หลังจาก มารัต ซาฟิน อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวรัสเซีย ยิงแบ็คแฮนด์ติดเนตของคอร์ต หลุยส์ อาร์มสตรอง ซึ่งถือเป็นสเตเดียมสองของ "ยูเอส โอเพน 2009" ณ มหานคร นิวยอร์ก วินาทีนั้นแกรนด์สแลมของ "เดอะ ไจแอนต์" ถึงเวลารูดม่านปิดฉากลง หากแต่เส้นทางนักหวดอาชีพของหนุ่มจากมอสโคว์ยังเหลือ "พีทีที ไทยแลนด์ โอเพน" ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้าเป็นหนึ่งใน "สถานีปลายทาง" ก่อนที่อดีตแชมป์แกรนด์สแลม 2 สมัยจะประกาศแขวนแร็กเกตอย่างไปทางการหลังจบฤดูกาลนี้
สำหรับ ซาฟิน เริ่มเล่นเทนนิสในปี 1997 ก่อนสร้างชื่ออย่างรวดเร็วในอีก 3 ปีถัดมาเมื่อสามารถโค่น พีต แซมพราส ตำนานอเมริกันคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพน 2000 มาครองได้สำเร็จพร้อมขยับขึ้นไปครองมือ 1 ของโลกด้วยวัยเพียง 20 ปี เริ่มต้นเส้นทางอันสดใสของ "ว่าที่ตำนาน" ในวงการเทนนิสโลก
อย่างไรก็ตาม ซาฟิน ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บแทบไม่ได้ลงเล่นในฤดูกาล 2003 ซึ่งหลังจากคืนคอร์ตกลับมาความมั่นใจที่เคยมีกลับเลือนหายไป เหลือไว้แต่อารมณ์ฉุนเฉียวซึ่งยังคงแสดงออกมาอย่างต่อเนื่องแม้อายุจะเพิ่มมากขึ้น กระทั่งต้นปี 2009 เจ้าตัวประกาศเตรียมแขวนแร็กเกตทันทีหลังสิ้นสุดฤดูกาลเนื่องจาก "หมดไฟ" ในการแข่งขัน ซึ่งหลังจากพ่ายแพ้ตกรอบแรก ยูเอส โอเพน เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา(2ก.ย.) กิริยาและบทสัมภาษณ์ที่ ซาฟิน แสดงออกมาให้แฟนทั่วโลกได้เห็นเหมือนเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าการอำลาโลกสักหลาดในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
แม้ว่าโฆษกสนามจะประกาศให้เกียรติ ซาฟิน ในแมตช์สุดท้ายของเขาในแกรนด์สแลมว่า "อดีตแชมป์ แชมป์ตลอดกาล มารัต ซาฟิน" หากแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจกับเสียงปรบมือกึกก้องของผู้ชมในสนามมากนัก เพียงแต่หยิบแร็กเกตใส่กระเป๋าพร้อมชูมือขึ้นขอบคุณแฟนๆเหมือนแมตช์ปกติทั่วไป ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยท่าทางนิ่งเฉยว่า "จบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว ผมพอใจกับผลการแข่งขัน ความพ่ายแพ้ไม่ได้ทำให้ผมเสียใจอีกต่อไป"
ทั้งนี้ ผลงานของ ซาฟิน วัย 29 ปีในแมตช์พ่าย เมลเซอร์ ยังถือว่าอยู่ในระดับหัวแถวของเทนนิสชายเมื่อเขาเสิร์ฟเอซได้ถึง 15 ลูกยิงวินเนอร์ได้ 40 ครั้งและเสียเอง 29 ครั้งหากแต่ "ความกระหาย" ในเกมเทนนิสของเขานั้นได้จางไปหมดแล้วเมื่อออกมากล่าวว่า "ผมประสบความสำเร็จในสิ่งที่ผมควรจะทำสำเร็จ จากนี้คงต้องไปทำอย่างอื่นแล้ว ผมว่ามันยุติธรรมต่อทุกฝ่าย"
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หวดร่าง 193 เซนติเมตร กล่าวกับผู้สื่อข่าว นิวยอร์ก ไทม์ส อย่างไม่ลังเลว่า "จริงๆแล้วผมเกลียดการแข่งขัน" (I hate The Competition) ดังนั้นจึงเกิดคำถามขึ้นว่า แชมป์ ยูเอส โอเพน 2000, ออสเตรเลียน โอเพน 2005 และ เอทีพี อีก 13 รายการ เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่ง ซาฟิน ตอบเพียงสั้นๆว่า "เกิดจากความมหัศจรรย์"
เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของอาชีพนักเทนนิส ซาฟิน ปิดเว็บไซต์ส่วนตัว Maratsafin.com ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีโปรแกรมลงสนามโดยปลายเดือนกันยายนี้ อดีตมือ 1 โลก จะร่วมลงแข่งขัน "พีทีที ไทยแลนด์ โอเพน" เป็นสมัยที่ 4 ซึ่ง บีอีซี เทโรฯ ในฐานะฝ่ายจัดการแข่งขันเปรยว่าอาจมีการจัดงานอำลาและมอบของขวัญให้กับยอดหวดผู้นี้เป็นที่ระลึก ส่วนทัวร์นาเมนต์ "สุดท้าย" นั้นคาดการณ์ว่าน่าจะเป็น เคลมลิน คัพ ที่ มอสโคว์ บ้านเกิด ในเดือนตุลาคม หรือ ปารีส มาสเตอร์ส ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นรายการโปรดที่ ซาฟิน สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 3 สมัย