คอลัมน์ สุดฟากสนาม โดย ธีรพัฒน์ อัครเศรณี
"สุดฟากสนาม" คอลัมน์ที่ผลุบๆโผล่ๆ เหมือน "ลิงลม" ในหน้าหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน แต่เที่ยวนี้ได้ฤกษ์มาประจำการในเล่ม "สุดสัปดาห์" ซึ่งออกประเดิมในช่วงที่เวิลด์คัพ2010 รอบคัดเลือกขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น และทีมใหญ่อย่าง อาร์เจนติน่า กำลังเลือดเข้าตา
พูดถึง "บอลโลก" เชื่อว่าแฟนบอลคงมีครั้งพิเศษสุดในหัวใจกันทุกคนแน่ ส่วนผมเองต้องโน่นเลยครับเมื่อปี 1978 เป็นสมัยแรกที่โตพอจะติดตามได้และกลายเป็นครั้งที่ประทับใจไม่รู้ลืม เพราะบรรยากาศในการแข่งขันครั้งนั้น ดุเดือด เร่าร้อน สมกับสไตล์ละตินที่อาร์เจนติน่า เป็นเจ้าภาพดีเหลือเกิน นึกถึงเมื่อไหร่ก็จะเห็นภาพติดตา ลูกฟุตบอลลาย "แทงโก้" เสาประตูมีสีดำป้ายที่โคนเสาทั้งสองข้าง สายรุ้งและกระดาษสี ที่แฟนฟุตบอลอาร์เจน ขว้างปาลงมาในสนาม นัดชิงชนะเลิศสุดมันและแชมป์ที่สุดท้ายก็ตกเป็นของทีม "ฟ้า-ขาว" ภายใต้การคุมทีมของ ซีซาร์ หลุยส์ เมนอตติ มีกัปตันทีม ดาเนียล พาสซาเรลล่า และดาวซัลโวผมยาวสุดเท่ห์อย่าง มาริโอ เคมเปส
หลังจากนั้นฟุตบอลโลกก็จารึกชื่อ อาร์เจนติน่า เป็นทีมระดับเกรดเอ เป็นขาประจำในการเตะรอบสุดท้ายไม่เคยขาด ไม่ว่าจะเป็นปี 1986 ที่ทีมกลับไปเป็นแชมป์โลกได้อีกครั้งในยุคของนักเตะระบือโลกอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า หรือแม้กระทั่งยุคที่ร่วงแค่รอบแรกในการแข่งขันเมื่อปี 2002
แต่มาในศึกฟุตบอลโลกเที่ยวนี้ ไฉนทีมที่เคยยิ่งใหญ่ จึงต้องมาลุ้นจนตัวโก่งกับโควตาไปเล่นรอบสุดท้ายซึ่งทวีปนี้มีให้ถึง 4 ทีมครึ่ง ส่วนทีมที่จบอันดับ 5 ในกลุ่มต้องไปเล่นเพลย์ออฟกับทีมจากโซนคอนคาเคฟ
ตั้งแต่เมื่อสมาคมฟุตบอลอาร์เจนติน่า ประกาศชื่อหัวหน้าโค้ชคนใหม่เป็นอดีตยอดนักเตะอย่าง มาราโดน่า แฟนบอลฟ้า-ขาวทุกคนหัวใจพองโตด้วยความหวัง แต่เอาเข้าจริงผลงานการคุมทีมของ "เสือเตี้ย" กลับนับวันยิ่งสาละวันเตี้ยลงไปตามหุ่นของเขา มีแต่ข่าวความขัดแย้งในทีม ขณะที่การเลือกนักเตะนั้นก็ไม่เคยเข้าตาสื่อมวลชน เมื่อเขาพยายามฝืนใช้นักเตะชราภาพอย่างฮวน เซบาสเตียน เวรอน และ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ผสมกับเด็กหน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก
