เบร็ตต์ ฟาร์ฟ โชว์ความเก๋าให้ต้นสังกัดเก่าได้เห็น ขว้าง 3 ทัชดาวน์ช่วยให้ มินเนโซตา ไวกิงส์ เปิดบ้านถลุงเอาชนะ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส 30-23 ในเกมมันเดย์ไนท์ของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประจำสัปดาห์ที่ 4
ที่มินเนโซตา : เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ฉลองวันเกิดอายุครบ 40 ปี ล่วงหน้า (วันที่ 10 ตุลาคม) มอบของขวัญให้ตัวเองด้วยการทำผลงานไร้ที่ติช่วย มินเนโซตา ไวกิงส์ พิชิตชัยเหนือ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ที่เขาเคยเป็นขวัญใจอยู่ที่นั่นมา 16 ปีเต็ม
แม้บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามสื่อว่าต้องการล้างแค้น แพ็คเกอร์ส หรือไม่ ครั้งที่ เท็ด ธอมป์สัน ผู้จัดการทั่วไป และ ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ ปฏิเสธมอบตำแหน่งจอมทัพคืนให้แก่ ฟาร์ฟ ครั้งรีไทร์ก่อนรีเทิร์นสู่ลีกเมื่อปี 2008 โดย “แพ็คส์แมน” ขอเดินหน้าไปกับควอเตอร์แบ็กคนหนุ่มอย่าง แอรอน ร็อดเจอร์ส แต่ผลงานที่จอมทัพระดับตำนานวัย 39 ปี ทำได้สุดยอดในสนามคืนนี้ เสมือนเป็นคำตอบกลายๆ ว่าต้นสังกัดเก่าของเขาอาจคิดผิดมหันต์
โดย ฟาร์ฟ ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญามานำทัพ ไวกิงส์ เมื่อช่วงหน้าร้อน หลังฤดูกาลก่อนบ้อท่าในบั้นปลายกับ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ยังโชว์ทั้งความเฉียบขาดและความเก๋าออกมาให้เห็นเต็มประดา ขว้างเข้าเป้า 24 จาก 31 ครั้ง ได้ระยะ 271 หลา 3 ทัชดาวน์ให้แก่ วิซานติ เชียนโค, ซิดนีย์ ไรซ์ และ เบอร์นาร์ด เบอร์เรียน ไม่เสียอินเทอร์เซปต์ หรือก่อให้เกิดเทิร์นโอเวอร์แม้แต่หนเดียว เรตติ้งการขว้างสุดหรู 135.3
ขณะที่ เอเดรียน พีเทอร์สัน รันนิงแบ็กตัวทีเด็ดเกือบทำงานพัง เมื่อเสียฟัมเบิลโดน เคลย์ แม็ทธิวส์ กระชากบอลไปจากอ้อมอก ก่อนวิ่งย้อนทัชดาวน์ช่วยให้ แพ็คเกอร์ส ตามเจ๊า 14-14 ช่วงปลายควอเตอร์ที่สอง แต่ ฟาร์ฟ นำทัพ ไวกิงส์ รุกคืบขึ้นมาเคาะประตูบ้านทีมเยือน ก่อนยัดบอลให้ พีเทอร์สัน วิ่งกระทุ้งตรงกลางระยะแค่หลาเดียวเข้าเอ็นด์โซนช่วยเจ้าถิ่นนำเป็น 21-14 เมื่อจบครึ่งแรก
ครึ่งหลัง ไวกิงส์ ฉีกหนีออกไปจากการที่ ฟาร์ฟ ขว้างทัชดาวน์ 31 หลาเข้ามือ เบอร์เรียน แถมทาง ร็อดเจอร์ส ยังมาเสียเซฟตี้แถมให้อีกทำให้เจ้าบ้านทิ้งถึง 30-14 เมื่อผ่านครึ่งทางของควอเตอร์ที่ 4 แม้ ร็อดเจอร์ส แก้ตัวขว้าง 33 หลาให้ จอร์ดี เนลสัน รับสกอร์ (แต่เปลี่ยนสองแต้มไม่สำเร็จ) อีกทั้งนำทีมบุกไปจ่อหน้าบ้านของ ไวกิงส์ แต่ท้ายที่สุดตีคืนมาจากการเตะฟิลด์โกล 31 หลาของ เมสัน ครอสบี เข้าไป ต้องมาวัดดวงจากการเตะออนไซด์คิก ซึ่ง ไรซ์ ปีกตัวเก่งเจ้าบ้านลงมาเล่นทีมพิเศษและก็กระโดดโผขึ้นไปรับบอลได้เป็นอันปิดเกม
