คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
ว่าจะรอให้ “เบร็ตต์ ฟาร์ฟ” มีชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ (ฮอลล์ ออฟ เฟม) แห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เสียก่อน ถึงค่อยขุดคุ้ยเกียรติประวัติของสุดยอดควอเตอร์แบ็กรายนี้มาสรรเสริญเทิดทูนกันอีกที แต่ล่าสุดต้องขอแทรกคิวบรรดาคอยัดห่วง เอ็นบีเอ (NBA) ที่กำลังระทึกไปกับช่วงเพลย์ออฟ เนื่องจากมีเรื่องเล่าขานของ ฟาร์ฟ มาแลกเปลี่ยนทรรศนะกัน....อีกแล้ว
1-2 สัปดาห์ก่อน เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ให้ข่าวกับสื่อว่าเขาอยู่ในฐานะของการ “รีไทร์” ไม่คิดหวนคืนวงการคนชนคนอีก หลังจากที่ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ปล่อยตัวให้เป็นอิสระ เพราะทีมไปดราฟท์ มาร์ค ซานเชซ ดาวรุ่งของ USC มาเป็นความหวังใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ เรื่องราวการอำลาลีก (อีกครั้ง) ไม่น่าจะมีอะไรในกอไผ่อีกแล้ว แต่พอจบฤดูกาลทีไร นักข่าวมะกันต้องเจาะเอาเรื่องของ ฟาร์ฟ มาเล่นเป็นประเด็นและคงไม่มีอะไรขายได้ไปกว่า “ตกลงคุณเลิกจริง หรือจะเล่นต่อกันแน่”
ย้อนกลับไปเมื่อกลางปีที่แล้วหากจำกันได้ ฟาร์ฟ ประกาศทั้งน้ำตากับการเลิกเล่นในฐานะผู้เล่น กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส แต่ให้หลังไม่ถึงเดือน ฟาร์ฟ เลือกกลับมาสู้ศึก NFL เป็นฤดูกาลที่ 18 ในฐานะจอมทัพคนใหม่ เจ็ตส์ ซึ่งถ้าใครได้ติดตามเรื่องราวคงทราบดีว่า เจ็ตส์ ไม่ใช่ทางเลือกแรกของ ฟาร์ฟ เพราะแท้ที่จริงแล้วเขาอยากเก็บกระเป๋าไปเล่นให้ มินเนโซตา ไวกิงส์ ทว่าการเป็นอริร่วมกลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ ทำให้ เท็ด ธอมป์สัน ผู้จัดการทั่วไป “แพ็คส์แมน” ไม่โง่พอส่งอาวุธเด็ดให้คู่แข่งนำมาทิ่มแทงพวกเขาได้ในภายหลัง
แต่จากการประมวลสถานการณ์ล่าสุด ฟาร์ฟ อาจแปรสภาพเป็นหอกข้างแค่ของ แพ็คเกอร์ส ในซีซั่น 2009/10 เมื่อแหล่งข่าวของ อีเอสพีเอ็น (ESPN) สืบทราบมาว่า แบรด ชิลเดรสส์ หัวหน้าโค้ชไวกิงส์ มีการนัดเจรจากับ ฟาร์ฟ ให้มาร่วมทีมกันอีกครั้ง มีกระแสออกมาต่างๆ นานาทั้ง ฟาร์ฟ ยืนยันคำเดิมว่าขออยู่ในฐานะผู้เล่นรีไทร์ ไม่คิดเปลี่ยนใจ แต่บางกระแสก็เชื่อว่า ฟาร์ฟ ยังถวิลหาความสำเร็จสูงสุด ขอลองหาโอกาสให้ตัวเองไปสัมผัส “วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี” อีกสักครั้งในชีวิต แล้วค่อยอำลาวงการในฐานะผู้เล่นอย่างตายตาหลับ
ซึ่งทาง ไวกิงส์ มีคุณสมบัติให้ ฟาร์ฟ ฝันไกลไปถึงแชมป์? ด้วยมันสมองในการทำงานของ ชิลเดรสส์ กอปรกับอาวุธที่ครบมือมากกว่าสมัยนำทัพเจ็ตส์ ไม่ว่าจะเป็นเกมบุกทางภาคพื้นดินของ “ตัววิ่งปิศาจ” เอเดรียน พีเทอร์สัน หรือเกมรุกทางอากาศที่มี เบอร์นาร์ด เบอร์เรียน คอยโฉบเฉี่ยว ไหนจะมี สตีฟ ฮัทชิงสัน ยอดการ์ดคอยปกป้องไม่ให้ ฟาร์ฟ ร่วงไปกองนับดาวบนพื้น หรือออกมานั่งข้างสนามลุ้นเกมรับให้ จาเรด อัลเลน สุดยอดดีเฟนด์ซีฟ เอนด์ ไล่แซ็คควอเตอร์แบ็กคู่แข่งเป็นว่าเล่น ที่สำคัญถิ่น “เมโดรโดม” ยังมีเพื่อนเก่าซึ่งเท้าเชื่อใจได้อย่าง ไรอัน ลองเวลล์ อีกทั้งคน
