“กุส-ดร็อก” มึนเปาเมินเป่าโทษ “ปิเก” รับแฮนด์บอลจริง

กุส ฮิดดิงค์ และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ไม่เข้าใจการทำหน้าที่ของ ทอม เฮนนิง ออฟเรโบ ผู้ตัดสินชาวนอร์เวย์ที่เมินเป่าให้ เชลซี ได้จุดโทษในจังหวะที่ควรได้หลายครั้ง ขณะที่ เคราร์ด ปิเก กองหลังบาร์เซโลนายอมรับว่าทำแฮนด์บอลในเขตโทษจริง

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2008/2009 ได้คู่ชิงชนะเลิศเรียบร้อยแล้ว หลังจากเมื่อคืนวันพุธที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา “เจ้าบุญทุ่ม” ได้ อันเดรส อิเนียสตา เป็นฮีโร่ยิงตีเสมอ “สิงห์บลูส์” 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 ส่งผลให้เข้าไปตัดสินแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยกฎยิงประตูทีมเยือน

หลังจบเกมมีประเด็นให้ถกเถียงมากมาย เริ่มจาก ฮิดดิงค์ กุนซือชาวดัตช์ของ เชลซี ที่พุ่งเป้าไปยัง ออฟเรโบ ว่า “วันนี้มีจังหวะที่ควรเป็นจุดโทษชัดเจนถึง 3 ครั้ง ซึ่งลูกทีมผมมองว่าคำตัดสินที่ออกมาไม่ยุติธรรม จังหวะที่ มาลูดา โดน ดาเนียล อัลเวส ดึงในเขตโทษในครึ่งแรก เขาก็อยู่ในมุมที่มองเห็นชัด แต่กลับให้ฟาวล์นอกเขตโทษ”

“จากนั้น ดร็อกบา ก็ถูก เอริก อบิดัล ดึงในครึ่งหลังซึ่งผมมองว่าจะให้หรือไม่ให้ก็ได้ แต่เมื่อคุณเห็นจังหวะแฮนด์บอลในเขตโทษถึง 2 ครั้ง โดยที่ผู้เล่นบาร์เซโลนา (เคราร์ด ปิเก และ ซามูเอล เอโต) อยู่ในลักษณะยกแขนขึ้น คุณคงไม่คิดว่าเป็นการยุติธรรม เพราะมันไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นตั้งหลายครั้ง กระนั้น เราก็พลาดเองที่ไม่สามารถทำประตูเพิ่มเพื่อปิดเกมได้”

ขณะเดียวกัน ดร็อกบา ซึ่งมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ค้านสายตาของฝั่งสิงห์บลูส์ก็ได้ปรี่เข้าไปต่อว่า ออฟเรโบ หลังจบแมตช์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวจนโดนแจกใบเหลือง แต่ดาวยิงไอวอรีโคสต์ก็ยังตำหนิไม่หยุดและตามไปจวกเชิ้ตดำนอร์วีเจียนถึงในอุโมงค์ทางเข้าสนาม ซึ่งอาจถูกสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) สั่งลงโทษย้อนหลัง

ด้าน ปิเก ออกมายอมรับถึงจังหวะแฮนด์บอลจากการดวลกับ นิโกลาส์ อเนลกา หัวหอกฝรั่งเศสของ เชลซี ว่า “ด้วยความสัตย์จริง ผมยอมรับว่าน่าจะเป็นลูกแฮนด์บอลได้ เพราะมือผมโดนบอล แต่ผมไม่ได้จงใจใช้มือสัมผัสบอลเลย บางครั้งคำตัดสินก็อาจผิดพลาด แต่เมื่อเขาไม่เป่าก็ต้องยอมรับตามนั้น และผมก็ดีใจที่เข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ”

ส่วน โฮเซป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมบาร์ซาที่ได้เข้าชิงดำจ้าวยุโรปในซีซันแรกที่ผันตัวมาเป็นโค้ชแสดงทัศนะว่า “ผมเข้าใจว่า เชลซี ผิดหวังกับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน แต่ผมไม่เห็นจังหวะที่พวกเขาบอกว่าควรเป็นจุดโทษเลย ขณะที่เราเองก็สร้างสรรค์โอกาสได้ไม่มากเท่าที่ควร ซึ่งการเผชิญหน้ากับ เชลซี ย่อมเป็นเรื่องยากเสมอ แต่เราก็สามารถสู้กับพวกเขาได้ดีทั้งที่เหลือ 10 คนนานถึง 25 นาที”