คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
ตอนแรกผู้เขียนตั้งใจจะเชิดชูปรากฏการณ์การสตาร์ทอันสวยหรูของเหล่าพลพรรค “ม้าป่า” เดนเวอร์ บรองโกส์ ที่ออกตัวชนะ 4-0 เกม เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2003 ทั้งที่โดนสบประมาทเอาไว้เยอะ จากปัญหาต่างๆ ที่ถลาโถมเข้าใส่ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา
แต่ต้องขอติดไว้เป็นสัปดาห์หน้า เพราะ บรองโกส์ ต้องเจอบทพิสูจน์ของแท้เตรียมรับการมาเยือนของ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ศิษย์จะล้างครูได้สำเร็จหรือไม่ ไว้เจอกัน จอช แม็คแดเนียลส์ กับ บิลล์ บีลีชิก ส่วนพื้นที่ต่อจากนี้ไม่มีประเด็นใดน่าสนใจไปกว่าการที่ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ นำทัพ มินเนโซตา ไวกิงส์ พิชิตชัยเหนือ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ต้นสังกัดเก่า 30-23
ด้วยการจราจรที่ติดขัดทำให้กว่าจะบึ่งกลับไปชมศึกมันเดย์ไนท์ นัดประวัติศาสตร์ เวลาก็ล่วงเลยไปถึงครึ่งทางของควอเตอร์ที่สอง แต่ยังทันได้เห็น ฟาร์ฟ ควอเตอร์แบ็กที่จะอายุครบ 40 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ปั้นไดรฟ์ก่อนขว้างทัชดาวน์ให้แก่ ซิดนีย์ ไรซ์ ส่งเจ้าถิ่นนำ 14-7 โดยตลอดทั้งเกมที่นั่งชมบอกได้คำเดียวว่าไม่เคยเห็น ฟาร์ฟ เล่นได้สุดยอดไร้ที่ติเช่นนี้มาก่อน
ฟาร์ฟ ใช้ความเก๋าและฝีมือตอบทุกคำถามที่ใครหลายคนคลางแคลงใจได้หมด และด้วยอะดรีนาลีนที่พรั่งพรูทำให้เราได้เห็น ฟาร์ฟ เล่น (อเมริกัน) ฟุตบอลสนุกอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน ผลงานการขว้างเข้าเป้า 24 จาก 31 ครั้ง ได้ระยะ 271 หลา 3 ทัชดาวน์ ไม่เสียแม้แต่เทิร์นโอเวอร์เดียว พิสูจน์ให้ เท็ด ธอมป์สัน ผู้จัดการทั่วไป กับ ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ หัวหน้าโค้ช “แพ็คส์แมน” ได้คิดว่าตกลงแล้วเมื่อช่วงหน้าร้อนปี 2007 พวกเขาคิดผิดไปหรือไม่ที่ไม่คืนตำแหน่งจอมทัพให้แก่ ฟาร์ฟ เลือกเดินหน้าไปกับคนหนุ่มอย่าง แอรอน ร็อดเจอร์ส
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะที่ส่งให้ ไวกิงส์ สตาร์ท 4-0 เกม คงไม่ได้มาจาก ฟาร์ฟ เพียงคนเดียว ซึ่งเจ้าตัวให้สัมภาษณ์หลังเกมผ่าน “อีเอสพีเอ็น” ด้วยการให้เครดิตบรรดาออฟเฟนซีฟ ไลน์ ที่ค้ำยันให้เขามีเวลาจับเป้าหมาย ปั๊มเฟดขว้างบอลได้ตามอำเภอใจ และเมื่อผมเห็น ไวกิงส์ เล่นได้แบบนี้ จึงเข้าใจเหตุผลเลยว่าทำไม ฟาร์ฟ ถึงเลือกมาอยู่ที่นี่ เพราะทีมนี้สามารถส่ง ฟาร์ฟ ถึงฝั่งฝันซูเปอร์โบว์ลอีกสักครั้ง หลังจากที่ปีก่อนบ้อท่าในบั้นปลายกับ นิวยอร์ก เจ็ตส์
นอกจากออฟเฟนซีฟ ไลน์ ที่ช่วยปกป้องไม่ให้ ฟาร์ฟ ต้องลงไปนอนโอดโอย อาวุธในเกมรุกของ ไวกิงส์ เพียบพร้อม เอเดรียน พีเทอร์สัน สลับกับ เชสเตอร์ เทย์เลอร์ ทะลวงภาคพื้นดิน ทางอากาศนึกว่า แรนดี มอสส์ อยู่ที่นี้เสียอีก เมื่อได้เห็น ซิดนีย์ ไรซ์ ปีกนอกผมยาวรับบอลสวยๆ หลายครั้ง ถ้าหัวหน้าโค้ช แบรด ชิลเดรสส์ รู้จักใช้งาน ฟาร์ฟ อย่างทะนุถนอม กอปรกับทีมรับที่นำมาโดย จาเรด อัลเลน สุดยอดดีเฟนด์ซีฟ เอนด์ ยังไล่ตระครุบควอเตอร์แบ็กฝั่งตรงข้ามได้อย่างต่อเนื่อง “ฟาร์ฟ แอนด์ เดอะ แก๊งค์” มีลุ้นเฮยาวๆ แน่นอน
