคลท์ส เป็นฝ่ายเอาชนะ เรเวนส์ ไป 20-3 ผ่านเข้าไปชิงแชมป์สาย เอเอฟซี เป็นทีมแรก รอผู้ชนะระหว่าง ซานดิเอโก ชาร์เจอร์ กับ นิวยอร์ก เจตส์ ที่จะแข่งในคืนวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค. (ตามเวลาประเทศไทย)
ทางด้าน เพย์ตัน แมนนิง จอมทัพของโคลต์ส ที่แม้ว่าจะเสียไปหนึ่งอินเตอร์เซ็ปต์ แต่ขว้างเข้าเป้าได้ถึง 30 ครั้ง จากทั้งหมด 44 ครั้ง รวมระยะ 246 หลา ขณะที่ เรจจี เวย์น ปีกอันตราย รับลูกไปรวม 63 หลา
โดยจอมขว้างวัย 33 ปีให้สัมภาษณ์หลังพาทีมเข้าไปรอชิงสายว่า "วันนี้ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราชนะคือ สภาพความฟิต หรือเรียกอีกอย่างว่า การเตรียมทีมที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการปรับจังหวะของเกม พวกเราก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม อย่างไรก็ตามต้องชมการวิ่งหาพื้นที่ว่างของ เรจจี ด้วย เขาทำให้ผมไม่มีความกังวลใจเลยแม้แต่น้อย ทุกๆครั้งที่ขว้างลูกไปให้เขา"
สำหรับ โปรแกรมการแข่งขันในรอบชิงแชมป์สาย จะแข่งขันในคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ม.ค. (เช้าวันที่ 25 ม.ค. ตามเวลาในไทย) โดยคู่แรกเป็นการแข่งขันชิงแชมป์สายเอ็นเอฟซี ระหว่าง นิวออร์ลีน เซนต์ส จะรอพบผู้ชนะระหว่าง ดัลลัส คาวบอยส์ หรือ มินเนโซตา ไวกิงส์ ส่วนเกมชิงแชมป์สายเอเอฟซี แข่งขันในวันเดียวกัน ระหว่าง โคลท์ส ทีมที่สถิติที่ดีที่สุดในลีกในขณะนี้(ชนะ 15 แพ้ 2) จะเจอกับ ผู้ชนะระหว่าง ซานดิเอโก ชาร์เจอร์ กับ นิวยอร์ก เจตส์ ขณะที่ศึกซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 44 แข่งขันที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ในวันที่ 7 ก.พ. (เช้าวันที่ 8 ก.พ. ตามเวลาในไทย)
