“ซามูไร” ญี่ปุ่น บุกเฉือน อุซเบกิสถาน 1-0 ควงคู่ “จิงโจ้” ออสเตรเลีย ที่เสมอกับ กาตาร์ แบบไม่มีสกอร์ เข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ประจำปี 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ได้สำเร็จ
ทาเคชิ โอกาดะ นำทัพ “ซามูไร” ญี่ปุ่น รองจ่าฝูงกลุ่ม 1 บุกเยือนถิ่น อุซเบกิสถาน โดยหวังเก็บสามแต้มเข้ากระเป๋าเพื่อกลายเป็นทีมแรกที่คว้าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้ ในช่วงกลางปีหน้า โดยทีมเยือนมีสตาร์ดังอย่าง ยาซูฮิโตะ เอ็นโดะ และ ชุนซูเกะ นากามูระ นำทัพ
โดยเกมการแข่งขันผ่านไปเพียง 9 นาที ขุนพลแข้งแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ก็เบิกประตูนำ 1-0 จากการยิงของ ชินจิ โอกาซากิ และก็เป็นเพียงประตูเดียวที่เกิดขึ้นในครึ่งเวลาแรก ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง อุซเบกิสถาน เปิดฉากบุกหวังทวงประตูคืน แต่ ญี่ปุ่น ค่อนข้างเล่นอย่างรัดกุมและมีจังหวะดันเกมขึ้นไปสร้างความปั่นป่วนให้เจ้าบ้านพอสมควร
ก่อนหมดเวลานาทีเดียว ฮาเซเบะ ของผู้มาเยือนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จากการไปสับศอกใส่ผู้เล่นเจ้าถิ่น แต่ช่วงเวลาอันน้อยนิดทำให้ อุซเบกิสถาน ตามเจ๊าไม่ได้ปราชัยคาถิ่น 0-1 ส่งให้ ญี่ปุ่น เก็บเพิ่มเป็น 14 คะแนนจากการลงสนาม 6 นัด ควงคู่ ออสเตรเลีย จ่าฝูงกลุ่ม 1 (ซึ่งมีอยู่ 14 แต้มเท่ากัน) ที่บุกเสมอ กาตาร์ 0-0 เข้าไปลุยฟุตบอลโลก 2010 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภายหลังการแข่งขัน ทาเคชิ โอกาดะ ให้สัมภาษณ์ผ่าน “เอเอฟพี” สื่อชั้นนำ “เราคาดว่าวันนี้เป็นการต่อสู้ที่หนักอยู่แล้ว แต่เราเล่นกันได้ตามแผนที่วางเอาไว้ จัดการอะไรๆ ได้จนคว้าชัยชนะที่สำคัญยิ่ง ผมยินดียิ่งกับฟอร์มการเล่นของลูกทีมในแมตช์นี้ พวกเขาเล่นด้วยหัวใจ มีระเบียบวินัยจริงๆ”
แม้เป็น 1 ในตัวแทนของทวีปเอเชียไปประกาศศักดาที่แอฟริกาใต้ แต่ โอกาดะ หวังเห็นลูกทีมเล่นกันได้ดีแบบนี้ต่อไปในอีก 2 นัดที่เหลือของรอบแบ่งกลุ่ม “วันนี้เราเล่นฟุตบอลกันได้ดี ผมคิดว่าเราควรคงสไตล์การเล่นแบบนี้เอาไว้ในแมตช์ที่เหลือ”
ด้าน เมียร์ยาโล คาซิมอฟ กุนซือ อุซเบกิสถาน กล่าวบ้าง “ทีมของผมผิดพลาดที่ปล่อยให้ ญี่ปุ่น ได้ประตูตั้งแต่ต้นเกม ประตูดังกล่าวเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไปอย่างสิ้นเชิง แต่วันนี้เราก็เล่นได้ดีไม่น้อย ผมไม่สามารถตำหนิลูกทีมได้เลย”
ส่วนผลการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม ในกลุ่ม 2 วันเดียวกัน เกาหลีใต้ บุกพิชิต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2-0 ทำให้แข้ง “โสมขาว” รักษาตำแหน่งจ่าฝูงไว้ได้ ลงเตะ 6 นัดมีเพิ่มเป็น 14 คะแนน ทิ้งห่าง “โสมแดง” เกาหลีเหนือ รองจ่าฝูงที่เปิดบ้านเจ๊า อิหร่าน 0-0 เป็นสามแต้ม แถมลงสนามน้อยกว่าหนึ่งนัด นั่นก็ทำให้เกาหลีใต้ได้ผ่านเข้าไปเตะฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้เช่นกัน
