หลีกทางให้นักเตะรับใช้ชาติถึง 2 สัปดาห์ ศึก พรีเมียร์ชิป อังกฤษ กลับมาหนนี้จะโม่แข้งกันยาวแบบสะใจคอบอลจนถึงปีหน้า เริ่มต้นด้วยคู่เอกช่วงหัวค่ำวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน เป็นการเจอกันของสองทีมที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่นด้วยกันทั้งคู่ ลิเวอร์พูล จะเปิด แอนฟิลด์ รับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี
ลิเวอร์พูล พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี เวลา 19.45น.
เกมนี้ต่างฝ่ายต่างฟอร์มย่ำแย่มาด้วยกันทั้งคู่ ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงขาลงหลังชนิดกู่ไม่กลับ 9 นัดหลังสุดรวมทุกรายการชนะแค่นัดเดียว โอกาสคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 20 ปีสุดริบหรี่ แถมเสี่ยงจะตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ถ้วย คาร์ลิง คัพ ก็ปิ๋วไปแล้ว ส่วน แมนฯซิตี เหลือเชื่อกับการเสมอมา 5 นัดรวดในลีก
นัดล่าสุด ลิเวอร์พูล เกือบแพ้ เบอร์มิงแฮม คา แอนฟิลด์ แต่ว่าได้ ดาวิด เอ็นก็อก พุ่งล้มเรียกจุดโทษ กรรมการก็ดันบ้าจี้เป่าให้จนเสมอกันไป 2-2 แม้ว่าจะไม่มี เฟร์นานโด ตอร์เรส และ สตีเวน เจอร์ราร์ด 2 คีย์แมนคนสำคัญ โดย "กัปตันจี" ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในช่วงครึ่งหลังก่อนยิงจุดโทษกู้ชีพ แต่ 11 ตัวจริงในเกมดังกล่าวก็ถือว่าไม่ขี้เหร่
เกมนี้น่าจะหมดเวลาของ ลูคัส เลวา เพราะว่า เจอร์ราร์ด กลับมาฟิตสมบูรณ์พร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับ อัลแบร์โต อาควิลานี กองกลางชาวอิตาเลี่ยน ที่ฟิตสมบูรณ์แล้ว แต่ ตอร์เรส ไม่น่าจะเสี่ยงถูกส่งลงสนาม เพราะอาการอาจจะกำเริบขึ้นมาอีก นอกจากนี้ยังไม่มี ยอสซี เบนายูน และ อัลเบิร์ต ริเอรา ที่เจ็บตั้งแต่ก่อนเบรกทีมชาติ
ส่วน แมนฯซิตี แสดงให้เห็นว่าขาดความสมดุลภายในทีม เพราะยิงได้เยอะก็เสียประตูเยอะอย่างเกมที่เสมอกับ เบิร์นลีย์ 3-3 แนวรุก 4 คน เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, คาร์ลอส เตเบซ, เคร็ก เบลลามี และ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ไม่มีใครถอยลงมาช่วยเกมรับเลย แถม มาร์ค ฮิวจ์ส เริ่มสับสนกับตัวผู้เล่นที่มีให้เลือกใช้งานเยอะเกินไป
นัดนี้ ฮิวจ์ส กุนซือ แมนฯซิตี ยังคงมีตัวเลือกให้ใช้งานแบบครบครันทั้งแนวรุกและรับ นำโดยดาวซัลโวสูงสุด เคร็ก เบลลามี ที่ซัดไปแล้ว 5 ประตูจะได้ปะทะกับทีมเก่า แต่ในรายของ โรบินโญ สตาร์แนวรุกชาวบราซิเลี่ยน ที่ไม่ได้เล่นตั้งแต่เดือนกันยายนฟิตสมบูรณ์แล้ว แต่ยังไม่พอปะทะ ลิเวอร์พูล น่าจะเป็นเกมกับ ฮัลล์ ในสัปดาห์หน้ามากกว่า
เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แมนฯซิตี สามารถบุกมายันเสมอ 1-1 แต่หนสุดท้ายที่บุกมาคว้าชัยถึงถิ่น แอนฟิลด์ ต้องย้อนกลับไปในปี 2003 เลยทีเดียว ส่วนแมตช์นี้ ลิเวอร์พูล ในเรื่องความสมดุลของทีมมีมากกว่าแถมได้ เจอร์ราร์ด กลับมาคุมทัพ น่าจะเอาชนะทีมเยือนที่เล่นกันไร้แก่นสารไม่มีตัวคุมทัพ ส่วนแนวรุกก็เล่นกันแบบ 3 วันดี 4 วันไข้
หงส์สอย 2-1
เบอร์มิงแฮม ซิตี พบ ฟูแลม เวลา 22.00น.