เมื่อชำเลืองดูเหตุผลข้างต้นคงทำให้ใจของ ฟาร์ฟ สะท้านไม่น้อย จึงยังไม่ยอมตัดสินใจอะไรลงไปอย่างชัดเจนด้วยการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ปล่อยให้ บัส คูก เอเย่นต์ส่วนตัวทำหน้าที่ไป ซึ่ง คูก เปรยว่าถ้าลูกค้าของเขาจะกลับสู่ NFL เหตุผลเดียวก็คือการหาโอกาสไปถึงตำแหน่งแชมป์ซูเปอร์โบว์ล ไม่ใช่เพื่อล้างแค้น ธอมป์สัน หรือพิสูจน์ให้ทีมเก่าอย่าง แพ็คเกอร์ส ได้เห็น อย่างที่ใครตั้งข้อสังเกตเอาไว้ ซึ่งประเด็นหลังเป็นแค่เรื่องผิดใจเล็กน้อย ฟาร์ฟ คงไม่หาเรื่องสวมยูนิฟอร์ม “สีม่วง” เพื่อเย้ยแฟนๆ “หัวเนยแข็ง” ที่หนุนหลังเขามาตลอดเป็นแน่
เพียงแต่มันประจวบเหมาะที่ว่า ไวกิงส์ เป็นทีมเดียวที่ส่งมอบความหวังมาให้ ฟาร์ฟ ได้คิดหนัก เพราะถ้าตัดสินใจคัมแบ็กจริง ต้องมาถกกันอีกว่าจะเอาอย่างไรกับอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นแขนขวาฉีกจากเมื่อฤดูกาลก่อน อีกทั้ง ฟาร์ฟ ต้องถามใจตัวเองให้ดีด้วยว่า อายุอานามปาเข้าไป 39 ปี ยังพร้อมจากบ้านห่าง ดีนนา ภรรยาสุดที่รักเป็นปีๆ เพื่อตระเวนแข่งขันและฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นดังที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งก็เชื่อเหลือเกินว่าคำตอบคงจะออกจากปากผู้ชายชื่อ “เบร็ตต์ ฟาร์ฟ” ในเร็ววันนี้ เพื่อให้ประเด็นคาใจถูกไขให้หมดไปเสียที
ว่าจะรอให้ “เบร็ตต์ ฟาร์ฟ” มีชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ (ฮอลล์ ออฟ เฟม) แห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เสียก่อน ถึงค่อยขุดคุ้ยเกียรติประวัติของสุดยอดควอเตอร์แบ็กรายนี้มาสรรเสริญเทิดทูนกันอีกที แต่ล่าสุดต้องขอแทรกคิวบรรดาคอยัดห่วง เอ็นบีเอ (NBA) ที่กำลังระทึกไปกับช่วงเพลย์ออฟ เนื่องจากมีเรื่องเล่าขานของ ฟาร์ฟ มาแลกเปลี่ยนทรรศนะกัน....อีกแล้ว
1-2 สัปดาห์ก่อน เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ให้ข่าวกับสื่อว่าเขาอยู่ในฐานะของการ “รีไทร์” ไม่คิดหวนคืนวงการคนชนคนอีก หลังจากที่ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ปล่อยตัวให้เป็นอิสระ เพราะทีมไปดราฟท์ มาร์ค ซานเชซ ดาวรุ่งของ USC มาเป็นความหวังใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ เรื่องราวการอำลาลีก (อีกครั้ง) ไม่น่าจะมีอะไรในกอไผ่อีกแล้ว แต่พอจบฤดูกาลทีไร นักข่าวมะกันต้องเจาะเอาเรื่องของ ฟาร์ฟ มาเล่นเป็นประเด็นและคงไม่มีอะไรขายได้ไปกว่า “ตกลงคุณเลิกจริง หรือจะเล่นต่อกันแน่”
