คอลัมน์ "The Golf Touch" โดย "วันปีย์ สัจจมาร์ค"
เรามาต่อกันจากสัปดาห์ที่แล้วเรื่อง "แรง”ครับ ฉบับที่แล้วเขียนถึงเรื่องแรงที่ได้มาเมื่อออกแรงมากขึ้น และเรื่องแรงบิดที่เป็นส่วนในการช่วยสร้างพลังให้นักกอล์ฟ วันนี้เราจะเพิ่มเรื่อง “แรงจากการถ่ายน้ำหนัก” ซึ่งต้องอาศัยความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อ รวมถึงความยืดหยุ่นพอสมควร
ก่อนอื่นเลยต้องเข้าใจให้ตรงกันว่า ณ จุดปะทะลูก น้ำหนักตัวจะต้องอยู่หลังจุดปะทะนั้นแ ละเคลื่อนตัวต่อจากจุดนั้นไปสู่การจบวงสวิง แรงที่เกิดจากเคลื่อนไหวถ่ายน้ำหนัก มีข้อด้อยเรื่องความไม่สม่ำเสมอ นักกอล์ฟมีมีโอกาสที่จะทำผิดและโยกตัวแทนที่จะบิดตัวในการถ่ายน้ำหนัก
จะฝึกฝนให้ดีได้ กล้ามเนื้อท้องและกล้ามเนื้อหลังจะต้องยืดหยุ่นและแข็งแรง อาจจะต้องมีการออกกำลังกายเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มศักยภาพของกล้ามเนื้อดังกล่าว นอกเหนือจากนี้ คนที่จะใช้แรงจากการถ่ายน้ำหนักได้ดีจะต้องควบคุมจังหวะได้ดี มิฉะนั้นจะเสียมากกว่าได้
ฟังดูแล้วเหมือนมีข้อเสียมากกว่าข้อดีนะครับ แต่จริงๆแล้วคุ้มกับการฝึกหัดครับ เพราะว่าเมื่อเราทำได้ จะช่วยให้เราเล่นลูกจากสภาพพื้นเอียงลักษณะต่างๆได้ดีขึ้น รวมถึงการนำไปประกอบการควบคุมวิถีลูกกอล์ฟให้ลอยโด่ง พุ่งต่ำ หรือแม้กระทั่งบังคับให้ลูกกอล์ฟเลี้ยวได้ตามสั่ง
แรงสุดท้ายเป็นเรื่องที่จะช่วยนักกอล์ฟเรื่องระยะได้มากที่สุด นั่นก็คือ “แรงดีด” ซึ่งเป็นแรงที่มีพลังมากที่สุดในบรรดา 4 แรง การดีดตัวของแขนขวาและข้อมือทั้ง 2 ข้าง เป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ของนักกอล์ฟทุกเพศและทุกวัย นักกอล์ฟส่วนมากที่ตีไม่ค่อยได้ระยะมักจะคลายข้อมือหรือมีอาการดีดออกก่อนเวลาอันควร
จุดสังเกตอีกข้อก็คือ นอกจากจะไม่ได้ระยะแล้วยัง “หลังลูก”ค่อนข้างบ่อย ลองดูภาพ VDO หรือภาพนิ่งในช่วงเริ่มต้นของdownswing จากโปรระดับโลกที่ท่านชื่นชอบแล้วจะเห็นว่า มุมพับของข้อมือนั้นเป็นมุมที่แคบลงกว่าตอนขึ้นสุดของ backswing ด้วยซ้ำ พวกเขารักษามุมแคบนั้นไว้ให้จนถึงระดับประมาณกลางลำตัวแล้วค่อยคลายออกหรือว่าปล่อยให้ดีด การดีดนี้สามารถสร้างความเร็วให้กับหัวไม้ได้มหาศาล แต่จะเก็บเกี่ยวพลังดังกล่าวได้ต้องปะทะลูกที่กลางหน้าไม้ด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นจะเสียทั้งระยะและทิศทาง
