"วาดา" เห็นชอบวิธีการตรวจโด๊ปตามแบบของ "ฟีฟ่า"

องค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (วาดา) ยอมรับวิธีการตรวจโด๊ปตามแบบของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่จะไม่ใช้กฏ "Whereabout Rule" แต่การตรวจจะเกิดขึ้นเฉพาะระหว่างการเปิดฤดูกาลหรือทัวร์นาเมนท์สำคัญๆและภายในสนามฝึกซ้อมของทีมที่นักเตะสังกัดอยู่เท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ฟีฟ่า และ วาดา มีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับวิธีการต่อต้านการใช้สารกระตุ้น โดยองค์กรใหญ่ของวงการลูกหนังยืนยันจะใช้รูปแบบของตนเองซึ่งเป็นการปฏิเสธทำตามกฏ "Whereabout Rule" ที่บังคับให้นักกีฬาทุกคนต้องระบุสถานที่ซึ่งตนอยู่เป็นเวลา 1 ชั่วโมงในแต่ละวันเพื่อพร้อมให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจโด๊ป เนื่องจากมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลมากเกินไป

โดยวิธีการตรวจโด๊ปของ ฟีฟา กำหนดว่านักฟุตบอลมีสิทธิ์ถูกตรวจเฉพาะช่วงเวลาที่ฤดูกาลเปิดหรือมีทัวร์นาเมนท์สำคัญๆ อย่างเช่น ฟุตบอลโลก ฟุตบอลชิงแชมป์ของแต่ละทวีป เป็นต้น และเกิดขึ้นภายในสนามฝึกซ้อมเท่านั้น ส่วนช่วงเวลาปิดฤดูกาลที่ผู้เล่นพักผ่อนจะไม่มีการตรวจ

เมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) เจอโรม วัลเก เลขาธิการทั่วไปของ ฟีฟ่า เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวว่าข้อขัดแย้งดังกล่าวยุติลงแล้ว เนื่องจาก วาดา ยอมรับวิธีการตรวจโด๊ปตามที่ ฟีฟ่า กำหนด

"วิธีการต่อต้านการโด๊ปยาของ ฟีฟ่า ในปี 2009 ได้รับการยอมรับทุกประเด็นจากทาง วาดา ข้อยกเว้นเพียงประการเดียวคือในมาตราที่ 54 ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับการกลับมาลงสนามของนักกีฬาหลังจากพ้นโทษแบน โดยเราขอว่าเมื่อนักเตะถูกลงโทษห้ามแข่งเป็นเวลา 12 เดือน สามารถกลับมาฝึกซ้อมได้หลังจากผ่านไปแล้ว 9 เดือน ทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือเกี่ยวกับประเด็นนี้ต่อไป" วัลเก เปิดเผย

ขณะที่ เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่า ย้ำคำเดิมว่า วาดา สมควรที่จะเป็นตัวส่งเสริมวงการกีฬามากกว่าจะทำหน้าที่เป็นตำรวจ

"เมื่อ 10 วันก่อน ผมได้หารือกับ จอห์น ฟาเฮย์ ประธานของ วาดา ผ่านทางเทเล คอนเฟอเรนซ์ ซึ่ง วาดา และ ฟีฟ่า ไม่มีปัญหาต่อกันเลย" แบล็ตเตอร์ กล่าว "ปัญหาเดียวที่เรามีคือ วาดา ไม่ควรมีบทบาทเช่นเดียวกับตำรวจ ผมรู้สึกเสียใจกับบางกรณีที่เกิดขึ้นในอดีตซึ่งนักกีชายและหญิงถูกตั้งข้อสงสัยก่อนว่าทำผิด เรามีการตกลงกันด้วยคำพูด วาดาคือผู้ที่ควบคุมกฏและทำงานร่วมกับสหพันธ์จากนานาชาติ ซึ่ง ฟีฟ่า ไม่มีปัญหาในการทำงานกับพวกเขา"