ภายหลังการแข่งขัน ฟาร์ฟ จับไม้จับมือกับบรรดาเพื่อนเก่า โดนัลด์ ไดรฟ์เวอร์ อดีตปีกคู่ใจโผเข้ามาสวมกอดแสดงความยินดีด้วยหลังเกม จากนั้น ฟาร์ฟ ก็เข้าไปกอด ร็อดเจอร์ส ซึ่งเคยเรียนรู้งานจากเขามาร่วม 3 ปี และวันนี้แม้ ร็อดเจอร์ส ผิดพลาดช่วงต้นเกม แต่สุดท้ายก็ขว้างไปเบ็ดเสร็จ 384 หลา (ระยะมากที่สุดในการเล่นอาชีพ) 2 ทัชดาวน์ เสียหนึ่งอินเทอร์เซปต์ และก็โดนแซ็คไปถึง 8 หน 4 ½ ครั้ง เป็นผลงานของ จาเรด อัลเลน สุดยอดดีเฟนด์ซีฟ เอนด์
หลังจากนั้น ฟาร์ฟ ซึ่งพา ไวกิงส์ ออกสตาร์ทชนะรวดทั้ง 4 เกม ที่สำคัญเพิ่งล้ม แพ็คเกอร์ส อริร่วมกลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ ของต้นสังกัดใหม่ไปหมาดๆ ให้สัมภาษณ์กับ “เอพี” สื่อชั้นนำ “สนุกมาก นี่ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา เราทำอะไรในสิ่งที่ควรจะทำ”
เมื่อถูกนักข่าวกระแซะถามความรู้สึกที่ล้มทีมเก่าลงได้ ฟาร์ฟ ยังคงเลี่ยงที่จะพูดตรงๆ เหมือนเดิม “ถ้อยแถลงของผมยังเหมือนกับสิ่งที่ผมทำมาตลอดทั้งอาชีพ แค่เกมเดียวไม่สามารถมากำหนดได้หรอกว่าอาชีพการงานของผมนั้นดีหรือว่าแย่ ผมรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ผมภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ ผมรู้ว่ายังสามารถเล่น (อเมริกัน) ฟุตบอลได้ ผมต้องการทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ”
ที่มินเนโซตา : เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ฉลองวันเกิดอายุครบ 40 ปี ล่วงหน้า (วันที่ 10 ตุลาคม) มอบของขวัญให้ตัวเองด้วยการทำผลงานไร้ที่ติช่วย มินเนโซตา ไวกิงส์ พิชิตชัยเหนือ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ที่เขาเคยเป็นขวัญใจอยู่ที่นั่นมา 16 ปีเต็ม
แม้บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามสื่อว่าต้องการล้างแค้น แพ็คเกอร์ส หรือไม่ ครั้งที่ เท็ด ธอมป์สัน ผู้จัดการทั่วไป และ ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ ปฏิเสธมอบตำแหน่งจอมทัพคืนให้แก่ ฟาร์ฟ ครั้งรีไทร์ก่อนรีเทิร์นสู่ลีกเมื่อปี 2008 โดย “แพ็คส์แมน” ขอเดินหน้าไปกับควอเตอร์แบ็กคนหนุ่มอย่าง แอรอน ร็อดเจอร์ส แต่ผลงานที่จอมทัพระดับตำนานวัย 39 ปี ทำได้สุดยอดในสนามคืนนี้ เสมือนเป็นคำตอบกลายๆ ว่าต้นสังกัดเก่าของเขาอาจคิดผิดมหันต์
โดย ฟาร์ฟ ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญามานำทัพ ไวกิงส์ เมื่อช่วงหน้าร้อน หลังฤดูกาลก่อนบ้อท่าในบั้นปลายกับ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ยังโชว์ทั้งความเฉียบขาดและความเก๋าออกมาให้เห็นเต็มประดา ขว้างเข้าเป้า 24 จาก 31 ครั้ง ได้ระยะ 271 หลา 3 ทัชดาวน์ให้แก่ วิซานติ เชียนโค, ซิดนีย์ ไรซ์ และ เบอร์นาร์ด เบอร์เรียน ไม่เสียอินเทอร์เซปต์ หรือก่อให้เกิดเทิร์นโอเวอร์แม้แต่หนเดียว เรตติ้งการขว้างสุดหรู 135.3
