"บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ลั่นไทยไม่ได้มีศักยภาพด้อยกว่าอินโดนีเซีย หลังนายกสมาคมลูกหนัง "อิเหนา" ประกาศกร้าวขอเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ปี 2022 แต่เพียงชาติเดียว
หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีของไทยและประธานอาเซียน ผุดแนวคิดในที่ประชุมอาเซียนเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาว่า อยากจะให้ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกับอินโดนีเซีย ในการจัดฟุตบอลโลก 2022 ในอีก 13 ปีข้างหน้า
ซึ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นูร์ดิน ฮาลิด นายกสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียออกมาให้ข่าวว่า อินโดฯมีความพร้อมเต็มเปี่ยมที่จะทำหน้าที่จัดทัวนาเมนต์สำคัญของโลกอย่างเวิลด์ คัพ และไม่มีแนวคิดที่จะทำหน้าที่ร่วมกับชาติอื่นๆในแถบอาเซียนแต่อย่างใด
ล่าสุด "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า แม่บ้านส.ลูกหนังไทยออกมาให้ความเห็นผ่าน MGR SPORT ว่า "ผมมองว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละชาติที่จะเสนอตัวต่อฟีฟ่า ซึ่งก็ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาอีกมากมาย ซึ่งมันไม่ใช่ว่าใครเสนอตัวแล้วจะได้เป็นเจ้าภาพในทันที"
"ฟีฟ่าจะต้องพิจารณาทั้งเรื่องของมาตรฐานฟุตบอลของชาตินั้นๆ รวมถึงเรื่องการเมือง ,เศรษฐกิจ และสิ่งอำนวยความสะดวกในประเทศทั้งหมด ซึ่งอินโดฯเองผมมองว่าเขาก็ต้องสร้างสนามใหม่ขึ้นมาทั้งหมดร่วม 10 สนาม หากจะเสนอตัวจริง" มิสเตอร์โอเคร่ายยาว
ซึ่งท้ายที่สุดเลขาฯส.ฟุตบอลพูดถึงความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะเสนอตัวสู้กับอินโดนีเซียว่า "มีความเป็นไปได้แน่นอน ทั้งเรื่องของมาตรฐานฟุตบอลและความพร้อมด้านอื่นๆเราดูดีกว่าด้วยซ้ำ แต่ทั้งหมดขึ้นกับวิวัฒนาการเรื่องบริหารจัดการของเราในอนาคต ว่าจะดีแค่ไหน ซึ่งในเวลานี้หากดูจากมาตรฐานไทยลีก ผมคิดว่ามันอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ"
หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีของไทยและประธานอาเซียน ผุดแนวคิดในที่ประชุมอาเซียนเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาว่า อยากจะให้ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกับอินโดนีเซีย ในการจัดฟุตบอลโลก 2022 ในอีก 13 ปีข้างหน้า
ซึ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นูร์ดิน ฮาลิด นายกสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียออกมาให้ข่าวว่า อินโดฯมีความพร้อมเต็มเปี่ยมที่จะทำหน้าที่จัดทัวนาเมนต์สำคัญของโลกอย่างเวิลด์ คัพ และไม่มีแนวคิดที่จะทำหน้าที่ร่วมกับชาติอื่นๆในแถบอาเซียนแต่อย่างใด
ล่าสุด "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า แม่บ้านส.ลูกหนังไทยออกมาให้ความเห็นผ่าน MGR SPORT ว่า "ผมมองว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละชาติที่จะเสนอตัวต่อฟีฟ่า ซึ่งก็ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาอีกมากมาย ซึ่งมันไม่ใช่ว่าใครเสนอตัวแล้วจะได้เป็นเจ้าภาพในทันที"
"ฟีฟ่าจะต้องพิจารณาทั้งเรื่องของมาตรฐานฟุตบอลของชาตินั้นๆ รวมถึงเรื่องการเมือง ,เศรษฐกิจ และสิ่งอำนวยความสะดวกในประเทศทั้งหมด ซึ่งอินโดฯเองผมมองว่าเขาก็ต้องสร้างสนามใหม่ขึ้นมาทั้งหมดร่วม 10 สนาม หากจะเสนอตัวจริง" มิสเตอร์โอเคร่ายยาว
ซึ่งท้ายที่สุดเลขาฯส.ฟุตบอลพูดถึงความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะเสนอตัวสู้กับอินโดนีเซียว่า "มีความเป็นไปได้แน่นอน ทั้งเรื่องของมาตรฐานฟุตบอลและความพร้อมด้านอื่นๆเราดูดีกว่าด้วยซ้ำ แต่ทั้งหมดขึ้นกับวิวัฒนาการเรื่องบริหารจัดการของเราในอนาคต ว่าจะดีแค่ไหน ซึ่งในเวลานี้หากดูจากมาตรฐานไทยลีก ผมคิดว่ามันอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ"
