ASTVผู้จัดการรายวัน - นับตั้งแต่กระแสฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันเมื่อสามปีก่อน ถึงเวลานี้วงการลูกหนังไทยประสบความสำเร็จชนิดทะลุเป้าหลังฤดูกาล 2008-09 ที่ผ่านมาจบลงด้วยสถิติจำนวนแฟนบอลที่ถูกทุบทำลาย และภาพแฟนลูกหนังเข้าชมการแข่งจนเต็มความจุสนามธันเดอร์โดม ในนัดชี้ชะตาระหว่าง เมืองทองฯ กับ ชลบุรี เอฟซี นั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจจนทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องหันมาให้ความสนใจ รวมไปถึงนักการเมืองที่กำลังจะเปลี่ยนภาพลักษณ์สีเทาของตนเองอย่าง นายเนวิน ชิดชอบ ในฐานะกลุ่มทุนบุรีรัมย์ที่ประสบความสำเร็จจากการเจรจาซื้อสโมสรการไฟฟ้าภูมิภาค ซึ่งฤดูกาลหน้าในตารางไทยพรีเมียร์ลีกจะมีทีมน้องใหม่ที่ชื่อ "บุรีรัมย์ - การไฟฟ้าฯ" โดยมี นายเนวิน ชิดชอบ ทำหน้าที่ประธานสโมสร ซึ่งการเดินทางเข้าสู่วงการลูกหนังในครั้งนี้ "พี่เน" ของแฟนคลับถูกรับน้องใหม่ไปแล้วหลังแฟนบอลสโมสรการไฟฟ้าเดิมรวมตัวกันเผาเสื้อสโมสรฯ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ทีมรักถูกอำนาจนักการเมืองเข้ามาแทรกแซงจนต้องย้ายสนามเหย้าจากอยุธยา ไปยัง บุรีรัมย์
หากย้อนกลับไปดูรอยลูกหนังของผู้ชายที่ชื่อ เนวิน ชิดชอบ หลายคนทราบดีผู้ทรงอิทธิพลแห่งจังหวัดบุรีรัมย์รายนี้ชื่นชอบในเกมลูกหนังเป็นอย่างยิ่ง แถมยังติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีก โดยมีสโมสรอาร์เซนอล เป็นทีมในดวงใจซึ่งครั้งหนึ่งภาพของ เนวิน และ บุตรชายเคยปรากฎอยู่ที่นั่งวีไอพีภายในสนามไฮบิวรี (สนามเดิมของทีมปืนใหญ่ก่อนย้ายมายังเอมิเรตส์ สเตเดียม) สำหรับแวดวงฟุตบอลไทยชื่อของ นายเนวิน ก่อนหน้านี้ไม่เคยถูกบันทึกไว้ในสารบบ จนกระทั่งเจ้าตัวประกาศแยกทางกับนายเก่าที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร จุดยืนในฟากการเมืองของ นายเนวิน เริ่มเปลี่ยนแปลงพร้อมกับแนวคิดเรื่องการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลไทยที่ถูกจุดประกายขึ้น
โดยก่อนที่จะตัดสินใจเข้าซื้อสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้น นายเนวิน เริ่มต้นด้วยการติดต่อไปที่สโมสรเพื่อนตำรวจ ซึ่งได้เสียงตอบปฏิเสธกลับมาอย่างแข็งขันก่อนจะหันกองทุนบุรีรัมย์ไปที่ สโมสรทหารบก ที่ได้ขึ้นมาเล่นในไทยลีกฤดูกาล 2009 -10 หากความแข็งแกร่งของแฟนบอลทำให้ "พี่เน" ต้องอกหักซ้ำสอง หลังปล่อยให้เรื่องเงียบอยู่ประมาณสองเดือนที่สุด นายเนวิน เหมือนจะได้สัญญาณไฟเขียวจาก ทีโอที เอฟซี ด้วยความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อ "โค้ชก็อก" พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ กุนซือของสโมสร "ฮัลโหล" ที่เป็นน้องชายแท้ๆ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. แต่สุดท้าย บอร์ดบริหารของ ทีโอที ได้บอกปัดข้อเสนอดังกล่าว
แม้จะต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กลุ่มทุนบุรีรัมย์ ไม่ย่อท้อและข่าวดีก็เกิดขึ้นเมื่อการเจรจาทั้งในและนอกโต๊ะมาลงเอยที่สโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แชมป์เก่าฟุตบอลไทยลีก 2008 ที่ใช้สนามเหย้าในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสถานการณ์ของทีม "มนุษย์ไฟฟ้า" ในฤดูกาลที่ผ่านมาต้องเรียกว่าเข้าสู่ภาวะตกต่ำต้องดิ้นรนอย่างหนักกว่าจะหนีตกชั้นในไทยลีกฤดูกาลที่ผ่านมาได้สำเร็จ รวมถึงความแตกแยกของผู้บริหารในการทำทีม บอร์ดของ "กฟภ." จึงเห็นว่าการร่วมมือกับกลุ่ม "เนวิน" น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการสู้ศึกฤดูกาลหน้า โดยแทบไม่จำเป็นต้องควักกระเป๋าตัวเอง แม้จะสร้างความไม่พอใจให้เหล่าแฟนลูกหนังเมืองกรุงเก่าก็ตาม