เบอร์มิงแฮม เกือบบุกไปคว่ำ ลิเวอร์พูล แต่ถูกตีเสมอด้วยจุดโทษปัญหา เกมนี้มีปัญหาแนวรุกเมื่อ แกร์รี โอคอนเนอร์ และ คาเมรอน เฌโรม ได้รับบาดเจ็บ เหลือเพียงแค่ คริสเตียน เบนิเตซ และ เควิน ฟิลลิปส์ ส่วน ฟูแลม กลายเป็นทีมแพ้ยากไม่ปราชัยมา 5 นัดรวด แต่เกมนี้ไปเยือนคงจะมีปัญหา ผลเสมอน่าจะยุติธรรมที่สุด
เสมอ 1-1
เบิร์นลีย์ พบ แอสตัน วิลลา เวลา 22.00น.
"น้องใหม่" มีสถิติการเล่นในรัง เทิร์ฟ มัวร์ ยอดเยี่ยมชนะ 5 แพ้ 1 นัด เป็นรองเพียงแค่ แมนฯยู และ เชลซี 2 นัดหลังสุดชนะ ฮัลล์ และเสมอ แมนฯซิตี แนวรุกนำโดย 3 ประสาน ร็อบบี เบล็ค, คริส อีเกิลส์ และ สตีเวน เฟลทเชอร์ ส่วน วิลลา ฟอร์มนอกบ้านไม่ดีฤดูกาลนี้มักจะเสียแต้มในการเจอกับทีมเล็กๆ ยืนอยู่ฝั่งเจ้าบ้านน่าจะได้ลุ้นมากกว่า
เจ๊า 1-1
เชลซี พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เวลา 22.00น.
จ่าฝูงชั่วโมงนี้แกร่งทั่วแผ่นชนะมา 3 นัดรวด โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่อัด แมนฯยู 1-0 เรียกความมั่นใจได้มากโขก แต่แมตช์นี้ไม่มี แฟรงค์ แลมพาร์ด กองกลางจอมทัพที่ได้รับบาดเจ็บ ถือเป็นโอกาสดีที่ตัวสำรองจะได้วาดลวดลาย แต่โดยรวมยังเหนือกว่า วูล์ฟฯ หลายขุม เจ้าถิ่นปิดประตูแพ้และเสมออยู่ที่ว่าจะชนะกี่ประตูเท่านั้น
เชลซียำ 3-0
ฮัลล์ ซิตี พบ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด เวลา 22.00น.
ฮัลล์ ได้กำลังใจมากโข หลังเกมล่าสุดพลิกชนะ สโต๊ก 2-1 เกมนี้ยังได้ โจวานนี พ้นโทษแบนกลับมาบัญชาทัพร่วมกับ จิมมี บุลลาร์ด และ สตีเฟน ฮันท์ ถือว่าน่ากลัวพอตัว ส่วน เวสต์ แฮม มีดาวรุ่งฝีเท้าดีขึ้นมาเยอะในฤดูกาลนี้ แต่ต้องอดทนเนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่าย ปีหน้าอาจจะเจ๋งกว่านี้ ส่วนเกมนี้ "ขุนค้อน" เสมอได้ถือว่าน่าพอใจ
เสมอ 0-0
ซันเดอร์แลนด์ พบ อาร์เซนอล เวลา 22.00น.
