คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้เห็น "เกมวิ่ง" อันทรงพลังทำงานอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) แต่ถึงวันนี้ "กลยุทธ์" ดังกล่าวกลับใช้ได้อย่างเห็นผลจากการสังเกตการณ์ในรอบไวลด์การ์ดที่ผ่านมา โดย นิวยอร์ก เจ็ตส์ และ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ใช้เล่นงานคู่แข่งเสียชะงัก ขณะที่ ดัลลัส คาวบอยส์ กับ อริโซนา คาร์ดินัลส์ ผสมผสานเกมบุกทางภาคพื้นดินเข้ากับเกมรุกทางอากาศได้อย่างลงตัว
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ 4 ทีมเข้าไปลุยต่อในรอบดิวิชันนัล เพลย์ออฟ โดยฝั่งเอเอฟซี (AFC) ต้องถือว่า "มวยรอง" เข้าป้ายแบบพลิกล็อกเล็กๆ เมื่อ เจ็ตส์ บุกไปเล่นงาน ซินซินเนติ เบงกอลส์ 24-14 ขณะที่ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ บุกไปจัดการ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ เสียอยู่หมัด แต่หากใครได้นั่งชมเกมทั้งสองคู่ ต้องยอมรับว่าทั้ง เจ็ตส์ และ เรฟเวนส์ คู่ควรแล้วกับชัยชนะและผู้เขียนก็ขอชมเชย เร็กซ์ ไรอัน กับ จอห์น ฮาร์บอห์ ที่วางหมากได้อย่างเฉียบขาด
เริ่มจาก เจ็ตส์ ทำให้ผมคิดไปถึงสมัยที่ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ล เมื่อปี 2006 ครั้งนั้น เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ ไม่จำเป็นต้องขว้างระเบิดระเบ้อ ดั่งเช่นที่ ไรอัน วางตำแหน่งให้ มาร์ค ซานเชซ ควอเตอร์แบ็กรุคกีเล่นให้แน่นอนเข้าไว้ ปล่อยให้ทีมรับค่อยๆ ขยี้จนทีมบุกคู่แข่งระทวย และ "คนเหล็ก" ก็ใช้รันนิงแบ็กอย่าง วิลลี พาร์เกอร์ กับ "เจ้ารถบัส" เจอโรม เบ็ตติส ปล่อยหมัดหนึ่งสองบดขยี้เพื่อปิดเกม แต่สุดสัปดาห์นี้ต้องมาดูว่าแผนการดังกล่าวจะสำเร็จหรือไม่ เมื่อ เจ็ตส์ ต้องยกพลไปเยือน ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส ที่ชนะมา 11 เกมติด ถ้า ชอนน์ กรีน กับ โธมัส โจนส์ ได้ช่องวิ่งทำระยะสวยๆ คงแบ่งเบาภาระ ซานเชซ ได้เป็นกอง แต่หากโดน ฟิลิป ริเวอร์ส จับจังหวะการขว้างให้เจ้าถิ่นได้ก่อน และเกิด ลาไดเนียน ทอมลินสัน กับ ดาร์เรลล์ สโปรล์ส วิ่งทะลวงได้ดี เกรงว่า ซานเชซ จะเจอแรงกดดันของเพลย์ออฟถลาโถมจนรับไม่ไหว
ไปที่ เรฟเวนส์ การเปิดเกมด้วยการวิ่งตะลุย 83 หลาเข้าเอ็นด์โซนของ เรย์ ไรซ์ ทำให้อะไรๆ ดูเข้าทางไปหมด ฮาร์บอห์ สลับให้ ไรซ์ และ วิลลี แม็คเกฮี กระทุ้งจนเกมรับ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ต้านไม่ไหวพ่ายเกมแรกคาถิ่นในฤดูกาลนี้ด้วยสกอร์ 14-33 การนำห่างถึง 24-0 ในควอเตอร์แรกทำให้การบุกของ "แพทส์แมน" แทบจะเหลือมิติเดียว อีกทั้งการขาดหายไปของ เวส เวลเกอร์ ปีกที่รับบอลมากที่สุดใน NFL ทำให้ ทอม เบรดี เสียศูนย์ แม้ จูเลียน อีเดลแมน ปีกรุคกีผลงานไม่เลวรับไป 2 ทัชดาวน์ แต่การมาขว้างใส่ทีมรับ เรฟเวนส์ ที่คุมโซนเหนียวแน่น เบรดี จึงเสียไปถึง 3 อินเทอร์เซปต์ แต่อาทิตย์นี้น่าสนใจว่า "เกมวิ่ง" และ "ทีมรับ" เรฟเวนส์ แกร่งพอที่จะรับมือ เพย์ตัน แมนนิง และบรรดาปีกนอกฝีมือจัดจ้านของ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ได้หรือไม่
