ประหยัด มากแสง ยอดโปรขวัญใจชาวไทยวางเป้าหมายสำหรับปีนี้อย่างแน่วแน่ว่าขอทำอันดับโลกขึ้นไปอยู่ในกลุ่มท็อป 30 ให้ได้ พร้อมทั้งคว้าสิทธิ์ไปร่วมแข่งขันศึกยูเอส โอเพน เพื่อสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่ได้เล่นเมเจอร์ครบทั้ง 4 รายการ
เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันศุกร์ที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา “โปรหมาย” เดินทางมาเป็นแขกรับเชิญภายในงาน “Sports Mall Asian Spec Lovers” ณ แฟชันฮอลล์ ชั้น 1 ดิ เอ็มโพเรียม ที่จัดแสดงและจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟสำหรับชาวเอเชียโดยเฉพาะ ซึ่งในงานนี้สวิงจากหัวหินมาร่วมพูดคุยและแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการตีกอล์ฟ รวมถึงถ่ายทอดประสบการณ์ที่ไปเล่นใน “เดอะ มาสเตอร์ส” เมเจอร์แรกของพีจีเอทัวร์ 2009 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดย ประหยัด ให้สัมภาษณ์ถึงความผิดหวังที่ทำผลงานรอบ 2 ได้ไม่ดีจนไม่ผ่านการตัดตัวเข้าไปเล่น 2 วันสุดท้ายตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกว่า “ผลงานวันแรกถือว่าน่าพอใจ แต่วันที่สองกลับเล่นไม่ดี นี่คือสิ่งที่ผมผิดหวังมาก เพราะเก็บคะแนนไม่ได้เลย เรื่องเทคนิคการตีอาจจะสู้เขาได้ แต่เป็นโชคไม่ดีที่วางลูกขึ้นกรีนผิดจุดไปเจอไลน์ยาก ทำให้ต้องพัตต์หลายที สกอร์จึงออกมาอย่างที่เห็น”
พร้อมกันนี้ ก้านเหล็กวัย 43 ปี ได้ระบุถึงเรื่องสภาพอากาศโดยเฉพาะลมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตีออกทะเลในรอบ 2 ว่า “วันแรกเราที-ออฟตอนเช้าซึ่งยังไม่ค่อยมีลม แต่วันที่สองเราได้ออกรอบช่วงสาย ซึ่งเป็นช่วงที่มีลมค่อนข้างแรง อีกทั้งยังเจอสภาพกรีนที่แข็ง แห้ง อันเกิดจากอากาศหนาว และกรีนก็ไหลเร็วมาก ซึ่งในเดอะ มาสเตอร์ส นั้นถ้าลูกเข้าเหลี่ยมไม่ดี โอกาสได้พาร์ก็มีน้อย”
โปรอันดับ 55 ของโลก กล่าวถึงเป้าหมายหลักในปีนี้ต่อไปว่า “ปีนี้อยากขึ้นไปอยู่ใน 30 อันดับแรกของโลก เพื่อรับประกันสิทธิ์ในการไปเล่น เดอะ มาสเตอร์ส อีกครั้ง เนื่องจากปีที่แล้วผมต้องถอนตัวกลางคันเพราะเจ็บหลัง ส่วนปีนี้ก็ยังทำได้ไม่ดีนักโดยเฉพาะวันที่สอง ดังนั้น ผมจึงอยากกลับไปที่นั่นอีก แต่สิ่งที่ผมภูมิใจสำหรับปีนี้คือ สื่อต่างชาติเข้ามาถามหลังจบวันแรกว่า ‘ปีนี้กลับมาแล้วเล่นได้ดีนะ’ เนื่องจากเราเข้ามาได้ด้วยการทำอันดับติดท็อป 50 เอง ต่างจากครั้งแรกที่ได้รับเชิญ ทำให้เขามองว่าคนไทยมีความพยายามสูง”
“ส่วนการติดท็อป 30 นั้นจะช่วยให้เราได้ไป เดอะ มาสเตอร์ส แต่เนิ่นๆ ซึ่งผมคิดว่าถ้าทำได้ก็จะเดินทางไปเตรียมตัวล่วงหน้าสัก 2-3 สัปดาห์ เพื่อปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพอากาศหนาว แรงลม สภาพสนาม ตลอดจนสภาพกรีนซึ่งวันซัอมกับวันแข่งแตกต่างกันมาก ถ้ามีเวลาเตรียมตัวคิดว่าน่าจะทำผลงานได้ดีขึ้น ซึ่งปีนี้มารู้ว่าเราได้สิทธิ์ไปเล่นก่อนแข่งเพียง 1 สัปดาห์ (หลังจบรายการแบล็ค เมาน์เทน มาสเตอร์ส)”
นอกจากนั้น “หนุ่มเทอร์โบ” ยังมองไปถึงการร่วมดวลวงสวิง “ยูเอส โอเพน” ในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะทำให้เป็นคนไทยคนแรกที่ได้ร่วมการแข่งขันเมเจอร์ครบทั้ง 4 รายการว่า “ถ้าเรากลับไปติดท็อป 50 ก็จะได้สิทธิ์ไปเล่นแน่นอน แม้ตอนนี้เราอยู่อันดับ 55 แต่ถ้าทำผลงานที่เกาหลีใต้สัปดาห์หน้า (ทัวร์ผสมเอเชียน-ยูโรเปียนทัวร์ รายการบัลลันไทน์ส แชมเปียนชิป วันที่ 23-26 เมษายน) รวมถึงในเจแปนทัวร์ได้ดี จบอันดับ 1 ใน 10 ก็มีโอกาสกลับไปอยู่ในกลุ่มท็อป 50 ซึ่งถ้าบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ก็ถือเป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะต่างชาติเขาจะได้รู้ว่าประเทศไทยก็มีนักกอล์ฟฝีมือดีไม่แพ้ชาติใดในโลก”