ซันเดอร์แลนด์ เล่นในรัง สเตเดียม ออฟ ไลท์ ยอดเยี่ยม แพ้เพียงแค่เกมเดียว แถมเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ด้วย ส่วน อาร์เซนอล มาเยือนในสภาพที่ไม่มี โรบิน ฟาน เพอร์ซี กองหน้าเลือดดัตช์ ที่บาดเจ็บต้องพักยาว แต่ทว่า "ปืนโต" มีแนวรุกหลากหลายทั้ง อังเดร อาร์ชาวิน, เชส ฟาเบรกาส และ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา แต่ว่าสกอร์คงไม่ขาด
ปืนสอย 0-2
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ เอฟเวอร์ตัน เวลา 00.30น.
ธรรมชาติ แมนฯยู ไม่ค่อยแพ้ 2 นัดติด ล่าสุดเพิ่งแพ้ เชลซี ดังนั้นเกมนี้ต้องเร่งเครื่องเต็มสูบความชัยให้ได้ แต่จะไม่มี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทัพข้างสนามเนื่องจากติดโทษแบน อย่างไรก็ตามนักเตะไม่มีปัญหา ส่วน เอฟเวอร์ตัน ฟอร์มกระท่อนกระแท่น แถมบอลแพ้ทางกันแบบนี้ "ผีแดง" ไม่น่าพลาดที่จะเก็บ 3 แต้ม
ผีบด 2-1
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2552
โบลตัน วันเดอเรอร์ส พบ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เวลา 20.30น.
สองนัดล่าสุด โบลตัน โดน เชลซี และ วิลลา ยำใหญ่เสียไปถึง 9 ประตู เกมนี้แม้ว่าจะเล่นในถิ่น รีบอค สเตเดียม แต่ว่าไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะ แบล็คเบิร์น ที่เล่นนอกบ้านแพ้มา 5 นัดรวดก็จริง แต่ก็เป็นการพ่ายให้กับ 3 ทีมในบรรดา "บิ๊กโฟร์" ดูแล้วทั้งสองทีมสไตล์การเล่นใกล้เคียงกัน "กุหลาบ" จึงน่าจะคว้าแต้มแรกนอกบ้านได้สำเร็จ
เจ๊า 1-1
ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ พบ วีแกน แอธเลติก เวลา 22.00น.
สเปอร์ส เล่นในเล้าสุดแข็งแกร่ง แถม แฮร์รี เรดแน็ปป์ สั่งลูกทีมเดินเกมรุกเต็มสูบ ล่าสุดที่ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 ขนกองหน้าลงสนามถึง 3 คน แม้ว่า วีแกน จะเป็นทีมที่ฟอร์มผีเข้าผีออกแต่เกมนี้คงยากที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ สุดท้าย "ไก่เดือยทอง" มีแนวรุกหลากหลายทั้งภาคพื้นดินและกลางอากาศน่าจะเก็บสามคะแนนเต็มได้ไม่ยาก
ไก่จิก 2-0
สโต๊ก ซิตี พบ ปอร์ทสมัธ เวลา 23.00น.
ฟอร์มเริ่มแกว่งสำหรับ สโต๊ก 2 นัดหลังสุดแผ่วโดนบดหนักจนเสมอ วูล์ฟฯ และแพ้ ฮัลล์ ส่วน ปอร์ทสมัธ เริ่มกระเตื้องแต่ว่าการเล่นนอกบ้านยังคงมีปัญหา อย่างไรก็ตาม "ปอมปีย์" มีจังหวะการเล่นที่เร็วกว่าน่าจะสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับเจ้าถิ่นได้พอสมควร "ช่างปั้นหม้อ" มีปัญหาในการยืนระยะตลอดทั้งเกม แต่เกมนี้เล่นในบ้านน่าจะมีลุ้น
หม้อหวิว 2-1