คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
ฟุตบอลอาชีพเป็นธุรกิจ เป็นอุตสาหกรรมบันเทิงประเภทกีฬา ผูกโยงกับอุตสาหกรรมต่งๆ เช่น การผลิตลูกฟุตบอล สตั๊ด ถุงเท้า สนับแข้ง สนับขา อุปกรณ์ฝึก้อม ครีมนวด ยาฉีดพ่นระงับปวด ฯลฯ ข้างแฟนบอลมีผ้าพันคอ หมวกหรือเสื้อ เครือข่ายทีวีถ่ายทอดสดและสปอนเซอร์ ที่ทำให้ฟุตบอลอาชีพยืนยงอยู่ได้
ฟุตบอลเป็นอุตสาหรรมต้นทุนสูง สโมสรใหญ่ๆ ระดับเจ้ายุโรปมีมูลค่าระดับ 20,000 ล้านบาทข้นไป ถ้าสโมสรฟุตบอลหนึ่งๆ เป็นโรงงานอุตสาหรรม “สินค้า” ของโรงงานจะต้องทำกำไร เจ้าของโรงงานละคนงานทุกแผนกจึงจะยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง
สินค้าหลักของสโมสรคือ “เกมการแข่งขัน” (match) เพื่อให้เรื่องนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผมขอเริ่มที่ฟุตบอลในยุโรป 54 ประเทศภายใต้การควบคุมดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ที่มี “นโปเลียนลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่ เป็นประธาน นอกจากเป็นผู้ดูแลพัฒนาธุรกิจฟุตบอลอาชีพในยุโรป ยูฟ่ายังเป็นเจ้าาพจัดการแข่งขันหากไรเข้ากระเป๋า สำหรับใช้นกิจกรรมต่างๆ
ยูฟ่า คัพ กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คือ มหกรรมทำเงินขององค์กรฟุตบอลยูฟ่า แต่สุดยอดหัวเชื้อคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่นำแชมป์และรองแชมป์ลีกสูงสดในยุโรปมาเตะคัดเลือก เตะแบ่งกลุ่ม น็อกเอ้าต์ จนถึงชิงชนะเลิศ ด้วยเป็นสุดยอด “แมตช์” หรือ “แมตช์ข้ามชาติ” จึงไม่ต้องห่วงเรื่องผู้ชม (ค่าผ่านประตู) และค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
ขณะนี้ลีกยอดนิยมสูงสุดในยุโรปมีอยู่ 5 ลีก ได้แก่ พรีเมียร์ลีก (อังกฤษ), ลีก เอิง(ฝรั่งเศส), บุนเดสลีกา (เยอรมัน) , กัลโช่ เซเรีย อา (อิตาลี) ลา ลีกา (สเปน) เกมฟุตบอลเข้มข้น เป็นปลักหน่อของบรรดาแข้งทองจากทั่วโลก และเป็นหน้าตาของยูฟ่า
ผมทดลองมองด้วยสายตาของผู้บริหารยูฟ่า ขณะนี้ฟุตบอลอาชีพในยุโรปกำลังเสียสมดุลย์อย่างหนัก วัดจาก 3-4 ปีมานี้ ความนิยมไหลเทมายังเกาะอังกฤษหรือพรีเมียร์ ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และเชลซี พาเหรดเข้ารอบรองชนะเลิศและเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกปี บ่งบอกควมเป็นสุดยอดลีก ฤดูกาลนี้ทีมจากเยอรมนี, ฝรั่งเศส และอิตาลี ตกรอบไม่เหลือ
เงินทุนฟุตบอลจกยุโรป อเมริกาและ เอเชีย นับแสนล้านบาท ม่งหน้าไปซื้อกิจการโมสรในอังกฤษมาปรับปรุง “สินค้า” ให้น่าดูน่าชม ดังเช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังทำอยู่ ตรงกันข้าม สโมสรดังในอิตาลียังแก้ปัญหาเรื่องการล้มต้มคนดูให้หายขาด ส่วนสเปนสโมสรบาเลนเซีกำลังจะล่มจม ปิดฤดูกาลนักเตะดาวดังจะถูกขายเอาเงินมาประคองสโมสร
เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผู้บริหารกิจการฟุตบอลีกอิตาลีเตรียมรื้อโครงสร้างของกัลโช่ เซเรีย อา โดยอาศัยการจัดการของฟุตบอลอังกฤษที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเป็นตัวแบบ อีก 2-3 ฤดูกาลฟุตบอลอิตาลีจะเปลี่ยนรูปโฉม ส่วนลีกสปนยังไม่ถึงกับถอยหลัง เพราะบาร์เซโลน่ายังอยู่