ข้ามไปฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) ชั่วโมงนี้ดูเหมือน ดัลลัส คาวบอยส์ จะมีเกมบุกหวือหวาที่สุดในลีกไปเสียแล้ว เมื่อ โทนี โรโม ไม่ขว้างพลาดเสียอินเทอร์เซปต์ง่ายๆ เหมือนก่อน แถมเกมวิ่งมีทั้ง เฟลิกซ์ โจนส์, แมเรียน บาร์เบอร์ และ ทาร์ชาร์ด ชอยซ์ สลับกันนวด ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ จนเห็นผล (ชนะไป 34-14) แถมเกมรับยังบีบเร่งควอเตอร์แบ็กได้เก่ง เห็นที แบรด ชิลเดรสส์ หัวหน้าโค้ช มินเนโซตา ไวกิงส์ ต้องทำการบ้านหนักทีเดียวในการเปิดเมโทรโดมรับมือ "อเมริกาทีม" ในขณะที่เจ้าบ้านมี จาเรด อัลเลน คอยเร่ง โรโม ทางทีมเยือนเชื่อว่า ดามาร์คัส แวร์ คงจ้อง เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ไม่คลาดสายตาเช่นกัน นี่ถือเป็นคู่เอกสุดสูสีสำหรับรอบนี้ เพราะอย่าลืมว่า ไวกิงส์ ก็มีทีมรับ, เกมบุกอันทรงพลัง และตัววิ่งฝีเท้าดีอย่าง เอเดรียน พีเทอร์สัน อยู่ทั้งคน
สุดท้ายมากันที่ "เกมบอมบ์" แห่งสัปดาห์ ใครที่ชื่นชอบเกมบุกแบบไม่บันยะบันยังพลาดเกมระหว่าง อริโซนา คาร์ดินัลส์ กับ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส ไม่ได้เลย เคิร์ต วอร์เนอร์ ควอเตอร์แบ็กจอมเก๋าคาร์ดส คงสะบัดแขนแข่งกับ ดรูว์ บรีส์ เป็นระวิง แต่หมากที่ เคน วิเซนฮันท์ ต้องไม่ลืมคือ การสั่งให้ บีนี เวลส์ กับ ทิม ไฮทาวเวอร์ วิ่งๆ แล้วก็วิ่งให้ได้เหมือนในเกมชนะ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ในรอบแรก 51-45 ช่วงต่อเวลาพิเศษ เพราะขืนต้องแลกกันหมัดต่อหมัดจริงๆ เกรงว่า "ทีมรับ" นกหัวแดงจะต้านทานพลังบุกของ บรีส์ และ เรจจี บุช ไม่ได้นาน
หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้เห็น "เกมวิ่ง" อันทรงพลังทำงานอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) แต่ถึงวันนี้ "กลยุทธ์" ดังกล่าวกลับใช้ได้อย่างเห็นผลจากการสังเกตการณ์ในรอบไวลด์การ์ดที่ผ่านมา โดย นิวยอร์ก เจ็ตส์ และ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ใช้เล่นงานคู่แข่งเสียชะงัก ขณะที่ ดัลลัส คาวบอยส์ กับ อริโซนา คาร์ดินัลส์ ผสมผสานเกมบุกทางภาคพื้นดินเข้ากับเกมรุกทางอากาศได้อย่างลงตัว
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ 4 ทีมเข้าไปลุยต่อในรอบดิวิชันนัล เพลย์ออฟ โดยฝั่งเอเอฟซี (AFC) ต้องถือว่า "มวยรอง" เข้าป้ายแบบพลิกล็อกเล็กๆ เมื่อ เจ็ตส์ บุกไปเล่นงาน ซินซินเนติ เบงกอลส์ 24-14 ขณะที่ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ บุกไปจัดการ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ เสียอยู่หมัด แต่หากใครได้นั่งชมเกมทั้งสองคู่ ต้องยอมรับว่าทั้ง เจ็ตส์ และ เรฟเวนส์ คู่ควรแล้วกับชัยชนะและผู้เขียนก็ขอชมเชย เร็กซ์ ไรอัน กับ จอห์น ฮาร์บอห์ ที่วางหมากได้อย่างเฉียบขาด
