เมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด ทีมหัวตารางศึกไทยพรีเมียร์ลีก 2009 วางโครงการใหญ่ด้วยการเตรียมต่อเติมอัฒจันทร์ให้ครบทั้ง 4 ด้าน เพื่อให้สมเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลอย่างเต็มรูปแบบ
แม้ “กิเลนผยอง” จะเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาลนี้ ทว่ากลับทำผลงานขึ้นไปเกาะบนหัวตารางในอันดับ 3 มี 29 คะแนน ตามหลัง ชลบุรี เอฟซี และ บางกอกกล๊าส เอฟซี เพียงคะแนนเดียว ซึ่งในแต่ละนัดมีแฟนบอลเข้ามาชมเกมกันอย่างแน่นขนัดจนสแตนด์ซึ่งมีอยู่ด้านเดียวในตอนนี้ ความจุ 5,000 คน แทบรองรับไม่พอ
ล่าสุด รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทั่วไปของ เมืองทองฯ ออกมาเผยถึงโปรเจกต์ใหญ่ว่า “ตอนนี้เรากำลังลุยงานต่อเติมความจุสนามให้ได้มาตรฐาน หากอัฒจันทร์ฝั่งธันเดอร์โดมที่กำลังดำเนินการอยู่เสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ก็จะจุผู้ชมเพิ่มอีก 5,000 คน รวมเป็น 10,000 คน ซึ่งจะทันใช้งานในการเล่นในบ้านนัดแรกของเลกสองที่เราจะพบกับ ทีโอที เอฟซี (8 สิงหาคม นัดที่ 3 ของเลกสอง) อย่างแน่นอน หลังจากนั้นก็จะมีการต่อเติมเก้าอี้และทำหลังคาด้วย”
“บิ๊กเป้” กล่าวต่อไปว่า “ส่วนที่กำลังเคลียร์พื้นที่หลังประตูนั้นก็คือ เรามีแผนสร้างอัฒจันทร์ให้ครบทั้ง 4 ด้านซึ่งได้ทำฐานรากเอาไว้แล้ว คาดว่าความจุน่าจะประมาณฝั่งละ 2,500-3,000 คนขึ้นอยู่กับแบบที่จะร่างในเร็วๆ นี้ โดยในช่วงฤดูกาลหน้าเราน่าจะได้เห็นสนามธันเดอร์โดมมีอัฒจันทร์ครบทุกด้าน”
“สำหรับเรื่องไฟสนามก็มีโครงการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความสว่างเช่นกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 500 ลักซ์ ขณะที่มาตรฐานของการแข่งขันภายในประเทศที่สมาคมฟุตบอลฯ กำหนดไว้ที่ 600 ลักซ์ ขณะที่แผนของเราก็เตรียมติดตั้งไฟเพิ่มบริเวณอัฒจันทร์ฝั่งธันเดอร์โดมด้วย หากเสร็จเรียบร้อยก็จะมีการเช็กระดับความสว่างให้ได้ตามมาตรฐาน เพื่อรองรับในกรณีที่เราได้ไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก หรือ เอเอฟซี คัพ” รณฤทธิ์ ร่ายยาว
ขณะเดียวกัน โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ผู้จัดการทีมของกิเลนผยองก็ออกมาพูดถึง คนึง บุราณสุข หัวหอกเจ้าปัญหาที่เซ็นสัญญาย้ายทีมซ้ำซ้อนกับฝั่งตนและ ชลบุรี เอฟซี ในทำนองเห็นใจที่ถูกกระแสโจมตีช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “แม้ คนึง จะไม่อยู่ในแผนทำทีมของเราในเลกสองแล้ว แต่ผมก็เห็นใจที่เขาตกอยู่ภายใต้ความกดดันในช่วงนี้ ซึ่งเราคงจะไปตำหนิเขามากไม่ได้ ถ้าเขาลงเล่นในเลกสองก็อาจโดนกดดันจากแฟนบอลก็เป็นได้”
ผจก.ชาวเบลเยียมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “ในมุมมองของผมทางออกที่ดีที่สุดคือ คนึง กลับไปเล่นให้ สมุทรสงคราม เอฟซี ในเลกสอง เพื่อที่เขาจะได้ไม่ตกเป็นเป้าโจมตี ตอนนี้เขาตกเป็นจำเลยในวงการฟุตบอลไปแล้ว ผมจึงคิดว่าไม่ควรลงโทษเขาให้หนักหนาเพราะจะเป็นการซ้ำเติมกันเปล่าๆ ผมหวังแค่ว่าเคสนี้จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยในภายภาคหน้า ซึ่งต่อไปนี้ควรมีการเปิดเผยรายละเอียดสัญญาให้ชัดเจนและยึดกติกาที่เป็นมาตรฐานสากล”