"ผมจะพยายาม 200 เปอร์เซนต์เต็มในการเรียกความฟิตลงแข่งขันเทนนิส วิมเบิลดัน ซึ่งถือเป็นแกรนด์สแลมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ผมเฝ้าฝันมาตลอดว่าจะต้องป้องกันแชมป์ให้ได้"
นี่คือคำกล่าวของ ราฟาเอล นาดาล ก่อนการแข่งขัน วิมเบิลดัน 2009 จะเริ่มขึ้น 1 สัปดาห์ ทว่าทันที่ ลอนเทนนิสสมาคมแห่งสหราชอาณาจักรประกาศผลประกบคู่ชายและหญิงเดี่ยวออกมาก่อนการแข่งขันรอบแรกจะเปิดฉากขึ้นแค่ 3 วัน ยอดนักเทนนิสมือ 1 โลกซึ่งเป็น "แชมป์เก่า" ของรายการกลับต้องจำใจประกาศถอนตัวจาก ออล อิงแลนด์ เนื่องจากการฟื้นฟูอาการเอ็นเข่าอักเสบไม่สัมฤทธิ์ผล
นอกจากการถอนตัวจาก วิมเบิลดัน ในครั้งนี้เป็นการเปิดทางให้ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มีโอกาสลุ้นทำสถิติแชมป์แกรนด์สแลมสูงสุด 15 สมัยพร้อมชิงบัลลังก์มือ 1 โลกกลับมาครองได้สะดวกขึ้นแล้ว อีกประเด็นหนึ่งซึ่งสื่อมวลชนรวมถึงบุคคลในวงการเทนนิสให้ความสนใจไม่แพ้กันคือ "ความรุนแรง" ของอาการเอ็นหัวเข่าอักเสบครั้งที่ 3 ในรอบ 3 ปีของ นาดาล ซึ่งมีอายุเพียงแค่ 23 ปี
ย้อนกลับไปในเดือนกรกฎาคมปี 2007 นาดาล เริ่มมีอาการเอ็นเข่าอักเสบครั้งแรกแต่ยังคงฝืนลงเล่นต่อเนื่องจนจบฤดูกาล ซึ่งหลังพักผ่อนช่วงปีใหม่ประมาณ 1 เดือน “เอล มาทาดอร์” คืนสนามโชว์ฟอร์มสุดยอดในปี 2008 ด้วยการกวาดแชมป์แกรนด์สแลม เฟรนช์ โอเพน และ วิมเบิลดัน รวมถึง เหรียญทองชายเดี่ยว โอลิมปิก ปักกิ่ง จนได้ขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก ทว่า 2 เดือนให้หลัง นาดาล พบกับอาการบาดเจ็บอีกครั้งในรายการ ปารีส มาสเตอร์ ส่งผลให้เขาต้องถอนตัวจาก มาสเตอร์ส คัพ ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ส่งท้ายปี รวมถึงหมดสิทธิ์ช่วยทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ เดวิส คัพ
แม้ช่วงต้นฤดูกาล 2009 หวดหนุ่มจาก มายอร์กา จะหายเจ็บกลับมาประเดิมคว้าแชมป์ ออสเตรเลียน โอเพน สมัยแรก พร้อมครองแชมป์ มาสเตอร์ส ซีรีส์ ได้อีก 3 รายการ แต่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาหัวเข่าทั้งสองข้างของ นาดาล เริ่ม “ออกอาการ” อีกครั้งโดยเฉพาะในรอบ 4 เฟรนช์ โอเพน ซึ่งแชมป์เก่า 4 สมัยซ้อนถึงกับวิ่งไม่ออกจนต้องปราชัย โรบิน โซเดอร์ลิง ม้ามืดจากสวีเดน ขาดลอยถึง 1-3 เซต
หลังจากพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในสังเวียน “โรลังด์ การ์รอส” นาดาล ประกาศไม่เดินทางไปป้องกันแชมป์คอร์ตหญ้า ควีนส์ คลับ เเชมเปียนชิป ในอีกสองสัปดาห์ถัดมา เนื่องจากรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าเริ่มรุนแรงมากขึ้น แต่ยังคงวางโปรแกรมอุ่นเครื่อง 2 แมตช์กับ เลย์ตัน ฮิววิตต์ และ สตานิสลาส วาวรินกา เพราะหวังใจจะกลับมาลงแข่ง วิมเบิลดัน ให้ได้ ซึ่งผลที่ตามมาคือแมตช์ “อุ่นเครื่อง” กลายเป็น “เผาเครื่อง” นาดาล พ่ายขาดลอยทั้งสองแมตช์พร้อมอาการบาดเจ็บกำเริบหนักจนต้องประกาศพักการแข่งขันเทนนิสอาชีพอย่างไม่มีกำหนด
