ข่าวอื้อฉาวของ ไทเกอร์ วูดส์ ส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของบรรดาสปอนเซอร์ต่างๆ เมื่อผลการศึกษาพบว่าราคาหุ้นบริษัทเจ้าของสินค้าที่ให้การสนับสนุนโปรมือ 1 ของโลกในตลาดหลักทรัพย์ตกลงคิดเป็นมูลค่ารวมกันราว 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4 แสนล้านบาท)
ศาสตราจารย์ คริสโตเฟอร์ นิทเทล และ ศาสตราจารย์ วิกเตอร์ สแตนโก แห่งมหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี ออฟ แคลิฟอร์เนีย เป็นผู้ทำการศึกษาดังกล่าวโดยเจาะจงสินค้า 9 ตัวซึ่งเป็นสปอนเซอร์ของ วูดส์ ได้แก่ แอคเซนเจอร์ (Accenture) บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการ, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (American express) บัตรสิทธิพิเศษต่างๆสำหรับสมาชิก, เอทีแอนด์ที (AT&T) ผู้ให้บริการโทรศัพท์รายใหญ่สุดของสหรัฐฯ
รวมถึง "ไทเกอร์ วูดส์ พีจีเอ ทัวร์ กอล์ฟ" เกมกอล์ฟที่ทำร่วมกับบริษัทอีเอ สปอร์ต, ยิลเล็ตต์ (Gillette) ผู้ผลิตใบมีดโกนหนวด, ไนกี (Nike) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กีฬา, แกเตอเรด (Gatorade) เครื่องดื่มบำรุงกำลัง, ทีแอลซี เลเซอร์ อาย เซนเตอร์ (TLC laser eye center) ศูนย์รักษาสายตา และกอล์ฟ ไดเจสท์ (Golf digest) นิตยสารกอล์ฟรายเดือน
โดยศาสตราจารย์ทั้ง 2 ท่านทำการศึกษาช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์นับแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนซึ่ง "พญาเสือ" เกิดอุบัติเหตุขับรถชนหัวฉีดดับเพลิงและต้นไม้นอกบ้านพักในรัฐฟลอริดาจนถูกสื่อมวลชนแฉว่านอกใจภรรยาและมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นกว่า 10 คน พบว่าราคาหุ้นบริษัทเจ้าของสินค้าสปอนเซอร์ทั้งหมดลดลงเฉลี่ย 2.3 เปอร์เซนต์ หรือคิดเป็นมูลค่าราว 5 ถึง 12 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.7 - 4 แสนล้านบาท) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้า 3 ตัวที่เกี่ยวข้องกับกีฬากอล์ฟคือ วูดส์ พีจีเอ ทัวร์ กอล์ฟ, แกเตอเรด และ ไนกี มีราคาหุ้นลดลง 4 เปอร์เซนต์
แม้ราคาหุ้นที่ตกลงจะเริ่มชะลอตัวหลังจากวันที่ 11 ธันวาคมซึ่ง ไทเกอร์ ออกมายอมรับความผิดและประกาศอำลาวงการก้านเหล็กแบบไม่มีกำหนด แต่นักลงทุนก็ไม่สามารถเรียกคืนเงินที่ขาดทุนกลับคืนมาได้