เรามาต่อกันจากสัปดาห์ที่แล้วเรื่อง "แรง”ครับ ฉบับที่แล้วเขียนถึงเรื่องแรงที่ได้มาเมื่อออกแรงมากขึ้น และเรื่องแรงบิดที่เป็นส่วนในการช่วยสร้างพลังให้นักกอล์ฟ วันนี้เราจะเพิ่มเรื่อง “แรงจากการถ่ายน้ำหนัก” ซึ่งต้องอาศัยความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อ รวมถึงความยืดหยุ่นพอสมควร
ก่อนอื่นเลยต้องเข้าใจให้ตรงกันว่า ณ จุดปะทะลูก น้ำหนักตัวจะต้องอยู่หลังจุดปะทะนั้นแ ละเคลื่อนตัวต่อจากจุดนั้นไปสู่การจบวงสวิง แรงที่เกิดจากเคลื่อนไหวถ่ายน้ำหนัก มีข้อด้อยเรื่องความไม่สม่ำเสมอ นักกอล์ฟมีมีโอกาสที่จะทำผิดและโยกตัวแทนที่จะบิดตัวในการถ่ายน้ำหนัก
จะฝึกฝนให้ดีได้ กล้ามเนื้อท้องและกล้ามเนื้อหลังจะต้องยืดหยุ่นและแข็งแรง อาจจะต้องมีการออกกำลังกายเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มศักยภาพของกล้ามเนื้อดังกล่าว นอกเหนือจากนี้ คนที่จะใช้แรงจากการถ่ายน้ำหนักได้ดีจะต้องควบคุมจังหวะได้ดี มิฉะนั้นจะเสียมากกว่าได้
ฟังดูแล้วเหมือนมีข้อเสียมากกว่าข้อดีนะครับ แต่จริงๆแล้วคุ้มกับการฝึกหัดครับ เพราะว่าเมื่อเราทำได้ จะช่วยให้เราเล่นลูกจากสภาพพื้นเอียงลักษณะต่างๆได้ดีขึ้น รวมถึงการนำไปประกอบการควบคุมวิถีลูกกอล์ฟให้ลอยโด่ง พุ่งต่ำ หรือแม้กระทั่งบังคับให้ลูกกอล์ฟเลี้ยวได้ตามสั่ง
แรงสุดท้ายเป็นเรื่องที่จะช่วยนักกอล์ฟเรื่องระยะได้มากที่สุด นั่นก็คือ “แรงดีด” ซึ่งเป็นแรงที่มีพลังมากที่สุดในบรรดา 4 แรง การดีดตัวของแขนขวาและข้อมือทั้ง 2 ข้าง เป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ของนักกอล์ฟทุกเพศและทุกวัย นักกอล์ฟส่วนมากที่ตีไม่ค่อยได้ระยะมักจะคลายข้อมือหรือมีอาการดีดออกก่อนเวลาอันควร
จุดสังเกตอีกข้อก็คือ นอกจากจะไม่ได้ระยะแล้วยัง “หลังลูก”ค่อนข้างบ่อย ลองดูภาพ VDO หรือภาพนิ่งในช่วงเริ่มต้นของdownswing จากโปรระดับโลกที่ท่านชื่นชอบแล้วจะเห็นว่า มุมพับของข้อมือนั้นเป็นมุมที่แคบลงกว่าตอนขึ้นสุดของ backswing ด้วยซ้ำ พวกเขารักษามุมแคบนั้นไว้ให้จนถึงระดับประมาณกลางลำตัวแล้วค่อยคลายออกหรือว่าปล่อยให้ดีด การดีดนี้สามารถสร้างความเร็วให้กับหัวไม้ได้มหาศาล แต่จะเก็บเกี่ยวพลังดังกล่าวได้ต้องปะทะลูกที่กลางหน้าไม้ด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นจะเสียทั้งระยะและทิศทาง