สุดท้ายไม่น่าเชื่อว่าทีมที่มีนักเตะระดับพระกาฬให้เลือกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, เซอคิโอ อกูเอโร่, คาร์ลอส เตเวซ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, กาเบรียล ไฮน์เซ่ และ ดิเอโก้ มิลิโต้ กลับอยู่เพียงที่ 5 ในตารางอันดับ ตามหลังอันดับ 4 เอกวาดอร์อยู่ 1 แต้ม และนำหน้าอันดับ 6 อย่างอุรุกวัยอยู่คะแนนเดียวเช่นกัน เหลืออีกสองนัดโอกาสที่ อาร์เจนฯ จะจบที่ 4, 5 หรือ 6 ในตารางเป็นไปได้หมด
โปรแกรมสองนัดที่เหลือของ มาราโดน่า นั้น ต้องเจอกับเปรู ในบ้าน และไปเยือน อุรุกวัย ในนัดสุดท้าย ปลอดภัยที่สุดคือต้องรีบอัดทีมอันดับบ๊วยอย่างเปรู ให้ได้ เกมสุดท้ายจะได้ไม่ต้องลุ้นเหนื่อยนัก
ทว่าก่อนแข่งขันนัดสำคัญกลับมีข่าวระหองระแหงระหว่างหัวหน้าโค้ช มาราโดน่า กับ คาร์ลอส บิลาร์โด้ ผู้จัดการทีม จน "เสือเตี้ย" ร่ำๆว่า จะลาออกหลังสิ้นสุดรอบคัดเลือก
มองไปแล้วขณะที่ทีมซึ่งเคยยิ่งใหญ่อย่าง อาร์เจนติน่า มีแต่ปัญหาเหมือนอาทิตย์กำลังอัสดง ทีมปรปักษ์ร่วมทวีปอย่าง บราซิล กลับมีแต่ข่าวดี ลอยลำเข้ารอบสุดท้ายสบาย
ใจเฉิบ แถมยังมีงานใหญ่อย่างการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2014 และโอลิมปิก 2016 รออยู่อีก เกิดเป็น มาราโดน่า ก็ต้องปลงให้ได้ว่า นี่แหล่ะหนาชีวิต มีขึ้นมีลงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ขึ้นและละขอบฟ้าอยู่ทุกวี่วัน
"สุดฟากสนาม" คอลัมน์ที่ผลุบๆโผล่ๆ เหมือน "ลิงลม" ในหน้าหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน แต่เที่ยวนี้ได้ฤกษ์มาประจำการในเล่ม "สุดสัปดาห์" ซึ่งออกประเดิมในช่วงที่เวิลด์คัพ2010 รอบคัดเลือกขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น และทีมใหญ่อย่าง อาร์เจนติน่า กำลังเลือดเข้าตา
พูดถึง "บอลโลก" เชื่อว่าแฟนบอลคงมีครั้งพิเศษสุดในหัวใจกันทุกคนแน่ ส่วนผมเองต้องโน่นเลยครับเมื่อปี 1978 เป็นสมัยแรกที่โตพอจะติดตามได้และกลายเป็นครั้งที่ประทับใจไม่รู้ลืม เพราะบรรยากาศในการแข่งขันครั้งนั้น ดุเดือด เร่าร้อน สมกับสไตล์ละตินที่อาร์เจนติน่า เป็นเจ้าภาพดีเหลือเกิน นึกถึงเมื่อไหร่ก็จะเห็นภาพติดตา ลูกฟุตบอลลาย "แทงโก้" เสาประตูมีสีดำป้ายที่โคนเสาทั้งสองข้าง สายรุ้งและกระดาษสี ที่แฟนฟุตบอลอาร์เจน ขว้างปาลงมาในสนาม นัดชิงชนะเลิศสุดมันและแชมป์ที่สุดท้ายก็ตกเป็นของทีม "ฟ้า-ขาว" ภายใต้การคุมทีมของ ซีซาร์ หลุยส์ เมนอตติ มีกัปตันทีม ดาเนียล พาสซาเรลล่า และดาวซัลโวผมยาวสุดเท่ห์อย่าง มาริโอ เคมเปส
