คอลัมน์ สุดฟากสนาม โดย ธีรพัฒน์ อัครเศรณี
สัปดาห์ที่ผ่านมาแฟนบอลบ่นไปตามๆกันว่า บอลฤดูกาลนี้คาดเดาลำบาก เพราะทีมใหญ่ๆ ถูกเจาะยางง่ายเหลือเกิน หนำซ้ำบางรายซวยหลายเด้งโดนทุบมาตั้งแต่ราคาหุ้น, ต่อด้วยหวย 00 จบด้วย "ลูกโป่งสีแดง" เข้าให้อีก หน้ามืดกันเป็นแถว เตือนกันได้เพียงว่าทุกสิ่งในโลกล้วนไม่แน่นอน ฤดูกาลยังอีกยาวไกลครับ ถนอมสุขภาพ กำลังเงิน และกำลังใจกันไว้ให้ดีด้วย
พูดถึงความพ่ายแพ้ต่อซันเดอร์แลนด์และกรณี "ลูกโป่งสีแดง" เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอาจจะกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ เมื่อ "หงส์แดง" พลาดท่าซ้ำในบ้านให้กับ โอลิมปิก ลียง จากฝรั่งเศส ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นความปราชัย 4 เกมติดต่อกัน ตั้งแต่เจอกับ ฟิออเรนติน่า เชลซี ซันเดอร์แลนด์ และ ลียง กลายเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบสองทศวรรษของสโมสร แถมยังไม่มีใครกล้าทำนายว่ามันจะหยุดลงเมื่อใด
แถมวันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูล จะเปิดรังแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของทีมนำ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแมตช์ "วันแดงเดือด" ซึ่งกลายเป็นเกมที่ทวีความสำคัญ เพราะนี่อาจจะเป็นนัดชี้ชะตาของยอดโค้ชสเปนอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ ก็ได้
"Changed, we need!" เสียงจากแฟนหงส์แถบถนนพระอาทิตย์ซึ่งเอือมระอากับผลงานและความเอื้ออาทรณ์ต่อ ลูคัส เลว่า ของยอดโค้ชผู้นี้เรียกร้อง
ทว่าฝ่ายบริหารของลิเวอร์พูลจะกล้าเปลี่ยนม้ากลางศึก เปลี่ยนกุนซือกลางฤดูกาลหรือไม่ แล้วถ้าจะเชือดจริง จะเอาใครมาแทน เป็นโจทย์ที่ ทอม ฮิคส์ และจอร์จ จิลเลตต์ จะต้องขบคิดให้ดี
แต่ถ้าถามผม ผมว่าเปลี่ยนเถอะครับ เพราะผมไม่เชื่อว่า หงส์แดงจะกลับมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยฝีมือของกุนซือคนนี้ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่เชื่อ
เรื่องการลุ้นแชมป์ แนะนำว่าให้ลุ้นกันดีๆ ม้าแข่งในการชิงชัยพรีเมียร์ลีกมิได้มีแค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูลหรือเชลซี ซึ่งตอนเริ่มต้นฤดูกาลนั้นบรรดาเกจิทั้งหลายต่างยกให้ เป็นเต็ง 1 เต็งหามอะไรประมาณนั้น แต่ก็ใช่ว่าหนทางของ "สิงโตน้ำเงินคราม" จะสะดวก เพราะต้องเจอช่วงหฤโหดในศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ที่นักเตะอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, มิคาเอล เอสเซียง จอห์น โอบี มิเกล และ โซโลมอน คาลู จะต้องหายจากทีมไปเดือนเศษๆ แถมสมาธิในการลุ้นแชมป์ของ คาร์โล อันเชลอตติ ถึงเวลากลัวจะไปฝักใฝ่อยู่ที่ถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีกของถนัด และเป็นยอดปรารถนาของประธานสโมสรเสียมากกว่า
ยังมีทีมอย่างอาร์เซนอล ซึ่งตอนนี้กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง เมื่อผู้เล่นในแนวรุกอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, อังเดร อาชาวิน, โทมัส โรซิชกี้ และเชสก์ ฟาเบรกาส สอดประสานกันได้อย่างลงตัว แต่จุดสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าชัยชนะอย่างต่อเนื่องน่าจะมาจาก การแก้ไขปัญหาเกมรับได้สำเร็จ เมื่อ อาร์แซน เวนเกอร์ ไปซื้อ โทมัส เวอร์มาเล่น มาจับคู่กับ วิลเลี่ยม กัลลาส หลังของ "ปืนใหญ่" ก็แข็งแกร่งและไม่เสียง่ายจากลูกโด่งอีกต่อไป แถมยังมีมิดฟิลด์เกมรับอย่าง อเล็กซานเดอร์ ซง ถ้าพิจารณากันให้ดีๆ เขาพัฒนาฟอร์มจนมีส่วนสำคัญในการตัดเกมก่อนที่บอลจะไปถึงกองหลัง ได้เยอะทีเดียว
ใครจะปรามาสว่าเป็นทีมนี้เป็นทีมวัยรุ่นและไร้ประสบการณ์ก็คงไม่ใช่ เพราะผู้เล่นที่ผมเอ่ยถึงส่วนใหญ่ก็เลยช่วงนั้นกันไปหมดแล้ว มองกันยาวๆ โอกาสลุ้นแชมป์ของอาร์เซนอล น่าจะเปิดกว้างไปถึงท้ายฤดูกาลทีเดียว
