คืนที่ 3 ของทีมงาน MGR SPORT ที่ยกพลมาปักหลักยังนครเวียงจันทน์ เพื่อทำข่าวการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 25 "เวียงจันทน์เกมส์ 2009" ผ่านพ้นไปด้วยความปลื้มปิติ หลังจากนักกีฬาไทยทัพแรกทั้งโปโลน้ำชาย,ฟุตบอลหญิง-ชาย ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 82 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 5 ธ.ค. 2552 ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสปป.ลาว จัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้า ลาว-ไอเทค เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา
ซึ่งเวียงจันทน์ไดอารีวันนี้เป็นคิวของ "เด็กปั้ม" ที่จะมาร่ายบรรยากาศการตะลุยซีเกมส์ของทีมงานทั้ง 5 ชีวิตให้แฟนได้ซึมซับบรรยากาศก่อนที่พิธีเปิดอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค นี้ โดยหลังจากทัพนักกีฬาไทยว่างเว้นจากโปรแกรมแข่งขันในวันพฤหัสบดี มาถึงวันศุกร์ทัพนักเตะทั้งชายและหญิงก็นัดกันลงสนามในวันเดียวกัน ซึ่งไฮไลท์สำคัญอยู่ที่แมตช์หยุดโลกที่หลายคนเฝ้าชมในเกมไทย ปะทะ กัมพูชา
แต่ก่อนจะไปพูดถึงบรรยกาศที่สนามฟุตบอล ขอพูดถึงหัวข้อที่ "หนุ่มวิทย์" เหยี่ยวข่าวไฟแรงของ MGR SPORT จั่วหัวเอาไว้เมื่อวานนี้ว่า คนเมืองนี้ใจดีหลายเจ้า!! กันสัดนิดครับพี่น้อง เพราะทันที่เห็นหัวข้อดังกล่าวในเวียงจันทน์ไดอารี ก็อดแอบทักท้วงใม่ได้เพราะผมเองกับ "พี่รักษ์" ช่างภาพมือหนึ่งของพวกเราเพิ่งจะเจอความเข้มงวดของตำรวจลาวเข้าเต็มเปา
เหตุการณ์ระทึกขวัญนี้เกิดขึ้นหลังจากผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์พี่รักษ์กลับจากศูนย์มีเดียเซ็นเตอร์ และกำลังจะถึงที่พักย่านตลาดเส้า (ตลาดเช้า) อยู่อีกไม่กี่สิบเมตร แต่ถูกคุณพี่ตำรวจโบกงามๆ ให้จอดพร้อมยึดใบขับพี่ตากล้องมือทองของเรา ข้อหากลับรถผิดที่ผิดทาง ซึ่งเราทั้งคู่พยายามอธิบายขอความเห็นใจรวมถึงตำรวจนายอื่นๆในป้อมก็พากันออกความเห็นว่าน่าจะแค่ตักเตือนเท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นผลครับ เมื่อนายตำรวจผู้นั้นยืนกรานเสียงแข็ง ส่งผลให้ของที่ระลึกชิ้นแรก ที่เราได้รับก็คือ "ใบสั่ง" จากเวียงจันทน์
กลับมาเรื่องของฟุตบอลดีกว่า ช่วงบ่ายโมงตรงของวันที่ศุกร์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เข้าไปชมเกมของทีมหญิง ภายใต้การบริหารจัดการของ "มาดามแป้ง" นวลพันธ์ ล่ำซำ สาวใหญ่มาดสวยประหาร ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยแห่งชาติ ซึ่งกว่าที่คุณแป้งจะเดินทางมาถึงสนาม แม่เนื้อนิ่มของไทยก็ซัดสาวมาเลเซียสมราคาคุยไปแล้ว 5 ตุง ก่อนจะจบเกมด้วยสกอร์มโหฬาร 14-0 ดูทรงแล้วแข้งสาวไทยน่าจะทะลุเข้าไปชิงกับเวียดนามได้ไม่ยาก ส่วนจะได้ทองเหมือนยุค "มาดามมล" นฤมล ศิริวัฒน์ หรือไม่นั้นต้องมารอดูกัน
ส่วนแข้งชายต้องบอกว่าเกมไทย ปะทะ กัมพูชา เป็นเกมที่สื่อหลายแขนงพากันคาดการณ์และชงให้ไปโยงกับเรื่องการเมือง แต่ในส่วนของนักกีฬาแล้วไม่มีใครคิดที่จะมาห่ำหันกันแบบเอาเป็นเอาตายแน่นอน เพราะบรรยากาศในเกมเป็นไปแบบราบรื่น ก่อนที่ไทยจะนำห่างตามฟอร์มแบบสบายๆ 4-0 ทว่าในช่วงท้ายเกม ไม่รู้ว่าเรื่องการเมืองมาเอี่ยวกับกีฬาหรืออย่างไร เมื่อนักเตะไทย (บางคน) กลับออกอาการฟิวส์ขาดใส่คู่แข่ง ชนิดที่เราเองเป็นคนไทยยังมองเห็นว่าไม่สมควร
ส่งผลให้บรรยากาศที่กำลังชื่นมื่นในเกมที่จะสร้างมิตรภาพระหว่างไทยกับพูชา กลับต้องจบลงด้วยความดุเดือด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกีฬาและการเมืองมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย อารมณ์ของคนต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างดูแย่ลง
คุยไปคุยมาชักจะเครียดครับ เอาเป็นว่าวันนี้ขอทิ้งท้ายด้วยอีกเรื่องหวาดเสียวของผมเอง ที่สนามเจ้าอนุวงศ์ ด้วยความที่ลำพังเป็นคนกลัวสุนัขอยู่แล้ว จู่ๆก็เกือบจะได้ของที่ระทึกชิ้นที่ 2 จากเวียงจันทน์ด้วยรอยขย้ำของเจ้า "โดเบอร์แมน" ตัวโหดของตำรวจลาว เพราะดันไปเดินเฉียดตรงที่เจ้าโฮ่งถูกลามโซ่ไว้ เดชะบุญที่มันมีตะกร้อครอบปาก มิเช่นนั้นต้องมี 10 เข็มเป็นอย่างน้อยครับพี่น้อง