หลังจากนั้นฟุตบอลโลกก็จารึกชื่อ อาร์เจนติน่า เป็นทีมระดับเกรดเอ เป็นขาประจำในการเตะรอบสุดท้ายไม่เคยขาด ไม่ว่าจะเป็นปี 1986 ที่ทีมกลับไปเป็นแชมป์โลกได้อีกครั้งในยุคของนักเตะระบือโลกอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า หรือแม้กระทั่งยุคที่ร่วงแค่รอบแรกในการแข่งขันเมื่อปี 2002
แต่มาในศึกฟุตบอลโลกเที่ยวนี้ ไฉนทีมที่เคยยิ่งใหญ่ จึงต้องมาลุ้นจนตัวโก่งกับโควตาไปเล่นรอบสุดท้ายซึ่งทวีปนี้มีให้ถึง 4 ทีมครึ่ง ส่วนทีมที่จบอันดับ 5 ในกลุ่มต้องไปเล่นเพลย์ออฟกับทีมจากโซนคอนคาเคฟ
ตั้งแต่เมื่อสมาคมฟุตบอลอาร์เจนติน่า ประกาศชื่อหัวหน้าโค้ชคนใหม่เป็นอดีตยอดนักเตะอย่าง มาราโดน่า แฟนบอลฟ้า-ขาวทุกคนหัวใจพองโตด้วยความหวัง แต่เอาเข้าจริงผลงานการคุมทีมของ "เสือเตี้ย" กลับนับวันยิ่งสาละวันเตี้ยลงไปตามหุ่นของเขา มีแต่ข่าวความขัดแย้งในทีม ขณะที่การเลือกนักเตะนั้นก็ไม่เคยเข้าตาสื่อมวลชน เมื่อเขาพยายามฝืนใช้นักเตะชราภาพอย่างฮวน เซบาสเตียน เวรอน และ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ผสมกับเด็กหน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก
สุดท้ายไม่น่าเชื่อว่าทีมที่มีนักเตะระดับพระกาฬให้เลือกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, เซอคิโอ อกูเอโร่, คาร์ลอส เตเวซ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, กาเบรียล ไฮน์เซ่ และ ดิเอโก้ มิลิโต้ กลับอยู่เพียงที่ 5 ในตารางอันดับ ตามหลังอันดับ 4 เอกวาดอร์อยู่ 1 แต้ม และนำหน้าอันดับ 6 อย่างอุรุกวัยอยู่คะแนนเดียวเช่นกัน เหลืออีกสองนัดโอกาสที่ อาร์เจนฯ จะจบที่ 4, 5 หรือ 6 ในตารางเป็นไปได้หมด
โปรแกรมสองนัดที่เหลือของ มาราโดน่า นั้น ต้องเจอกับเปรู ในบ้าน และไปเยือน อุรุกวัย ในนัดสุดท้าย ปลอดภัยที่สุดคือต้องรีบอัดทีมอันดับบ๊วยอย่างเปรู ให้ได้ เกมสุดท้ายจะได้ไม่ต้องลุ้นเหนื่อยนัก
ทว่าก่อนแข่งขันนัดสำคัญกลับมีข่าวระหองระแหงระหว่างหัวหน้าโค้ช มาราโดน่า กับ คาร์ลอส บิลาร์โด้ ผู้จัดการทีม จน "เสือเตี้ย" ร่ำๆว่า จะลาออกหลังสิ้นสุดรอบคัดเลือก
มองไปแล้วขณะที่ทีมซึ่งเคยยิ่งใหญ่อย่าง อาร์เจนติน่า มีแต่ปัญหาเหมือนอาทิตย์กำลังอัสดง ทีมปรปักษ์ร่วมทวีปอย่าง บราซิล กลับมีแต่ข่าวดี ลอยลำเข้ารอบสุดท้ายสบาย
ใจเฉิบ แถมยังมีงานใหญ่อย่างการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2014 และโอลิมปิก 2016 รออยู่อีก เกิดเป็น มาราโดน่า ก็ต้องปลงให้ได้ว่า นี่แหล่ะหนาชีวิต มีขึ้นมีลงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ขึ้นและละขอบฟ้าอยู่ทุกวี่วัน