อย่างที่บอก 3-4 ฤดูกาลมานี้ ทีมจากพรีเมียร์ลีกเข้ารอบลึกและผลัดกันเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนภาพของพรีเมียร์ลีกกับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เกือบจะเป็นภาพเดียวกัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกำลังจะกลายป็นเกมของ “บิ๊กโฟร์” แห่งพรีเมียร์ ลีก ยูฟ่าไม่ปรารถนาให้พรีเมียร์ ลีกเป็น “เมืองหลวง” ของแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งจะเสียหายต่อดุลฟุตบอลในยุโรป และประโยชน์ของยูฟ่าเอง
ในรอบ 3-4 ฤดูกาลมานี้รอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็น “สินค้า” ตัวเดิมๆ รอบชิงชนะเลิศฤูดูกาล 2007-08 เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับเชลซี ฤดกาล 2008-09 กำลังจะเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับเชลซี ซึ่งเป็นสินค้า “ตัวเดิม” ผมไม่คิดว่ายูฟ่าจะยอมให้เกิดขึ้นด้วยเหตุผลในการรักษาสมดุลให้กับ 5 ลีกยักษ์ของยุโรป
ยูฟ่าไม่บงการเกมระหว่างแมนฯ ยูฯ กับอาร์เซนอล เพราะใครแพ้ชนะก็พรีเมียร์ ลีก ทว่า ยูฟ่า สามารถบงการเกมระหว่างเชลซีกับบาร์เซโลน่า ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น ดิดิเยร์ ดร็อกบา อาจถูกยูฟ่าลงโทษสถานหนักที่ออกมาโวยวายผู้ตัดสิน ขณะแฟรงค์ แลมพาร์ด ได้รบคำชื่นชมที่ปิดปากงียบ
ดร็อกบาเป็นกรรมกรจากแอฟริกาผู้สัตย์ซื่อต่ออารมณ์ความรู้สึก และไม่อาจทนต่ออยุติธรรม ส่วนแลมพาร์ดเป็นกรรมกรแดนผู้ดีที่เข้าถึงสัจธรรมลูกหนังอาชีพ โดยเข้าใจความหมายของวลี “ฟุตบอลก็เป็นอย่างนี้แหละ” อย่างถึงแก่น การลงโทษดร็อกบาเป็นกระบวนการที่ผู้บริหารสมาคมแรงงานทำให้กรรมกรเชื่อง แต่ถ้าหากดร็อกบาไม่ถูกลงโทษ “ผู้บริโภค” จะพากันเข้าใจว่าสมาคมแรงงานคบคิดกันโกงจริงๆ
คุณผู้อ่านมอง “สินค้า” รอบชิงชนะเลิศอย่างไรล่ะ ?
ฟุตบอลอาชีพเป็นธุรกิจ เป็นอุตสาหกรรมบันเทิงประเภทกีฬา ผูกโยงกับอุตสาหกรรมต่งๆ เช่น การผลิตลูกฟุตบอล สตั๊ด ถุงเท้า สนับแข้ง สนับขา อุปกรณ์ฝึก้อม ครีมนวด ยาฉีดพ่นระงับปวด ฯลฯ ข้างแฟนบอลมีผ้าพันคอ หมวกหรือเสื้อ เครือข่ายทีวีถ่ายทอดสดและสปอนเซอร์ ที่ทำให้ฟุตบอลอาชีพยืนยงอยู่ได้
ฟุตบอลเป็นอุตสาหรรมต้นทุนสูง สโมสรใหญ่ๆ ระดับเจ้ายุโรปมีมูลค่าระดับ 20,000 ล้านบาทข้นไป ถ้าสโมสรฟุตบอลหนึ่งๆ เป็นโรงงานอุตสาหรรม “สินค้า” ของโรงงานจะต้องทำกำไร เจ้าของโรงงานละคนงานทุกแผนกจึงจะยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง
สินค้าหลักของสโมสรคือ “เกมการแข่งขัน” (match) เพื่อให้เรื่องนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผมขอเริ่มที่ฟุตบอลในยุโรป 54 ประเทศภายใต้การควบคุมดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ที่มี “นโปเลียนลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่ เป็นประธาน นอกจากเป็นผู้ดูแลพัฒนาธุรกิจฟุตบอลอาชีพในยุโรป ยูฟ่ายังเป็นเจ้าาพจัดการแข่งขันหากไรเข้ากระเป๋า สำหรับใช้นกิจกรรมต่างๆ
ยูฟ่า คัพ กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คือ มหกรรมทำเงินขององค์กรฟุตบอลยูฟ่า แต่สุดยอดหัวเชื้อคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่นำแชมป์และรองแชมป์ลีกสูงสดในยุโรปมาเตะคัดเลือก เตะแบ่งกลุ่ม น็อกเอ้าต์ จนถึงชิงชนะเลิศ ด้วยเป็นสุดยอด “แมตช์” หรือ “แมตช์ข้ามชาติ” จึงไม่ต้องห่วงเรื่องผู้ชม (ค่าผ่านประตู) และค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