ขณะที่ เอเดรียน พีเทอร์สัน รันนิงแบ็กตัวทีเด็ดเกือบทำงานพัง เมื่อเสียฟัมเบิลโดน เคลย์ แม็ทธิวส์ กระชากบอลไปจากอ้อมอก ก่อนวิ่งย้อนทัชดาวน์ช่วยให้ แพ็คเกอร์ส ตามเจ๊า 14-14 ช่วงปลายควอเตอร์ที่สอง แต่ ฟาร์ฟ นำทัพ ไวกิงส์ รุกคืบขึ้นมาเคาะประตูบ้านทีมเยือน ก่อนยัดบอลให้ พีเทอร์สัน วิ่งกระทุ้งตรงกลางระยะแค่หลาเดียวเข้าเอ็นด์โซนช่วยเจ้าถิ่นนำเป็น 21-14 เมื่อจบครึ่งแรก
ครึ่งหลัง ไวกิงส์ ฉีกหนีออกไปจากการที่ ฟาร์ฟ ขว้างทัชดาวน์ 31 หลาเข้ามือ เบอร์เรียน แถมทาง ร็อดเจอร์ส ยังมาเสียเซฟตี้แถมให้อีกทำให้เจ้าบ้านทิ้งถึง 30-14 เมื่อผ่านครึ่งทางของควอเตอร์ที่ 4 แม้ ร็อดเจอร์ส แก้ตัวขว้าง 33 หลาให้ จอร์ดี เนลสัน รับสกอร์ (แต่เปลี่ยนสองแต้มไม่สำเร็จ) อีกทั้งนำทีมบุกไปจ่อหน้าบ้านของ ไวกิงส์ แต่ท้ายที่สุดตีคืนมาจากการเตะฟิลด์โกล 31 หลาของ เมสัน ครอสบี เข้าไป ต้องมาวัดดวงจากการเตะออนไซด์คิก ซึ่ง ไรซ์ ปีกตัวเก่งเจ้าบ้านลงมาเล่นทีมพิเศษและก็กระโดดโผขึ้นไปรับบอลได้เป็นอันปิดเกม
ภายหลังการแข่งขัน ฟาร์ฟ จับไม้จับมือกับบรรดาเพื่อนเก่า โดนัลด์ ไดรฟ์เวอร์ อดีตปีกคู่ใจโผเข้ามาสวมกอดแสดงความยินดีด้วยหลังเกม จากนั้น ฟาร์ฟ ก็เข้าไปกอด ร็อดเจอร์ส ซึ่งเคยเรียนรู้งานจากเขามาร่วม 3 ปี และวันนี้แม้ ร็อดเจอร์ส ผิดพลาดช่วงต้นเกม แต่สุดท้ายก็ขว้างไปเบ็ดเสร็จ 384 หลา (ระยะมากที่สุดในการเล่นอาชีพ) 2 ทัชดาวน์ เสียหนึ่งอินเทอร์เซปต์ และก็โดนแซ็คไปถึง 8 หน 4 ½ ครั้ง เป็นผลงานของ จาเรด อัลเลน สุดยอดดีเฟนด์ซีฟ เอนด์
หลังจากนั้น ฟาร์ฟ ซึ่งพา ไวกิงส์ ออกสตาร์ทชนะรวดทั้ง 4 เกม ที่สำคัญเพิ่งล้ม แพ็คเกอร์ส อริร่วมกลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ ของต้นสังกัดใหม่ไปหมาดๆ ให้สัมภาษณ์กับ “เอพี” สื่อชั้นนำ “สนุกมาก นี่ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา เราทำอะไรในสิ่งที่ควรจะทำ”
เมื่อถูกนักข่าวกระแซะถามความรู้สึกที่ล้มทีมเก่าลงได้ ฟาร์ฟ ยังคงเลี่ยงที่จะพูดตรงๆ เหมือนเดิม “ถ้อยแถลงของผมยังเหมือนกับสิ่งที่ผมทำมาตลอดทั้งอาชีพ แค่เกมเดียวไม่สามารถมากำหนดได้หรอกว่าอาชีพการงานของผมนั้นดีหรือว่าแย่ ผมรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ผมภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ ผมรู้ว่ายังสามารถเล่น (อเมริกัน) ฟุตบอลได้ ผมต้องการทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ”