xs
xsm
sm
md
lg

ดวล “ดิวซ์” นอกสนาม "เฟเดอเรอร์-นาดาล"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นาดาล กับน้ำหอม ลองแวง
หลังจากโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ หยุดสถิตความพ่ายแพ้ติดต่อกันแก่ ราฟาเอล นาดาล ลงได้สำเร็จ ด้วยผลงานคว้าโทรฟี่แชมป์ในรอบชิงชนะเลิศ รายการมาดริด โอเพน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 พ.ค.) สีสันของวงการลูกสักหลาดโลกเหมือนจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศึกเฟรนช์ โอเพน ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และไม่เพียงแต่การขับเคี่ยวกันในสนาม หากคู่ปรับที่ถูกยกให้เป็นสองที่สุดของวงการเทนนิสโลกแห่งทศวรรษนี้ ยังมีการแข่งขันด้วยตัวเลขรายได้นอกสนามที่ดูเหมือนว่าไม่มีใครกินกันลงได้

เริ่มกันที่ความสามารถในการสรรหารายได้ของ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นที่มีรายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการแร็กเกตนับแต่ก้าวขึ้นมายึดมือ 1 ของโลกเมื่อปี 2004 นอกเหนือเงินรางวัลจากการแข่งขันแล้วยังมีรายรับจากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าต่างๆ โดยคาดกันว่านักหวดชาวสวิสฯ มีสัญญากับสินค้าระดับนานาชาติอยู่ราว 2-5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี (ประมาณ 70 -170 ล้านบาท) ไม่รวมข้อตกลงที่ทำกับผลิตภัณฑ์กีฬาเทนนิส 2 ยี่ห้อคือ “ไนกี้” และ “วิลสัน” ซึ่งทำให้เขามีเงินเข้าบัญชีธนาคารจาก 2 บริษัทนี้ราว 12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี (ประมาณ 420 ล้านบาท)

นอกจากนี้เจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 13 รายการยังเป็นตัวแทนของ “โรเล็กซ์” ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำจากประเทศบ้านเกิดมาตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งคาดว่ามีมูลค่าของการทำหน้าที่ดังกล่าวตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษ สูงถึง 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 525 ล้านบาท) เช่นเดียวกับแคมเปญโฆษณาอันโด่งดังของ “ยิลเล็ตส์” ผู้ผลิตใบมีดโกนที่ “เฟดเอ็กซ์” ถ่ายทำร่วมกับ ไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟหมายเลข 1 ของโลก และ เธียร์รี อองรี นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการทำการตลาดที่ใหญ่ที่สุดของปี 2007 เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคเพศชายทั่วโลกกว่า 150 ประเทศ

ขณะที่การจัดอันดับนักกีฬาผู้มีรายได้สูงสุดของนิตยสารสปอร์ต อิลลัสเตรท เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา เฟเดอเรอร์ ยังคงเหนือเพื่อนร่วมวงการ โดยรั้งอันดับ 11 จากรายชื่อนักกีฬาทั้งหมด 50 คนด้วยจำนวนเงินรายได้ 35.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.2 พันล้านบาท) ส่วนผู้ที่รวยสุดอันดับ 1 เป็นของ วูดส์ นั้นเองซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นอย่างลิบลับด้วยจำนวน 127.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.5 พันล้านบาท) ถัดมาเป็น ฟิล มิคเคลสัน ก้านเหล็กอีกราย และ เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังตามมาเป็นอันดับ 3

แม้ว่า นาดาล ไม่มีชื่อติดอยู่ในการจัดลำดับดังกล่าวเนื่องจากปีก่อนมีเงินรายได้ราว 15 – 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 525 – 700 ล้านบาท) แต่หลังจาก นาดาลโค่นบัลลังก์ เฟเดอเรอร์ จนก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโลก รวมถึงการคว้าแชมป์วิมเบิลดันและเหรียญทองโอลิมปิก จากปักกิ่ง เกมส์ ชื่อของนักเทนนิสหนุ่มจากสเปนสามารถดึงดูดบรรดาสินค้าระดับนานาชาติมากขึ้น

เริ่มจากตุลาคมปีก่อนมีการเซ็นสัญญากับ “ลอรีอัล” ผลิตภัณฑ์แชมพู ต่อมาเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอม “ลองแวง” ขณะที่ ไม้เทนนิสยี่ห้อ “บาโบแลต” เพิ่งมีการทำข้อตกลงเป็นระยะเวลายาว 10 ปีไปไม่นานมานี้ ส่วน “ไนกี้” ซึ่งทำข้อตกลงกันมาตั้งแต่ปี 1999 ขณะอายุเพียง 13 ปี เพื่อเจาะเฉพาะตลาดในแดนกระทิงดุเพียงอย่างเดียว แต่มาถึงตอนนี้เตรียมชูเจ้าของแชมป์เฟรนช์ โอเพน 4 สมัยเป็นตัวแทนสินค้าของบริษัทในระดับโลก

ผลงานที่น่าสนใจของ นาดาล ในฤดูกาล 2009 คือการลุ้นทำสถิติคว้าแชมป์แกรนด์สแลมครบทั้ง 4 รายการภายในปีเดียว หลังสามารถทำได้แล้วในออสเตรเลียน โอเพน ขณะที่ เฟรนช์ โอเพน และ วิมเบิลดัน มีโอกาสป้องกันแชมป์สูง เหลือแต่เพียง ยูเอส โอเพน ที่ยังไม่เคยสัมผัส โดยผู้วิเคราะห์หลายรายมองว่าหากเขาสามารถทำได้สำเร็จจะสามารถเจาะตลาดขนาดใหญ่ของทวีปอเมริกาและจะก้าวขึ้นไปมีภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์ระดับโลก เช่นเดียวกับ เฟเดอเรอร์ หรือ เบ็คแฮม

ถึงเวลานี้การขับเคี่ยวตัวเลขรายได้ระหว่าง นาดาล และ เฟเดอเรอร์ นอกสนามการแข่งขันนั้นถือว่าแต้มขยับมาเท่ากันทำให้ต้อง “ดิวซ์” เพื่อหาผู้ชนะส่วนใครจะขึ้นเป็นฝ่ายทำแต้มได้เปรียบก่อนนั้นคงต้องรอดูผลงานหลังจบฤดูกาล 2009 เพราะทั้งหนุ่มสวิสฯ และ กระทิงสเปน ต่างมีจุดขายที่เหล่าเอเยนต์ซี่อยากจะทุ่มเงินล้านเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ด้วยกันทั้งสิ้น
นาดาล ครบชุดกับผลิตภัณฑ์ ไนกี้
เฟเดอเรอร์ พรีเซนต์ ยิลเล็ต ร่วมกับ วูดส์ และ อองรี
เฟเดอเรอร์ ครบชุดกับผลิตภัณฑ์ ไนกี้ และ ไม้เทนนิส วิลสัน
กำลังโหลดความคิดเห็น