ขณะนี้ลีกยอดนิยมสูงสุดในยุโรปมีอยู่ 5 ลีก ได้แก่ พรีเมียร์ลีก (อังกฤษ), ลีก เอิง(ฝรั่งเศส), บุนเดสลีกา (เยอรมัน) , กัลโช่ เซเรีย อา (อิตาลี) ลา ลีกา (สเปน) เกมฟุตบอลเข้มข้น เป็นปลักหน่อของบรรดาแข้งทองจากทั่วโลก และเป็นหน้าตาของยูฟ่า
ผมทดลองมองด้วยสายตาของผู้บริหารยูฟ่า ขณะนี้ฟุตบอลอาชีพในยุโรปกำลังเสียสมดุลย์อย่างหนัก วัดจาก 3-4 ปีมานี้ ความนิยมไหลเทมายังเกาะอังกฤษหรือพรีเมียร์ ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และเชลซี พาเหรดเข้ารอบรองชนะเลิศและเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกปี บ่งบอกควมเป็นสุดยอดลีก ฤดูกาลนี้ทีมจากเยอรมนี, ฝรั่งเศส และอิตาลี ตกรอบไม่เหลือ
เงินทุนฟุตบอลจกยุโรป อเมริกาและ เอเชีย นับแสนล้านบาท ม่งหน้าไปซื้อกิจการโมสรในอังกฤษมาปรับปรุง “สินค้า” ให้น่าดูน่าชม ดังเช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังทำอยู่ ตรงกันข้าม สโมสรดังในอิตาลียังแก้ปัญหาเรื่องการล้มต้มคนดูให้หายขาด ส่วนสเปนสโมสรบาเลนเซีกำลังจะล่มจม ปิดฤดูกาลนักเตะดาวดังจะถูกขายเอาเงินมาประคองสโมสร
เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผู้บริหารกิจการฟุตบอลีกอิตาลีเตรียมรื้อโครงสร้างของกัลโช่ เซเรีย อา โดยอาศัยการจัดการของฟุตบอลอังกฤษที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเป็นตัวแบบ อีก 2-3 ฤดูกาลฟุตบอลอิตาลีจะเปลี่ยนรูปโฉม ส่วนลีกสปนยังไม่ถึงกับถอยหลัง เพราะบาร์เซโลน่ายังอยู่
อย่างที่บอก 3-4 ฤดูกาลมานี้ ทีมจากพรีเมียร์ลีกเข้ารอบลึกและผลัดกันเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนภาพของพรีเมียร์ลีกกับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เกือบจะเป็นภาพเดียวกัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกำลังจะกลายป็นเกมของ “บิ๊กโฟร์” แห่งพรีเมียร์ ลีก ยูฟ่าไม่ปรารถนาให้พรีเมียร์ ลีกเป็น “เมืองหลวง” ของแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งจะเสียหายต่อดุลฟุตบอลในยุโรป และประโยชน์ของยูฟ่าเอง
ในรอบ 3-4 ฤดูกาลมานี้รอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็น “สินค้า” ตัวเดิมๆ รอบชิงชนะเลิศฤูดูกาล 2007-08 เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับเชลซี ฤดกาล 2008-09 กำลังจะเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับเชลซี ซึ่งเป็นสินค้า “ตัวเดิม” ผมไม่คิดว่ายูฟ่าจะยอมให้เกิดขึ้นด้วยเหตุผลในการรักษาสมดุลให้กับ 5 ลีกยักษ์ของยุโรป
ยูฟ่าไม่บงการเกมระหว่างแมนฯ ยูฯ กับอาร์เซนอล เพราะใครแพ้ชนะก็พรีเมียร์ ลีก ทว่า ยูฟ่า สามารถบงการเกมระหว่างเชลซีกับบาร์เซโลน่า ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น ดิดิเยร์ ดร็อกบา อาจถูกยูฟ่าลงโทษสถานหนักที่ออกมาโวยวายผู้ตัดสิน ขณะแฟรงค์ แลมพาร์ด ได้รบคำชื่นชมที่ปิดปากงียบ
ดร็อกบาเป็นกรรมกรจากแอฟริกาผู้สัตย์ซื่อต่ออารมณ์ความรู้สึก และไม่อาจทนต่ออยุติธรรม ส่วนแลมพาร์ดเป็นกรรมกรแดนผู้ดีที่เข้าถึงสัจธรรมลูกหนังอาชีพ โดยเข้าใจความหมายของวลี “ฟุตบอลก็เป็นอย่างนี้แหละ” อย่างถึงแก่น การลงโทษดร็อกบาเป็นกระบวนการที่ผู้บริหารสมาคมแรงงานทำให้กรรมกรเชื่อง แต่ถ้าหากดร็อกบาไม่ถูกลงโทษ “ผู้บริโภค” จะพากันเข้าใจว่าสมาคมแรงงานคบคิดกันโกงจริงๆ
คุณผู้อ่านมอง “สินค้า” รอบชิงชนะเลิศอย่างไรล่ะ ?