สัปดาห์ที่ผ่านมาแฟนบอลบ่นไปตามๆกันว่า บอลฤดูกาลนี้คาดเดาลำบาก เพราะทีมใหญ่ๆ ถูกเจาะยางง่ายเหลือเกิน หนำซ้ำบางรายซวยหลายเด้งโดนทุบมาตั้งแต่ราคาหุ้น, ต่อด้วยหวย 00 จบด้วย "ลูกโป่งสีแดง" เข้าให้อีก หน้ามืดกันเป็นแถว เตือนกันได้เพียงว่าทุกสิ่งในโลกล้วนไม่แน่นอน ฤดูกาลยังอีกยาวไกลครับ ถนอมสุขภาพ กำลังเงิน และกำลังใจกันไว้ให้ดีด้วย
พูดถึงความพ่ายแพ้ต่อซันเดอร์แลนด์และกรณี "ลูกโป่งสีแดง" เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอาจจะกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ เมื่อ "หงส์แดง" พลาดท่าซ้ำในบ้านให้กับ โอลิมปิก ลียง จากฝรั่งเศส ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นความปราชัย 4 เกมติดต่อกัน ตั้งแต่เจอกับ ฟิออเรนติน่า เชลซี ซันเดอร์แลนด์ และ ลียง กลายเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบสองทศวรรษของสโมสร แถมยังไม่มีใครกล้าทำนายว่ามันจะหยุดลงเมื่อใด
แถมวันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูล จะเปิดรังแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของทีมนำ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแมตช์ "วันแดงเดือด" ซึ่งกลายเป็นเกมที่ทวีความสำคัญ เพราะนี่อาจจะเป็นนัดชี้ชะตาของยอดโค้ชสเปนอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ ก็ได้
"Changed, we need!" เสียงจากแฟนหงส์แถบถนนพระอาทิตย์ซึ่งเอือมระอากับผลงานและความเอื้ออาทรณ์ต่อ ลูคัส เลว่า ของยอดโค้ชผู้นี้เรียกร้อง
ทว่าฝ่ายบริหารของลิเวอร์พูลจะกล้าเปลี่ยนม้ากลางศึก เปลี่ยนกุนซือกลางฤดูกาลหรือไม่ แล้วถ้าจะเชือดจริง จะเอาใครมาแทน เป็นโจทย์ที่ ทอม ฮิคส์ และจอร์จ จิลเลตต์ จะต้องขบคิดให้ดี
แต่ถ้าถามผม ผมว่าเปลี่ยนเถอะครับ เพราะผมไม่เชื่อว่า หงส์แดงจะกลับมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยฝีมือของกุนซือคนนี้ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่เชื่อ
เรื่องการลุ้นแชมป์ แนะนำว่าให้ลุ้นกันดีๆ ม้าแข่งในการชิงชัยพรีเมียร์ลีกมิได้มีแค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูลหรือเชลซี ซึ่งตอนเริ่มต้นฤดูกาลนั้นบรรดาเกจิทั้งหลายต่างยกให้ เป็นเต็ง 1 เต็งหามอะไรประมาณนั้น แต่ก็ใช่ว่าหนทางของ "สิงโตน้ำเงินคราม" จะสะดวก เพราะต้องเจอช่วงหฤโหดในศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ที่นักเตะอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, มิคาเอล เอสเซียง จอห์น โอบี มิเกล และ โซโลมอน คาลู จะต้องหายจากทีมไปเดือนเศษๆ แถมสมาธิในการลุ้นแชมป์ของ คาร์โล อันเชลอตติ ถึงเวลากลัวจะไปฝักใฝ่อยู่ที่ถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีกของถนัด และเป็นยอดปรารถนาของประธานสโมสรเสียมากกว่า
ยังมีทีมอย่างอาร์เซนอล ซึ่งตอนนี้กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง เมื่อผู้เล่นในแนวรุกอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, อังเดร อาชาวิน, โทมัส โรซิชกี้ และเชสก์ ฟาเบรกาส สอดประสานกันได้อย่างลงตัว แต่จุดสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าชัยชนะอย่างต่อเนื่องน่าจะมาจาก การแก้ไขปัญหาเกมรับได้สำเร็จ เมื่อ อาร์แซน เวนเกอร์ ไปซื้อ โทมัส เวอร์มาเล่น มาจับคู่กับ วิลเลี่ยม กัลลาส หลังของ "ปืนใหญ่" ก็แข็งแกร่งและไม่เสียง่ายจากลูกโด่งอีกต่อไป แถมยังมีมิดฟิลด์เกมรับอย่าง อเล็กซานเดอร์ ซง ถ้าพิจารณากันให้ดีๆ เขาพัฒนาฟอร์มจนมีส่วนสำคัญในการตัดเกมก่อนที่บอลจะไปถึงกองหลัง ได้เยอะทีเดียว
ใครจะปรามาสว่าเป็นทีมนี้เป็นทีมวัยรุ่นและไร้ประสบการณ์ก็คงไม่ใช่ เพราะผู้เล่นที่ผมเอ่ยถึงส่วนใหญ่ก็เลยช่วงนั้นกันไปหมดแล้ว มองกันยาวๆ โอกาสลุ้นแชมป์ของอาร์เซนอล น่าจะเปิดกว้างไปถึงท้ายฤดูกาลทีเดียว