ในส่วนของ นายเนวิน จนถึงเวลานี้ยังไม่ยอมเปิดปากให้สัมภาษณ์กับสื่อแม้แต่ฉบับเดียว ล่าสุดผู้สื่อข่าว MGR Sport ได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้กับ นายเนวิน ได้รับคำตอบเพียงแต่ว่า "เวลานี้คุณเนวินยังไม่อยากให้สัมภาษณ์กับสื่อ" เมื่อถามต่อว่าการเข้ามาซื้อสโมสรการไฟฟ้าฯ ในครั้งนี้ นายเนวิน ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ตนเองหรือไม่ แหล่งข่าวรายเดิมตอบกลับมาเพียงว่า "คุณเนวิน ไม่ใช่เจ้าของสโมสรคนเดียวแต่เป็นเจ้าของร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หากต้องการทราบรายละเอียดของสโมสรอยากให้สอบถามจาก โค้ชก๊อก มากกว่า"
โดย "โค้ชก็อก" พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ ที่ปัจจุบันอำลาสโมสร ทีโอที มาร่วมสร้างสโมสร บุรีรัมย์ - การไฟฟ้าฯ กล่าวถึงการรวมตัวกันระหว่างทุนบุรีรัมย์ และ สโมสรลูกหนังรัฐวิสาหกิจว่า "ผมมาช่วยทีมในฐานะคนรู้จักชอบพอกับคุณเนวิน ซึ่งเร็วๆ นี้ คงมีการแถลงข่าวเปิดตัวสโมสรใหม่อย่างเป็นทางการ และคุณเนวินจะขึ้นเป็นประธานสโมสรแน่นอน ส่วนผมเองก็จะอยู่ในฐานะที่ปรึกษาทีม โดยฤดูกาลแรกเราวางเป้าไว้ที่ติด 1 ใน 4 ของตารางคะแนนก่อน จากนั้นค่อยว่ากัน"
พร้อมกันนี้ "โค้ชก็อก" ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่าผู้เล่นดาวดังอย่าง ณรงค์ชัย วชิรบาล และ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค เตรียมอำลาทีมด้วยว่า "เรื่องนี้เรายังไม่ได้คุยกัน แต่การจะเป็นฟุตบอลอาชีพ นักฟุตบอลก็ต้องได้รับค่าเหนื่อยที่สมน้ำสมเนื้อ เมื่อการไฟฟ้าฯ ย้ายสู่บุรีรัมย์ แคมป์ฝึกซ้อมก็ต้องย้ายไปด้วย การที่มีข่าวว่านักเตะหลายคนจะอำลาทีมนั้นตอนนี้ยังไม่มีใครบอกผม แต่ยืนยันว่าการย้ายถิ่นครั้งนี้นักเตะจะได้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากที่เคยได้ รวมทั้งยังอาจมีเงินกินเปล่าสำหรับซูเปอร์สตาร์ของทีมด้วย โดยเราเปิดโอกาสให้ผู้เล่นใส่ตัวเลขค่าเหนื่อยที่เขาต้องการ ซึ่งนักเตะดังๆ ก็จะได้เงินเดือนเป็นหลักแสนเลยทีเดียว"
ด้าน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ยอมรับว่ารู้สึกเป็นกังวลกับการย้ายสโมสรของทีมการไฟฟ้าฯ ไม่น้อย "ต้องถามก่อนว่าการไปอยู่ บุรีรัมย์ ของการไฟฟ้าฯ ครั้งนี้วงการฟุตบอลไทยได้อะไร ผมไม่ทราบจริงๆ แล้วคุณเนวิน ได้อะไรจากการที่ทีมฟุตบอลย้ายไปที่บ้านเกิดของเขา เราคงต้องมองกันให้ลึกกว่านี้"
ขณะเดียวกันไทยพรีเมียร์ลีกยืนยันว่าเตรียมล้อมคอกห้ามเหล่าบรรดานักการเมืองเข้าสู่วงการฟุตบอลอีกด้วย "ผมเตรียมเสนอระเบียบของไทยพรีเมียร์ลีกที่ห้ามไม่ให้นักการเมืองเข้าเป็นผู้บริหารทีมฟุตบอล เนื่องจากเป็นกังวลว่าหากทุกอย่างยังดำเนินต่อไปในแนวทางนี้ ลีกที่กำลังบูมอาจซบเซาได้ เมื่อเหล่าบรรดานักการเมืองเริ่มเบื่อของเล่นชิ้นนี้ขึ้นมา มันไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลย แต่ทุกอย่างคงต้องขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของคนในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยด้วย"