เจอร์เกน กรัมเค ศาสตราจารย์ใหญ่แห่งสถาบันระหว่างประเทศยุโรป (ไอเอ็นอีเอ) ออกมาชี้แจงว่าแผนกำหนดสัดส่วนนักเตะท้องถิ่นและนักเตะต่างชาติลงสนาม (แผน 6+5) ไม่เป็นการละเมิดกฎแรงงานของสหภาพยุโรป (อียู) แต่อย่างใด
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้คิดแผน 6+5 ขึ้นมาเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยกำหนดให้ทุกสโมสรส่งนักเตะท้องถิ่นลงเป็นตัวจริงไม่ต่ำกว่า 6 คนในแต่ละนัด เพื่อไม่ให้นักฟุตบอลต่างชาติเข้ามาบดบังโอกาสพัฒนาฝีเท้าของแข้งท้องถิ่นในแต่ละชาติ ซึ่งในเบื้องต้นได้รับการตอบรับจากสมาคมฟุตบอลชาติต่างๆ ถึง 155 ชาติ
อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวถูกคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) และรัฐบาลของชาติสมาชิกอียูส่วนใหญ่คัดค้าน เนื่องจากมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายเปิดเสรีสำหรับแรงงานที่ทำมาหาเลี้ยงชีพในทวีปยุโรป
ทว่า ล่าสุด ศจ.กรัมเค แห่งสถาบันระหว่างประเทศยุโรป (ไอเอ็นอีเอ) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานภายใต้การดูแลของฟีฟ่าได้ออกมาอธิบายในการแถลงข่าวที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ว่า “แผนดังกล่าวไม่ได้ขัดต่อกฎหมายแรงงานของสหภาพยุโรปเลย”
“เราออกมาชี้แจงครั้งนี้โดยไม่ได้รับการชี้นำจากฟีฟ่าแต่อย่างใด ซึ่งแผน 6+5 นั้นมีวัตถุประสงค์หลักในการกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับเกมกีฬาโดยเฉพาะ ไม่ได้ไปกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของแรงงานแม้แต่น้อย แผนนี้จะเป็นไปเพื่อสร้างดุลยภาพในวงการกีฬาระหว่างสโมสรต้นสังกัดและสมาคมฟุตบอลของแต่ละชาติเท่านั้น”
ศจ.กรัมเค ยังกล่าวต่อไปว่าแผนดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกีฬาประเภททีมชนิดอื่นที่มีระบบลีกอาชีพได้ อาทิ บาสเกตบอล, แฮนด์บอล และ ฮอกกีน้ำแข็ง โดยมีการเปิดเผยว่าปัจจุบันในแต่ละลีกมีนักเตะต่างชาติเข้าไปค้าแข้งมากกว่า 56 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าวเป็นผู้เล่นจากนอกทวีปยุโรป
ทั้งนี้ เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานใหญ่ของฟีฟ่าคาดหวังว่าแผน 6+5 จะสามารถบังคับใช้ได้นับตั้งแต่ฤดูกาล 2012/2013 เป็นต้นไป ทว่ายังคงมีคณะกรรมาธิการยุโรปบางส่วนที่ไม่เห็นชอบกับไอเดียดังกล่าว ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการแบ่งแยกในด้านสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ทางอ้อม
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้คิดแผน 6+5 ขึ้นมาเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยกำหนดให้ทุกสโมสรส่งนักเตะท้องถิ่นลงเป็นตัวจริงไม่ต่ำกว่า 6 คนในแต่ละนัด เพื่อไม่ให้นักฟุตบอลต่างชาติเข้ามาบดบังโอกาสพัฒนาฝีเท้าของแข้งท้องถิ่นในแต่ละชาติ ซึ่งในเบื้องต้นได้รับการตอบรับจากสมาคมฟุตบอลชาติต่างๆ ถึง 155 ชาติ
อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวถูกคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) และรัฐบาลของชาติสมาชิกอียูส่วนใหญ่คัดค้าน เนื่องจากมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายเปิดเสรีสำหรับแรงงานที่ทำมาหาเลี้ยงชีพในทวีปยุโรป
ทว่า ล่าสุด ศจ.กรัมเค แห่งสถาบันระหว่างประเทศยุโรป (ไอเอ็นอีเอ) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานภายใต้การดูแลของฟีฟ่าได้ออกมาอธิบายในการแถลงข่าวที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ว่า “แผนดังกล่าวไม่ได้ขัดต่อกฎหมายแรงงานของสหภาพยุโรปเลย”
“เราออกมาชี้แจงครั้งนี้โดยไม่ได้รับการชี้นำจากฟีฟ่าแต่อย่างใด ซึ่งแผน 6+5 นั้นมีวัตถุประสงค์หลักในการกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับเกมกีฬาโดยเฉพาะ ไม่ได้ไปกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของแรงงานแม้แต่น้อย แผนนี้จะเป็นไปเพื่อสร้างดุลยภาพในวงการกีฬาระหว่างสโมสรต้นสังกัดและสมาคมฟุตบอลของแต่ละชาติเท่านั้น”
ศจ.กรัมเค ยังกล่าวต่อไปว่าแผนดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกีฬาประเภททีมชนิดอื่นที่มีระบบลีกอาชีพได้ อาทิ บาสเกตบอล, แฮนด์บอล และ ฮอกกีน้ำแข็ง โดยมีการเปิดเผยว่าปัจจุบันในแต่ละลีกมีนักเตะต่างชาติเข้าไปค้าแข้งมากกว่า 56 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าวเป็นผู้เล่นจากนอกทวีปยุโรป
ทั้งนี้ เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานใหญ่ของฟีฟ่าคาดหวังว่าแผน 6+5 จะสามารถบังคับใช้ได้นับตั้งแต่ฤดูกาล 2012/2013 เป็นต้นไป ทว่ายังคงมีคณะกรรมาธิการยุโรปบางส่วนที่ไม่เห็นชอบกับไอเดียดังกล่าว ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการแบ่งแยกในด้านสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ทางอ้อม
