อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลยอมรับว่าความปราชัยต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อคืนวันอังคารคือความชอกช้ำครั้งใหญ่ที่สุดบนเส้นทางอาชีพ ด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชี้ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ไม่สมควรโดนใบแดง พร้อมทั้งหวังว่าจะอุทธรณ์โทษสำเร็จ
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา “ปืนใหญ่” พ่ายคาถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม 1-3 โดยถูก “ปีศาจแดง” ทะลวงตาข่ายนำไปก่อนถึง 3 ลูก ส่งผลให้คว้าน้ำเหลวในฤดูกาลนี้โดยสมบูรณ์ ส่วนอริตัวฉกาจผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปป้องกันแชมป์ด้วยสกอร์รวม 4-1
หลังจบเกม เวนเกอร์ ให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์เซ็งๆ ว่า “นี่เป็นค่ำคืนที่น่าผิดหวังที่สุดในการคุมทีมฟุตบอลของผม และผมคิดว่าแฟนบอลก็คงรู้สึกเจ็บปวดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สิ่งที่ทำให้เจองานหนักคือเราไม่ได้ลงสนามด้วยความรู้สึกว่านี่คือรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เลย”
“เราถูกทิ้งห่างตั้งแต่ 10 นาทีแรกของเกม จากนั้น 80 นาทีที่เหลือก็เป็นการบุกเข้าใส่ทีมที่ตั้งรับและหาจังหวะโต้กลับได้ดี เราไม่อาจตำหนิใครเป็นรายบุคคลได้ เพราะมันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งทีม ซึ่งการถูกยิงสองประตูภายในเวลา 3 นาทีถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่” โค้ชชาวฝรั่งเศส ร่ายยาว
ด้าน เฟอร์กี ออกมาพูดว่า โรแบร์โต โรเซ็ตติ ผู้ตัดสินชาวอิตาลีไม่น่าชูใบแดงไล่ เฟลทเชอร์ หลังจากทำโปรเฟสชันแนลฟาวล์ใส่ เชส ฟาเบรกาส ที่เตรียมง้างเท้ายิงในเขตโทษในนาทีที่ 75 ก่อนที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี จะซัดจุดโทษตีไข่แตกให้ เดอะ กันเนอร์ส ซึ่งจะทำให้มิดฟิลด์ชาวสกอตแลนด์ติดโทษแบน อดลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ
นายใหญ่ปีศาจแดงกล่าวว่า “สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) จะได้รับรายงานจากผู้ตัดสินในวันพุธ ซึ่งผมหวังว่าเขา (โรเซ็ตติ) จะบันทึกไว้ว่าตัดสินใจผิดพลาดและ เฟลทเชอร์ ไม่สมควรโดนไล่ออก แม้มันจะเป็นกรณีเฉพาะ แต่ยูฟ่าเองเคยบอกว่าถ้าผู้ตัดสินยอมรับว่ามันไม่รุนแรงถึงขั้นต้องแจกใบแดงก็คงยกเลิกโทษห้ามแข่งได้”
ขณะเดียวกัน เฟอร์กูสัน ได้บ่งชี้ถึงกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะในแมตช์นี้ว่า “เราเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม การได้ 2 ประตูอย่างรวดเร็วทำให้พวกเขาเสียศูนย์ ซึ่งไม่ว่าใครก็คงกลับสู่เกมได้ยาก ที่สำคัญคือพวกเขาไม่อาจหยุดยั้ง คริสเตียโน โรนัลโด ได้ และนั่นนำมาซึ่งความแตกต่าง”