“สปอร์ตส อิลลัทสเตรเทด ดอท คอม” เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของนิตยสารกีฬาชั้นนำระดับโลก ทำการรวบรวม “สุดยอด-สุดแย่” เจ้าของทีมในศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) นอกเหนือจากปัจจัยเม็ดเงินลงทุน, การบริหารงาน และความสำเร็จ ลองมาดูกันว่าทำไมสื่อถึงยกให้ตระกูล “รูนีย์” (พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส) ต่างจาก แอล เดวิส (โอคแลนด์ เรดเดอร์ส) ดั่งฟ้ากับเหว
ท็อป 3 เจ้าของทีมยอดเยี่ยม
1. ครอบครัว “รูนีย์” / พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส
หลังจาก อาร์ท รูนีย์ เสียชีวิตลงเมื่อปี 1988 แดน รูนีย์ รับมรดกตกทอดมูลค่า 2,500 เหรียญสหรัฐ (8 หมื่นห้าพันบาท) มาจากคุณพ่อเป็นทีม (อเมริกัน) ฟุตบอล สตีลเลอร์ส ที่ครอบครัวซื้อเอาไว้ตั้งแต่ปี 1933 และด้วยการบริหารการจัดการอันยอดเยี่ยม ทำให้ปัจจุบันมูลค่าทีมเพิ่มเป็น 1,015 ล้านเหรียญฯ นอกจากความสำเร็จในสนาม แดน (รูนีย์) ยังถือเป็นกระบอกเสียงสำคัญของ NFL เรียกร้องให้มีการสัมภาษณ์งานเปิดโอกาสให้แก่โค้ชผิวสี นำมาสู่กฎที่กล่าวขานว่า “Rooney Rule” ซึ่งทาง ไมค์ ทอมลิน ก็ไม่ทำให้ผิดหวังนำแชมป์ซูเปอร์โบว์ล สมัยที่ 6 มาสู่องค์กรจนได้เมื่อปีที่ผ่านมา
2. โรเบิร์ต คราฟท์ / นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์
ถือเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งในวงการกีฬามะกัน โรเบิร์ต คราฟท์ ซื้อ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ด้วยเงิน 175 ล้านเหรียญสหรัฐ (เกือบ 6 พันล้านบาท) แต่ถึงวันนี้เฟรนไชส์มูลค่าพุ่งไปถึง 1,324 ล้านเหรียญฯ กระเตื้องขึ้นมาก เนื่องจาก “นักรบกู้ชาติ” ครองซูเปอร์โบว์ลได้ถึง 3 สมัยจากการเข้าชิงเพียง 5 ครั้ง ภายใต้การบริหารงานในแนวทางยั่งยืน พยายามรักษาความสมดลต่างๆ เอาไว้ แพทริออตส์ ขึ้นชื่อไม่มีการยึดติดกับซูเปอร์สตาร์ ด้วยระบบการทำงานอันยอดเยี่ยม ทีมนี้ไม่เคยมีปัญหาแม้เปลี่ยนแปลงทีมเป็นกระบิในทุกๆ ฤดูกาล ด้วยมันสมองที่โดดเด่น คราฟท์ ถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลลำดับต้นๆ ของ NFL อย่างไม่ต้องสงสัย
3. ตระกูล “มารา แอนด์ ทิสช์” / นิวยอร์ก ไจแอนท์ส
เวลลิงตัน มารา และ โรเบิร์ต ทิสช์ จับมือกันสร้างทีมกีฬาอาชีพ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ขึ้นมาตั้งแต่ปี 1925 ด้วยเม็ดเงินลงทุนแค่ 500 เหรียญสหรัฐ (1 หมื่นเจ็ดพันบาท) ปัจจุบันมรดกตกทอดมาถึง จอห์น มารา กับ สตีฟ ทิสช์ ที่ช่วยกันสานฝันคุณพ่อด้วยการไปจ้างงาน ทอม คอฟลิน โค้ชจอมเฮี้ยบ, เจอร์รี รีส ผู้จัดการทั่วไปวิสัยทัศน์ดี พร้อมดราฟท์ อีลาย แมนนิง มาเป็นควอเตอร์แบ็กแห่งเฟรนไชส์ บุคลากรเหล่านี้มีส่วนพา “ยักษ์ใหญ่” โค่น แพทริออตส์ ครองแชมป์ซูเปอร์โบว์ลเมื่อปี 2008 เป็นหนึ่งในเหตุการณ์พลิกล็อกที่สุดของ NFL และนั่นก็ทำให้มูลค่าของเฟรนไชส์ถีบตัวเป็น 1,178 ล้านเหรียญฯ