ทาเคชิ โอกาดะ นำทัพ “ซามูไร” ญี่ปุ่น รองจ่าฝูงกลุ่ม 1 บุกเยือนถิ่น อุซเบกิสถาน โดยหวังเก็บสามแต้มเข้ากระเป๋าเพื่อกลายเป็นทีมแรกที่คว้าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้ ในช่วงกลางปีหน้า โดยทีมเยือนมีสตาร์ดังอย่าง ยาซูฮิโตะ เอ็นโดะ และ ชุนซูเกะ นากามูระ นำทัพ
โดยเกมการแข่งขันผ่านไปเพียง 9 นาที ขุนพลแข้งแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ก็เบิกประตูนำ 1-0 จากการยิงของ ชินจิ โอกาซากิ และก็เป็นเพียงประตูเดียวที่เกิดขึ้นในครึ่งเวลาแรก ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง อุซเบกิสถาน เปิดฉากบุกหวังทวงประตูคืน แต่ ญี่ปุ่น ค่อนข้างเล่นอย่างรัดกุมและมีจังหวะดันเกมขึ้นไปสร้างความปั่นป่วนให้เจ้าบ้านพอสมควร
ก่อนหมดเวลานาทีเดียว ฮาเซเบะ ของผู้มาเยือนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จากการไปสับศอกใส่ผู้เล่นเจ้าถิ่น แต่ช่วงเวลาอันน้อยนิดทำให้ อุซเบกิสถาน ตามเจ๊าไม่ได้ปราชัยคาถิ่น 0-1 ส่งให้ ญี่ปุ่น เก็บเพิ่มเป็น 14 คะแนนจากการลงสนาม 6 นัด ควงคู่ ออสเตรเลีย จ่าฝูงกลุ่ม 1 (ซึ่งมีอยู่ 14 แต้มเท่ากัน) ที่บุกเสมอ กาตาร์ 0-0 เข้าไปลุยฟุตบอลโลก 2010 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภายหลังการแข่งขัน ทาเคชิ โอกาดะ ให้สัมภาษณ์ผ่าน “เอเอฟพี” สื่อชั้นนำ “เราคาดว่าวันนี้เป็นการต่อสู้ที่หนักอยู่แล้ว แต่เราเล่นกันได้ตามแผนที่วางเอาไว้ จัดการอะไรๆ ได้จนคว้าชัยชนะที่สำคัญยิ่ง ผมยินดียิ่งกับฟอร์มการเล่นของลูกทีมในแมตช์นี้ พวกเขาเล่นด้วยหัวใจ มีระเบียบวินัยจริงๆ”
แม้เป็น 1 ในตัวแทนของทวีปเอเชียไปประกาศศักดาที่แอฟริกาใต้ แต่ โอกาดะ หวังเห็นลูกทีมเล่นกันได้ดีแบบนี้ต่อไปในอีก 2 นัดที่เหลือของรอบแบ่งกลุ่ม “วันนี้เราเล่นฟุตบอลกันได้ดี ผมคิดว่าเราควรคงสไตล์การเล่นแบบนี้เอาไว้ในแมตช์ที่เหลือ”
ด้าน เมียร์ยาโล คาซิมอฟ กุนซือ อุซเบกิสถาน กล่าวบ้าง “ทีมของผมผิดพลาดที่ปล่อยให้ ญี่ปุ่น ได้ประตูตั้งแต่ต้นเกม ประตูดังกล่าวเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไปอย่างสิ้นเชิง แต่วันนี้เราก็เล่นได้ดีไม่น้อย ผมไม่สามารถตำหนิลูกทีมได้เลย”
ส่วนผลการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม ในกลุ่ม 2 วันเดียวกัน เกาหลีใต้ บุกพิชิต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2-0 ทำให้แข้ง “โสมขาว” รักษาตำแหน่งจ่าฝูงไว้ได้ ลงเตะ 6 นัดมีเพิ่มเป็น 14 คะแนน ทิ้งห่าง “โสมแดง” เกาหลีเหนือ รองจ่าฝูงที่เปิดบ้านเจ๊า อิหร่าน 0-0 เป็นสามแต้ม แถมลงสนามน้อยกว่าหนึ่งนัด นั่นก็ทำให้เกาหลีใต้ได้ผ่านเข้าไปเตะฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้เช่นกัน