เริ่มจาก เจ็ตส์ ทำให้ผมคิดไปถึงสมัยที่ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ล เมื่อปี 2006 ครั้งนั้น เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ ไม่จำเป็นต้องขว้างระเบิดระเบ้อ ดั่งเช่นที่ ไรอัน วางตำแหน่งให้ มาร์ค ซานเชซ ควอเตอร์แบ็กรุคกีเล่นให้แน่นอนเข้าไว้ ปล่อยให้ทีมรับค่อยๆ ขยี้จนทีมบุกคู่แข่งระทวย และ "คนเหล็ก" ก็ใช้รันนิงแบ็กอย่าง วิลลี พาร์เกอร์ กับ "เจ้ารถบัส" เจอโรม เบ็ตติส ปล่อยหมัดหนึ่งสองบดขยี้เพื่อปิดเกม แต่สุดสัปดาห์นี้ต้องมาดูว่าแผนการดังกล่าวจะสำเร็จหรือไม่ เมื่อ เจ็ตส์ ต้องยกพลไปเยือน ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส ที่ชนะมา 11 เกมติด ถ้า ชอนน์ กรีน กับ โธมัส โจนส์ ได้ช่องวิ่งทำระยะสวยๆ คงแบ่งเบาภาระ ซานเชซ ได้เป็นกอง แต่หากโดน ฟิลิป ริเวอร์ส จับจังหวะการขว้างให้เจ้าถิ่นได้ก่อน และเกิด ลาไดเนียน ทอมลินสัน กับ ดาร์เรลล์ สโปรล์ส วิ่งทะลวงได้ดี เกรงว่า ซานเชซ จะเจอแรงกดดันของเพลย์ออฟถลาโถมจนรับไม่ไหว
ไปที่ เรฟเวนส์ การเปิดเกมด้วยการวิ่งตะลุย 83 หลาเข้าเอ็นด์โซนของ เรย์ ไรซ์ ทำให้อะไรๆ ดูเข้าทางไปหมด ฮาร์บอห์ สลับให้ ไรซ์ และ วิลลี แม็คเกฮี กระทุ้งจนเกมรับ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ต้านไม่ไหวพ่ายเกมแรกคาถิ่นในฤดูกาลนี้ด้วยสกอร์ 14-33 การนำห่างถึง 24-0 ในควอเตอร์แรกทำให้การบุกของ "แพทส์แมน" แทบจะเหลือมิติเดียว อีกทั้งการขาดหายไปของ เวส เวลเกอร์ ปีกที่รับบอลมากที่สุดใน NFL ทำให้ ทอม เบรดี เสียศูนย์ แม้ จูเลียน อีเดลแมน ปีกรุคกีผลงานไม่เลวรับไป 2 ทัชดาวน์ แต่การมาขว้างใส่ทีมรับ เรฟเวนส์ ที่คุมโซนเหนียวแน่น เบรดี จึงเสียไปถึง 3 อินเทอร์เซปต์ แต่อาทิตย์นี้น่าสนใจว่า "เกมวิ่ง" และ "ทีมรับ" เรฟเวนส์ แกร่งพอที่จะรับมือ เพย์ตัน แมนนิง และบรรดาปีกนอกฝีมือจัดจ้านของ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ได้หรือไม่
ข้ามไปฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) ชั่วโมงนี้ดูเหมือน ดัลลัส คาวบอยส์ จะมีเกมบุกหวือหวาที่สุดในลีกไปเสียแล้ว เมื่อ โทนี โรโม ไม่ขว้างพลาดเสียอินเทอร์เซปต์ง่ายๆ เหมือนก่อน แถมเกมวิ่งมีทั้ง เฟลิกซ์ โจนส์, แมเรียน บาร์เบอร์ และ ทาร์ชาร์ด ชอยซ์ สลับกันนวด ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ จนเห็นผล (ชนะไป 34-14) แถมเกมรับยังบีบเร่งควอเตอร์แบ็กได้เก่ง เห็นที แบรด ชิลเดรสส์ หัวหน้าโค้ช มินเนโซตา ไวกิงส์ ต้องทำการบ้านหนักทีเดียวในการเปิดเมโทรโดมรับมือ "อเมริกาทีม" ในขณะที่เจ้าบ้านมี จาเรด อัลเลน คอยเร่ง โรโม ทางทีมเยือนเชื่อว่า ดามาร์คัส แวร์ คงจ้อง เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ไม่คลาดสายตาเช่นกัน นี่ถือเป็นคู่เอกสุดสูสีสำหรับรอบนี้ เพราะอย่าลืมว่า ไวกิงส์ ก็มีทีมรับ, เกมบุกอันทรงพลัง และตัววิ่งฝีเท้าดีอย่าง เอเดรียน พีเทอร์สัน อยู่ทั้งคน
สุดท้ายมากันที่ "เกมบอมบ์" แห่งสัปดาห์ ใครที่ชื่นชอบเกมบุกแบบไม่บันยะบันยังพลาดเกมระหว่าง อริโซนา คาร์ดินัลส์ กับ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส ไม่ได้เลย เคิร์ต วอร์เนอร์ ควอเตอร์แบ็กจอมเก๋าคาร์ดส คงสะบัดแขนแข่งกับ ดรูว์ บรีส์ เป็นระวิง แต่หมากที่ เคน วิเซนฮันท์ ต้องไม่ลืมคือ การสั่งให้ บีนี เวลส์ กับ ทิม ไฮทาวเวอร์ วิ่งๆ แล้วก็วิ่งให้ได้เหมือนในเกมชนะ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ในรอบแรก 51-45 ช่วงต่อเวลาพิเศษ เพราะขืนต้องแลกกันหมัดต่อหมัดจริงๆ เกรงว่า "ทีมรับ" นกหัวแดงจะต้านทานพลังบุกของ บรีส์ และ เรจจี บุช ไม่ได้นาน