ลุ้นกันตัวโก่งสำหรับ “แชมป์เก่า” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนทะลุเข้ารอบตัดเชือก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ เมื่อคืนวันพุธที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้สาวก “เรด เดวิลส์” ต้องเชียร์กันต่อสำหรับศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศที่จะต้องเจอกับ เอฟเวอร์ตัน เพื่อลุ้นเข้าชิงครั้งที่ 4 ในรอบ 6 ปีหลังสุด
แมนฯยู บุกเฉือนชนะ ปอร์โต ถึงถิ่น เอสตาดิโอ ดราเกา 1-0 จากลูกยิงไกลสุดสวยเกือบ 40 หลาของ คริสเตียโน โรนัลโด ทำให้เข้ารอบตัดเชือกด้วยสกอร์รวม 3-2 ลิ่วไปทำศึกสายเลือดกับ อาร์เซนอล ที่ถล่ม บียาร์ริล 3-0 เข้ารอบด้วยประตูรวม 4-1 ทั้งสองเลกจะแข่งกันระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย.และ 5-6 พฤษภาคมนี้
หลังเกม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่กำลังพา แมนฯยู คั่ว 5 แชมป์ เผยว่า “ผมคิดว่าเราตั้งรับกันเยี่ยมมาก และมีความเหนียวแน่นมากขึ้น หลังการกลับมาจับคู่กันของ เนมานยา วิดิช และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ทั้งคู่เล่นกันได้อย่างเข้าขา ผมแทบไม่เห็นจังหวะหวาดเสียวจากทาง ปอร์โต เลยจริงๆ อาจมีการออกแรงเซฟบ้างในแต่ละครึ่งแต่ไม่เกินไปกว่านั้น”
แมนฯยู อดีตแชมป์ เอฟเอ คัพ สูงสุด 11 สมัย จะได้พัก 3 วันก่อนลงเตะกับ เอฟเวอร์ตัน แน่นอนเกมนี้ เฟอร์กี จำต้องสลับสับเปลี่ยนนักเตะบางตำแหน่งเพื่อไม่ให้ล้าจนเกินไป เนื่องจากวันพุธถัดไปต้องเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือ ปอร์ทสมัธ ในเกม พรีเมียร์ชิป โอกาสจึงน่าจะเป็นของ คาร์ลอส เตเบซ, นานี, แกรี เนวิลล์ และ พอล สโคลส์
ส่วน เอฟเวอร์ตัน กำลังอยู่ในฟอร์มที่ไม่ธรรมดา 10 นัดหลังสุดใน พรีเมียร์ชิป แพ้แค่ 2 นัดเท่านั้น ล่าสุด บุกไปเสมอ แอสตัน วิลลา แบบน่าชนะ 3-3 ทำให้ทั้งสองทีมนี้รั้งอันดับ 5 และ 6 ตามลำดับ ห่างกันแค่แต้มเดียวเท่านั้น ซึ่งน่าจะได้ไป ยูโรปา ลีก อย่างไม่มีปัญหา เนื่องจากช่องว่างระหว่างอันดับ 4 และ 7 ค่อนข้างทิ้งช่วงกันพอสมควร
จุดแข็งของ เอฟเวอร์ตัน ที่จะทำให้ แมนฯยู ลำบากใจในเกมนี้ ก็คือ การเข้าปะทะหนัก เนื่องจากเวลานี้อยู่ในช่วงปลายฤดูกาล “ผีแดง” เริ่มออกอาการกรอบอย่างเห็นได้ชัด หาก เดวิด มอยส์ เน้นลูกทีมให้บดหน่อยก็น่าจะมีลุ้น ส่วน 2 นัดที่เจอกันในลีกก็สุดสูสีเสมอกันที่ กูดิสัน ปาร์ค 1-1 ก่อนที่ “ทอฟฟีสีน้ำเงิน” จะบุกไปพ่ายที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 0-1
เกมนี้ มอยส์ ต้องลุ้น หลุยส์ ซาฮา ดาวยิงฝรั่งเศส ว่า จะฟิตออกสตาร์ทล่าตาข่ายทีมเก่าหรือไม่ หลังจากฟื้นไข้ลงมาสำรองในเกมเสมอกับ วิลลา ได้แล้ว ส่วน โช หอกที่ยืมมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี ก็ติดคัพไท ด้าน อเย็กบินี ยาคูบู ก็พักยาวแบบยังไม่มีกำหนดคืนสนาม ไม่เช่นนั้นคงต้องใช้สองกองกลาง มารูยาน เฟลลายนี ดันขึ้นมายืนคู่กับ ทิม เคฮิลล์