จากการศึกษาอาการบาดเจ็บหัวเข่าของ นาดาล อย่างละเอียด ชอน คอร์วิน นักวิชาการด้านสุขภาพและฟิตเนสจากสถาบัน พรีเมียร์เทรนนิง ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า หัวเข่าของ นาดาล วัย 23 ปีมีสภาพไม่ต่างจากเข่าของนักกีฬาอายุ 33 ปี จึงน่าเป็นห่วงว่าเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 6 สมัยอาจต้องเลิกเล่นก่อนวัยอันควร
ขณะที่บทความเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนักกีฬา "เอ็กซ์เรย์ วิชัน" จากสำนักข่าว นิวยอร์ก เดลี ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยผลเอ็กซ์เรย์หัวเข่าของ นาดาล โดยใช้สนามแม่เหล็กความเข้มสูง (MRI) ระบุว่า "เอ็นสะบ้าหัวเข่า" ของกระทิงสเปนจำนวน 4 เส้นซึ่งยึดกับกระดูกสะบ้ามีอาการอักเสบและปริ (Patellar tendonitis-Microtear) นอกจากนี้ยังมีสัญญาณบ่งบอกถึงอาการข้อเข่าเสื่อม (Degeneration)
ด้าน สเวน โกรนเฟลด์ โค้ชเทนนิสชื่อดังชาวดัตช์ เผยจากมุมมองของผู้มีประสบการณ์ในสนามว่า "อาการบาดเจ็บของ นาดาล ค่อนข้างแปลกเพราะผมไม่เคยเห็นนักเทนนิสอายุน้อยบาดเจ็บลักษณะนี้ ส่วนหนึ่งที่ นาดาล เจ็บง่ายเพราะเขาเริ่มเล่นอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้ต้องลงแข่งขันใน ฮาร์ดคอร์ต บ่อยครั้งเกินกว่าหัวเข่าของเด็กจะรับได้"
คำกล่าวของยอดโค้ชซึ่งเคยร่วมงานกับ อนา อิวาโนวิช และ เฟร์นันโด เบร์ดาสโก สอดคล้องกับแนวคิดของ ดร. อเล็กซิส โคลวิน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาจากสถาบันกระดูกและกล้ามเนื้อแห่งมหานคร นิวยอร์ก ซึ่งเผยว่า "หัวเข่าทั้งสองข้างของ นาดาล รับบทหนักในการพยุงน้ำหนักตัว 87 กิโลกรัม อีกทั้งยังต้องทนกับแรงเหวี่ยงมหาศาลเวลา นาดาล กลับตัวไปตีลูกอย่างรวดเร็ว สไตล์การเล่นที่ดุดันส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อร่างกาย ทางที่ดี นาดาล ควรจะหยุดพักการแข่งขันสักระยะจนกว่าเข่าทั้งสองข้างจะหายดีจริงๆเพราะ การฝืนลงซ้อมและแข่งขันทั้งที่ยังมีอาการบาดเจ็บที่เอ็นหัวเข่านับเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บเรื้อรังเป็นอย่างยิ่ง"
ทั้งหมดนี้คือความคิดความเห็นเกี่ยวกับอาการเอ็นเข่าอักเสบครั้งรุนแรงของ ราฟาเอล นาดาล จากมุมมองของสื่อมวลชนและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งล้วนอยากเห็นหนึ่งในนักเทนนิสอัจฉริยะแห่งยุคใส่ใจกับคำว่า “สุขภาพ” มากกว่าการมุ่งไขว่คว้าความสำเร็จแบบเปลื้องร่างกายเหมือนตลอดหลายปีที่ผ่านมา กระทั่งวันนี้เจ้าตัวต้องฟื้นฟูสภาพความฟิตเพื่อลงแข่งแกรนด์สแลม ยูเอส โอเพน ปลายเดือนสิงหาคม ในสภาพที่จิตใจต้องกังวลกับอาการบาดเจ็บซึ่งเริ่มใกล้เคียงกับคำว่า “เรื้อรัง” รวมถึงเส้นทางเทนนิสอาชีพที่เกรงว่าอาจจะสิ้นสุดลงก่อนวัยอันควร