ASTVผู้จัดการรายวัน-"วาเลนติโนคือนักขับที่ยิ่งใหญ่ เป้าหมายของผมคือการคว้าแชมป์โลกให้ได้ในยุคที่เขายังคงแข่งขันอยู่ ซึ่งแม้มันจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็คงไม่ยากเกินความพยายาม" เป็นความมุ่งมั่นของฮอร์เก ลอเรนโซ รองแชมป์โลกโมโตจีพีคนล่าสุดจากค่ายเฟียต-ยามาฮา ที่ประกาศลั่นในการให้สัมภาษณ์พิเศษโอกาสเยือนประเทศไทย ณ ยามาฮา ไรเดอร์ คลับ ถ.รัชดา เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา
หลังจบศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2009 ด้วยตำแหน่งรองแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพี ฮอร์เก ลอเรนโซ อาศัยช่วงเวลาช่วงปิดฤดูกาลตระเวณโชว์ตัวต่อแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยคือ 1 ใน 3 ชาติต่อจากสิงคโปร์และอินโดนีเซียที่นักบิดสแปนิชเลือกเดินทางมาพบปะแฟนคลับของค่ายรถยามาฮา
โดยเจ้าของรถ YZR-M1 หมายเลข 99 ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยได้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง โดยทันทีที่เดินทางมาถึงลอเรนโซได้เผยความรู้สึกที่ได้มาเยือนแดนสยามว่า "ถือเป็นความรู้สึกที่มีความสุขมากๆที่เห็นกองเชียร์ของผมในเมืองไทยให้การต้อนรับตัวผมอย่างอบอุ่น แม้ว่าผมจะทราบมาว่ากีฬาชนิดนี้อาจจะไม่เป็นที่นิยมนักในประเทศนี้ แต่ผมก็ทึ่งไม่น้อยเหมือนกันกับการต้อนรับของคนไทยในครั้งนี้"
จากนั้นเมื่อทีมข่าว MGR SPORT ถามถึงความมั่นใจของลอเรนโซในการไล่ล่าตำแหน่งแชมป์โลกโมโตจีพี ในยุคที่ "เดอะด็อกเตอร์" วาเลนติโน รอสซี ยังคงโลดแล่นอยู่บนแทร็ก เจ้าตัวตอบคำถามดังกล่าวด้วยแววตามุ่งมั่นว่า "แน่นอน มันคือเป้าหมายของผม ที่ผมต้องไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ เพราะหากไม่คิดเช่นนั้นผมคงต้องนอนอยู่บ้านเพื่อดูคนอื่นแข่งจะดีกว่า"
"วาเลนติโนคือนักขับที่ยิ่งใหญ่ เป้าหมายของผมคือการคว้าแชมป์โลกให้ได้ในยุคที่เขายังคงแข่งขันอยู่ ซึ่งแม้มันจะเป็นเรื่องยากมากๆที่จะเอาชนะเขา แต่ก็คงไม่ยากเกินความพยายาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลงานในสนามซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางทีปีหน้าอาจถึงเวลาของผมก็เป็นได้" อดีตแชมป์โลก 250 ซีซี ประกาศลั่น
อย่างไรก็ดีเมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวที่มีกระแสข่าวว่าไม่ลงรอยกับรอสซี เพื่อนร่วมทีมนั้น เจ้าตัวยืนยันว่า "วาเล่(รอสซี) คือคนที่มีบุคลิกน่ารัก สนุกสนานยามอยู่นอกสนาม เราทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีต่อกัน แต่ยามอยู่ในสนาม เราจำเป็นต้องพุ่งสมาธิไปที่การแข่งขันและไม่มีเวลาพูดคุยกันมากนัก ซึ่งอย่างที่ทุกคนเห็นเราไม่เคยอ่อนข้อให้กันบนแทร็กแน่นอน"
ท้ายที่สุดนักแข่งจากแดนกระทิงดุยังเผยถึงแรงบัลดาลใจที่ทำให้ตนเองก้าวมาเป็นนักบิดชึ้นนำของวงการได้ชนิดที่ทุกคนต้องงงไปตามๆกันว่า "มันเกิดจากตอนเด็กๆผมเห็นคุณแม่ใช้มีดปาดเนยทาขนมปังอย่างนุ่มนวลและเรียบสนิท จึงใช้เป็นแบบอย่างในการขับขี่ โดยเฉพาะการเข้าโค้งจนกลายเป็นออร์เก ลอเรนโซได้ในทุกวันนี้"