อีกหนึ่งคู่ อาร์เซนอล จะพบกับ เชลซี ที่ เวมบลีย์ เช่นกัน แต่จะลงเตะก่อนในวันเสาร์ ซึ่งต้องมาตัดกันเอง เพราะทั้งคู่มีลุ้นดับเบิลแชมป์และทริปเปิลแชมป์ตามลำดับ แน่นอนว่า เชส ฟาเบรกาส กัปตันทีมวัยละอ่อน ออกมากระตุ้นเพื่อนร่วมค่าย “ปืนโต” ให้มุ่งสมาธิมาที่เกม เอฟเอ คัพ ก่อนไม่ใช่แชมเปียนส์ลีกนัดตัดเชือกกับ แมนฯยูไนเต็ด
“การเจอกับ แมนฯยู เป็นเกมที่เหลือเชื่อมากสำหรับเรา เพราะบางทีพวกเขาอาจจะเป็นทีมที่ดีที่สุดในยุโรปหรือไม่ก็ในโลก เรามั่นใจเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม เราคงต้องมุ่งเป้ามาที่เกม เอฟเอ คัพ กับ เชลซี ก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากถ้วยใบนี้ก็มีความสำคัญกับเราเช่นเดียวกัน” ฟาเบรกาส แข้ง อาร์เซนอล อดีตแชมป์ เอฟเอ คัพ 10 สมัยเปิดเผย
เกมนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ อาร์เซนอล ยังคงมีปัญหาในเกมรับเมื่อ วิลเลียม กัลลาส เซนเตอร์ฮาล์ฟเลือดน้ำหอม บาดเจ็บต้องพักยาว แบ็กสองข้างอย่าง บาการี ซานญา และ กาแอล คลิชี ก็ไม่ได้ลงสนามในเกมถล่ม บียาร์ริล โดยต้องให้ดาวรุ่งอย่าง คีแรน กิบบ์ส มาเล่นแทน แต่แนวรุกจะได้ อังเดร อาร์ชาวิน ที่ติดคัพไทในถ้วยยุโรปคืนสนาม
ทางด้าน เชลซี เพิ่งตบเท้าเข้าสู่รอบตัดเชือกศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก หลังจากเปิดรังเสมอกับ ลิเวอร์พูล อย่างสุดระทึก 4-4 เข้ารอบไปด้วยสกอร์รวม 7-5 แต่เห็นได้ชัดว่ามีปัญหาเกมรับ เพราะก่อนหน้านี้ใน พรีเมียริป เอาชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส แบบเฉียดฉิว 4-3 อย่างไรก็ตาม จะได้ จอห์น เทอร์รี ที่โดนแบนในเกมยุโรปกลับมาคุมแดนหลังอีกครั้ง
ปีนี้ เชลซี อดีตแชมป์ 4 สมัย และแชมป์ครั้งล่าสุดในปี 2007 ถือว่าโชคดีไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาจับสลากพบกับทีมดิวิชันต่ำกว่า พรีเมียร์ชิป มาโดยตลอด แต่เกมนี้ถือว่าหนักเอาการ เนื่องจากในลีกนัดแรกก็แพ้ อาร์เซนอล คาถิ่นมาแล้ว 1-2 อย่างไรก็ตาม น่าสนใจที่ตอนนั้นเป็นการคุมทัพของ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ไม่ใช่ กุส ฮิดดิงค์ ในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม มีสถิติที่น่าสนใจ ก็คือ ศึก “ดาร์บีแมตช์ลอนดอน” ของคู่นี้นับเฉพาะเวอร์ชัน เอฟเอ คัพ ที่เจอกันมารวม 5 ครั้ง (นับแมตช์รีเพลย์) ตั้งแต่มี พรีเมียร์ชิป มา อาร์เซนอล ไม่เคยแพ้เลย หนสุดท้ายที่เจอกันในฤดูกาล 2003-04 รอบ 5 “ปืนโต” เอาชนะไปได้ 2-1 ส่วน เชลซี ชนะครั้งสุดท้ายต้องนั่งไทม์แมชีนย้อนไปในปี 1947 เลยทีเดียว
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
ผี 1-0, ปืน 2-1