ย้อนกลับไปเมื่อกลางปีที่แล้วหากจำกันได้ ฟาร์ฟ ประกาศทั้งน้ำตากับการเลิกเล่นในฐานะผู้เล่น กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส แต่ให้หลังไม่ถึงเดือน ฟาร์ฟ เลือกกลับมาสู้ศึก NFL เป็นฤดูกาลที่ 18 ในฐานะจอมทัพคนใหม่ เจ็ตส์ ซึ่งถ้าใครได้ติดตามเรื่องราวคงทราบดีว่า เจ็ตส์ ไม่ใช่ทางเลือกแรกของ ฟาร์ฟ เพราะแท้ที่จริงแล้วเขาอยากเก็บกระเป๋าไปเล่นให้ มินเนโซตา ไวกิงส์ ทว่าการเป็นอริร่วมกลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ ทำให้ เท็ด ธอมป์สัน ผู้จัดการทั่วไป “แพ็คส์แมน” ไม่โง่พอส่งอาวุธเด็ดให้คู่แข่งนำมาทิ่มแทงพวกเขาได้ในภายหลัง
แต่จากการประมวลสถานการณ์ล่าสุด ฟาร์ฟ อาจแปรสภาพเป็นหอกข้างแค่ของ แพ็คเกอร์ส ในซีซั่น 2009/10 เมื่อแหล่งข่าวของ อีเอสพีเอ็น (ESPN) สืบทราบมาว่า แบรด ชิลเดรสส์ หัวหน้าโค้ชไวกิงส์ มีการนัดเจรจากับ ฟาร์ฟ ให้มาร่วมทีมกันอีกครั้ง มีกระแสออกมาต่างๆ นานาทั้ง ฟาร์ฟ ยืนยันคำเดิมว่าขออยู่ในฐานะผู้เล่นรีไทร์ ไม่คิดเปลี่ยนใจ แต่บางกระแสก็เชื่อว่า ฟาร์ฟ ยังถวิลหาความสำเร็จสูงสุด ขอลองหาโอกาสให้ตัวเองไปสัมผัส “วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี” อีกสักครั้งในชีวิต แล้วค่อยอำลาวงการในฐานะผู้เล่นอย่างตายตาหลับ
ซึ่งทาง ไวกิงส์ มีคุณสมบัติให้ ฟาร์ฟ ฝันไกลไปถึงแชมป์? ด้วยมันสมองในการทำงานของ ชิลเดรสส์ กอปรกับอาวุธที่ครบมือมากกว่าสมัยนำทัพเจ็ตส์ ไม่ว่าจะเป็นเกมบุกทางภาคพื้นดินของ “ตัววิ่งปิศาจ” เอเดรียน พีเทอร์สัน หรือเกมรุกทางอากาศที่มี เบอร์นาร์ด เบอร์เรียน คอยโฉบเฉี่ยว ไหนจะมี สตีฟ ฮัทชิงสัน ยอดการ์ดคอยปกป้องไม่ให้ ฟาร์ฟ ร่วงไปกองนับดาวบนพื้น หรือออกมานั่งข้างสนามลุ้นเกมรับให้ จาเรด อัลเลน สุดยอดดีเฟนด์ซีฟ เอนด์ ไล่แซ็คควอเตอร์แบ็กคู่แข่งเป็นว่าเล่น ที่สำคัญถิ่น “เมโดรโดม” ยังมีเพื่อนเก่าซึ่งเท้าเชื่อใจได้อย่าง ไรอัน ลองเวลล์ อีกทั้งคน
เมื่อชำเลืองดูเหตุผลข้างต้นคงทำให้ใจของ ฟาร์ฟ สะท้านไม่น้อย จึงยังไม่ยอมตัดสินใจอะไรลงไปอย่างชัดเจนด้วยการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ปล่อยให้ บัส คูก เอเย่นต์ส่วนตัวทำหน้าที่ไป ซึ่ง คูก เปรยว่าถ้าลูกค้าของเขาจะกลับสู่ NFL เหตุผลเดียวก็คือการหาโอกาสไปถึงตำแหน่งแชมป์ซูเปอร์โบว์ล ไม่ใช่เพื่อล้างแค้น ธอมป์สัน หรือพิสูจน์ให้ทีมเก่าอย่าง แพ็คเกอร์ส ได้เห็น อย่างที่ใครตั้งข้อสังเกตเอาไว้ ซึ่งประเด็นหลังเป็นแค่เรื่องผิดใจเล็กน้อย ฟาร์ฟ คงไม่หาเรื่องสวมยูนิฟอร์ม “สีม่วง” เพื่อเย้ยแฟนๆ “หัวเนยแข็ง” ที่หนุนหลังเขามาตลอดเป็นแน่
เพียงแต่มันประจวบเหมาะที่ว่า ไวกิงส์ เป็นทีมเดียวที่ส่งมอบความหวังมาให้ ฟาร์ฟ ได้คิดหนัก เพราะถ้าตัดสินใจคัมแบ็กจริง ต้องมาถกกันอีกว่าจะเอาอย่างไรกับอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นแขนขวาฉีกจากเมื่อฤดูกาลก่อน อีกทั้ง ฟาร์ฟ ต้องถามใจตัวเองให้ดีด้วยว่า อายุอานามปาเข้าไป 39 ปี ยังพร้อมจากบ้านห่าง ดีนนา ภรรยาสุดที่รักเป็นปีๆ เพื่อตระเวนแข่งขันและฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นดังที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งก็เชื่อเหลือเกินว่าคำตอบคงจะออกจากปากผู้ชายชื่อ “เบร็ตต์ ฟาร์ฟ” ในเร็ววันนี้ เพื่อให้ประเด็นคาใจถูกไขให้หมดไปเสียที