ท็อป 3 เจ้าของทีมยอดแย่
1.แอล เดวิส / โอคแลนด เรดเดอร์ส
ประสบความสำเร็จครองแชมป์ซูเปอร์โบว์ล 3 สมัย แชมป์เอเอฟแอล (AFL) อีกหนึ่งสมัย แถมนำ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส ตะลุยเพลย์ออฟได้ถึง 21 ครั้ง แต่ แอล เดวิส กลับสติแตกอย่างไม่มีใครคาดคิด หลังจาก “สลัดดำ” ปราชัย แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส ในซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 37 (ปี 2003) นับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา เจ้าของทีมจุดเดือดต่ำเปลี่ยนแปลงโค้ชมาแล้วถึง 5 คน เลน กิฟฟิน ได้โอกาสคุมบังเหียนทีมแค่ 20 เกม ก็ถูกเลื่อยขาเก้าอี้ ด้วยหลักการบริหารงานแบบใครมาค้านความคิดข้าไม่ได้ ปฏิเสธการปรับตัวเข้าหาผู้อื่น จึงไม่น่าแปลกใจที่มูลค่าทีมปัจจุบันอยู่เพียงแค่ 861 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งที่ความจริงควรมากกว่านั้น
2. วิลเลียม เคลย์ ฟอร์ด / ดีทรอยต์ ไลออนส์
ลงทุน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (170 ล้านบาท) เมื่อ 45 ปีก่อน แม้ปัจจุบันราคาตลาดของ ดีทรอยต์ ไลออนส์ ดีดขึ้นสูงเป็น 917 ล้านเหรียญ แต่ในแง่ของความสำเร็จในสนามแล้ว “สิงโต” กลับต้องพบกับจุดต่ำสุดของหน้าประวัติศาสตร์ NFL ปราชัยทั้ง 16 เกมเมื่อซีซั่นก่อน วิลเลียม เคลย์ ฟอร์ด ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะปล่อยให้ แมตต์ มิลเลน อดีตผู้จัดการทั่วไปปู้ยี้ปู้ยำทีมนานถึง 7 ปีเต็ม จนเฟรนไชส์ชนะมากกว่าแพ้ไม่ได้มาตั้งแต่ปี 2000 ไม่เคยมีอันดับสูงกว่าที่ 3 กลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ เข้าเพลย์ออฟไม่ต้องพูดถึง
3. แดน สนายเดอร์ / วอชิงตัน เรดสกินส์
ไม่มีใครปฏิเสธว่า แดน สนายเดอร์ คือนักธุรกิจฝีมือดี ปัจจุบัน วอชิงตัน เรดสกินส์ เป็นทีมที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 2 ใน NFL 1,538 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรองแค่ ดัลลัส คาวบอยส์ คู่ปรับตลอดกาล จากการสำรวจของนิตยสาร “ฟอร์บส” แต่ “อินเดียนแดง” มีผลประกอบการต่อปีมาเป็นอันดับ 1 ในลีก ทว่าในเรื่องการบริหารทีม (อเมริกัน) ฟุตบอล สนายเดอร์ ถือว่าสอบตกและอาจเล่นเกม “แฟนทาซี ฟุตบอล” มากเกินไป การทุ่มค่าจ้าง 225 ล้านเหรียญกับผู้เล่นอย่าง ลาวาร์ แฮร์ริงตัน, บรูซ สมิธ, ดีออน แซนเดอร์ส, ลาวานูส์ โคลส์ และ อดัม อาร์ชูเลตา เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ตอนนี้ลงทุนอีก 162 ล้านเหรียญไปกับ อัลเบิร์ต เฮย์นเวิร์ธ, ดีแอนเจโล ฮอลล์ และ เดอร์ริค ด็อคเคอรี ต้องมาดูว่าผลจะออกมาอย่างไร