ตอนแรกผู้เขียนตั้งใจจะเชิดชูปรากฏการณ์การสตาร์ทอันสวยหรูของเหล่าพลพรรค “ม้าป่า” เดนเวอร์ บรองโกส์ ที่ออกตัวชนะ 4-0 เกม เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2003 ทั้งที่โดนสบประมาทเอาไว้เยอะ จากปัญหาต่างๆ ที่ถลาโถมเข้าใส่ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา
แต่ต้องขอติดไว้เป็นสัปดาห์หน้า เพราะ บรองโกส์ ต้องเจอบทพิสูจน์ของแท้เตรียมรับการมาเยือนของ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ศิษย์จะล้างครูได้สำเร็จหรือไม่ ไว้เจอกัน จอช แม็คแดเนียลส์ กับ บิลล์ บีลีชิก ส่วนพื้นที่ต่อจากนี้ไม่มีประเด็นใดน่าสนใจไปกว่าการที่ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ นำทัพ มินเนโซตา ไวกิงส์ พิชิตชัยเหนือ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ต้นสังกัดเก่า 30-23
ด้วยการจราจรที่ติดขัดทำให้กว่าจะบึ่งกลับไปชมศึกมันเดย์ไนท์ นัดประวัติศาสตร์ เวลาก็ล่วงเลยไปถึงครึ่งทางของควอเตอร์ที่สอง แต่ยังทันได้เห็น ฟาร์ฟ ควอเตอร์แบ็กที่จะอายุครบ 40 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ปั้นไดรฟ์ก่อนขว้างทัชดาวน์ให้แก่ ซิดนีย์ ไรซ์ ส่งเจ้าถิ่นนำ 14-7 โดยตลอดทั้งเกมที่นั่งชมบอกได้คำเดียวว่าไม่เคยเห็น ฟาร์ฟ เล่นได้สุดยอดไร้ที่ติเช่นนี้มาก่อน
ฟาร์ฟ ใช้ความเก๋าและฝีมือตอบทุกคำถามที่ใครหลายคนคลางแคลงใจได้หมด และด้วยอะดรีนาลีนที่พรั่งพรูทำให้เราได้เห็น ฟาร์ฟ เล่น (อเมริกัน) ฟุตบอลสนุกอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน ผลงานการขว้างเข้าเป้า 24 จาก 31 ครั้ง ได้ระยะ 271 หลา 3 ทัชดาวน์ ไม่เสียแม้แต่เทิร์นโอเวอร์เดียว พิสูจน์ให้ เท็ด ธอมป์สัน ผู้จัดการทั่วไป กับ ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ หัวหน้าโค้ช “แพ็คส์แมน” ได้คิดว่าตกลงแล้วเมื่อช่วงหน้าร้อนปี 2007 พวกเขาคิดผิดไปหรือไม่ที่ไม่คืนตำแหน่งจอมทัพให้แก่ ฟาร์ฟ เลือกเดินหน้าไปกับคนหนุ่มอย่าง แอรอน ร็อดเจอร์ส
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะที่ส่งให้ ไวกิงส์ สตาร์ท 4-0 เกม คงไม่ได้มาจาก ฟาร์ฟ เพียงคนเดียว ซึ่งเจ้าตัวให้สัมภาษณ์หลังเกมผ่าน “อีเอสพีเอ็น” ด้วยการให้เครดิตบรรดาออฟเฟนซีฟ ไลน์ ที่ค้ำยันให้เขามีเวลาจับเป้าหมาย ปั๊มเฟดขว้างบอลได้ตามอำเภอใจ และเมื่อผมเห็น ไวกิงส์ เล่นได้แบบนี้ จึงเข้าใจเหตุผลเลยว่าทำไม ฟาร์ฟ ถึงเลือกมาอยู่ที่นี่ เพราะทีมนี้สามารถส่ง ฟาร์ฟ ถึงฝั่งฝันซูเปอร์โบว์ลอีกสักครั้ง หลังจากที่ปีก่อนบ้อท่าในบั้นปลายกับ นิวยอร์ก เจ็ตส์
นอกจากออฟเฟนซีฟ ไลน์ ที่ช่วยปกป้องไม่ให้ ฟาร์ฟ ต้องลงไปนอนโอดโอย อาวุธในเกมรุกของ ไวกิงส์ เพียบพร้อม เอเดรียน พีเทอร์สัน สลับกับ เชสเตอร์ เทย์เลอร์ ทะลวงภาคพื้นดิน ทางอากาศนึกว่า แรนดี มอสส์ อยู่ที่นี้เสียอีก เมื่อได้เห็น ซิดนีย์ ไรซ์ ปีกนอกผมยาวรับบอลสวยๆ หลายครั้ง ถ้าหัวหน้าโค้ช แบรด ชิลเดรสส์ รู้จักใช้งาน ฟาร์ฟ อย่างทะนุถนอม กอปรกับทีมรับที่นำมาโดย จาเรด อัลเลน สุดยอดดีเฟนด์ซีฟ เอนด์ ยังไล่ตระครุบควอเตอร์แบ็กฝั่งตรงข้ามได้อย่างต่อเนื่อง “ฟาร์ฟ แอนด์ เดอะ แก๊งค์” มีลุ้นเฮยาวๆ แน่นอน